ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จคว้าชัยชนะในเกม เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ นัดที่ 246 (212 นับเฉพาะเกมลีก) ได้ตามความคาดหมายแม้จะไม่ใช่ฟอร์มที่สวยหรู แต่อย่างน้อย หงส์แดง สามารถพิชิต เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมืองได้ด้วยสกอร์ 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย.โดยมี ดีโอโก้ โชต้า ซัดประตูโทนพาทีมเก็บแต้มนำหน้า อาร์เซน่อล ทีมรองจ่าฝูงเป็น 12 แต้มเท่าเดิมพร้อมเพิ่มโอกาสเข้าเส้นชัยมากขึ้นทุกที

1. อลิสซง หลุดโผ-โจนส์ ยืนแบ็คขวา
ลิเวอร์พูล วางหมาก 11 คนแรกโดยปราศจากนายทวาร อลิสซง ที่เจ็บศีรษะมาจากการรับใช้ชาติ แถมนายทวารแซมบ้าไม่มีเอี่ยวในเกมนี้ด้วย และเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ ที่ได้กลับมาเฝ้าเสาโดยมี วิเทซลาฟ ยารอส เป็นตัวสำรอง

นอกจากนี้ หงส์แดง ขาดสองแบ็คขวาทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ คอเนอร์ แบรดลีย์ ที่บาดเจ็บทั้งคู่ และไม่มีชื่อนั่งข้างสนามเช่นกันโดย อาร์เน่อ สล็อต เลือกส่ง เคอร์ติส โจนส์ เสียบแทนอย่างที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตเจ้านายเคยใช้งานเขาในตำแหน่งนี้เช่นกันแม้เจ้าบ้านจะมี จาเรลล์ ควานซาห์ พร้อมลงบู๊

เทียบจากเกมล่าสุดที่แพ้ นิวคาสเซิ่ล 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ สล็อต ปรับทัพตำแหน่งเดียวโดยดร็อป ควานซาห์ ออกให้ โจนส์ รับภาระฟูลแบ็คแทน

ด้าน ไรอัน กราเฟนแบร์ก สร้างสถิติถูก สล็อต ส่งลงเล่นเป็นตัวจริงเกมลีกซีซั่นนี้ครบทั้ง 30 นัด และทำให้กองกลางดัตช์เป็นนักเตะ หงส์แดง อายุน้อยที่สุดในวัย 22 ปี 32 วันที่ได้ออกสตาร์ตเกมลีกครบทั้ง 30 นัดแรกของซีซั่นต่อจาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ในซีซั่น 1994/95 (19 ปี 339 วัน) และ จอห์น แม็คลาฟลิน ในซีซั่น 1970/71 (19 ปี 2 วัน) แต่แน่นอนว่า กราเฟนแบร์ก ถือครองสถิตินักเตะของทีมที่ไม่ใช่ชาวบริติช

2. ท๊อฟฟี่ส่งชุดเดิมลงบู๊

เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม เอฟเวอร์ตัน ไม่เปลี่ยนโผขุนพลจากเกมลีกนัดล่าสุดที่พวกเขาเฝ้าบ้านไล่ตีเสมอ เวสต์แฮม 1-1 ได้แบบเฉียดฉิวในช่วงทดเวลา

ทีมท๊อฟฟี่ได้รับข่าวดีเมื่อ วิทาลี่ มิโคเลนโก้ แบ็คซ้ายตัวหลักเช็กความฟิตผ่าน แถมพวกเขามีผลงานไร้พ่ายในเกมลีกตลอดเก้านัดหลังแม้จะยังไม่ชนะเกมลีกนัดเยือนในซีซั่นนี้เลยโดยสี่นัดหลังของพวกเขาออกผลเสมอเรียบวุธ

สำหรับกัปตันทีม เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ครบ 300 นัดพอดีโดยนับตั้งแต่ประเดิมสนามเมื่อเดือนส.ค.2016 มีแค่ ซน ฮึง มิน ที่ลงเล่นมากกว่า 301 เกมหากนับเฉพาะนักเตะโดยไม่รวมนายทวาร

กระนั้นก็ดี โผทีมเยือนที่ต่างไปจากนัดก่อนคือเกมนี้พวกเขาปราศจาก เยสเปอร์ ลินสตรอม ซึ่งนัดก่อนถูกเปลี่ยนลงเล่นเป็นตัวสำรอง แต่นัดนี้ตัวรุกทีมชาติ เดนมาร์ค ไม่มีส่วนร่วมเนื่องจากเจ็บขาหนีบ

3. วีเออาร์ฉาวโฉ่

ขึ้นชื่อว่าฟุตบอลลีกอังกฤษ ไม่ว่าจะยังไงเป็นต้องมีประเด็นถกเถียงถึงมาตรฐานการตัดสินของสิงห์เชิ้ตดำอยู่ร่ำไปรวมถึงเกมเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้นัดนี้ด้วยเช่นกัน

หลังผ่านไป 11 นาที เอฟเวอร์ตัน ส่อแววเหลือนักเตะแค่สิบคนตั้งแต่หัววันเมื่อ ทาร์คอฟสกี้ ปรี่เข้าสไลด์บอลหน้าเขตโทษเพื่อตัดโอกาสเข้าหาบอลของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แต่แม้จะเข้าสไลด์บอลได้ แต่ดาวเตะทีมเยือนเทน้ำหนักตัวยันใส่กองกลางทีมชาติ อาร์เจนติน่า ชัดเจนเข้าทำนอง "เล่นทั้งบอลทั้งคน" เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเก็บตกจังหวะสอง

ไม่จำเป็นต้องดูภาพช้ามันชัดเจนว่า ทาร์คอฟสกี้ มีเจตนาอัดคู่แข่งแม้อาจไม่ได้หวังให้บาดเจ็บ แถมยิ่งมีการรีเพลย์ภาพก็ยิ่งแจ่มแจ้งว่ามันสมควรเป็นใบแดงเนื่องจากจังหวะเข้าบอลแบบนั้นสามารถทำให้คู่แข่งขาหักได้

อย่างไรก็ดี หลังจากท่านเปาแจกใบเหลืองให้ ทาร์คอฟสกี้ ปรากฏว่ามีการเช็กวีเออาร์ตามระเบียบ แต่ให้น่าเซอร์ไพรส์อย่างแรงที่ไม่มีการเปลี่ยนการตัดสินซึ่งถือเป็นเรื่องโชคดีอย่างมหาศาลสำหรับ เอฟเวอร์ตัน

ด้าน ลิเวอร์พูล เองก็โชคดีเช่นกันที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ไม่ได้เจ็บหนัก และลุกขึ้นมาเล่นต่อได้จนจบเกม แต่ที่แน่ๆหากท่านเปาตั้งมาตรฐานการเสียบสกัดแบบนี้ว่าเป็นแค่ใบเหลืองไม่ใช่ใบแดงก็เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณเปิดโอกาสให้นักเตะเสียบสกัดอย่างรุนแรงแบบนี้ได้ในเมื่อมีตัวอย่างเป็นหลักฐานว่าวีเออาร์ยืนยันว่าไม่เป็นใบแดงทั้งๆที่คอมเมนเตเตอร์ ตลอดจนอดีตท่านเปารวมถึง ดันแคน เฟอร์กูสัน อดีตหัวหอกจอมดีเดือดของ เอฟเวอร์ตัน เองต่างก็ลงความเห็นตรงกันว่า ทาร์คอฟสกี้ ต้องโดนไล่ออกสถานเดียวจากการหงายปุ่มยกเท้าสูงยันใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความรุนแรงซึ่งเข้าข่ายได้ใบแดงครบถ้วนทุกกรณี อีกทั้งผู้ตัดสินอยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ด้วย หากแต่ พรีเมียร์ลีก โพสต์ลง X แจกแจงว่าเขาสกัดโดนบอล หากแต่ซุ่มซ่ามจนกลายเป็นการเข้าปะทะคู่แข่ง

หลังพุ่งเข้ายันใส่น่อง แม็ค อัลลิสเตอร์ เต็มๆโดยไม่โดนไล่ออกทำให้ดาวเตะวัย 32 ปีถือครองสถิติร่วมได้ใบเหลืองมากที่สุด 63 ใบโดยไม่เคยโดนอัปเปหิในเกม พรีเมียร์ลีก เลยแม้แต่นัดเดียว

4. หงส์เฮครบ 100 นัด

แม้จะมีฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปหลายขีดขั้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้าย เร้ด แมชีน ยังสร้างผลงานข่ม เอฟเวอร์ตัน ได้ต่อไปโดยมี ดีโอโก้ โชต้า กลับมาคลำเป้าได้เป็นเม็ดแรกในรอบสองเดือนครึ่งพาเจ้าบ้านคว้าผลลัพธ์อย่างที่พวกเขาต้องการได้สำเร็จ

หลังตาข่ายขาดก่อน เอฟเวอร์ตัน สานต่อผลงานในเกมดาร์บี้แมตช์ที่ย่ำแย่ต่อไปเมื่อพวกเขาไม่อาจเอาชนะทีมร่วมเมืองในเกม พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 35 ติดต่อกันแล้วหากเป็นฝ่ายเสียประตูก่อนนับตั้งแต่ทีมลูกอมหักปีก หงส์แดง ได้สำเร็จ 2-1 ในเกมเมื่อเดือนธ.ค.1992

ขณะเดียวกัน ชัยชนะเหนือเพื่อนบ้านเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล พิชิต เอฟเวอร์ตัน ในทุกรายการได้ครบ 100 นัดแล้วโดยทีม ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน เป็นฝ่ายได้เฮ 68 นัด และเสมอกัน 78 นัด

5. น้ามอยส์หงอยต่อ

นอกจากจะเสียสถิติแพ้เกมลีกเป็นนัดแรกในรอบ 10 นัดแล้ว มอยส์ ยังปฏิบัติภารกิจสำคัญส่วนตัวไม่สำเร็จอีกตามเคยนั่นคือการพยายามคุมทีมบุกมาคว้าสามแต้มเต็มที่ แอนฟิลด์ ได้เป็นครั้งแรกในอาชีพผู้จัดการทีมกับทุกสโมสร

นับเฉพาะเกม พรีเมียร์ลีก มอยส์ ไม่อาจพาทีมบุกมากำชัยที่ แอนฟิลด์ 20 นัดแล้วจากผลงานเสมอ 6 นัด แพ้ 14 นัด และสร้างชื่อในทางลบเป็นนายใหญ่ที่ไม่ชนะเกมลีกที่สนามแห่งนี้อย่างยาวนานที่สุด

พร้อมกันนี้ มอยส์ ทุบสถิติตัวเองเช่นกันเนื่องจากก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกำชัยเหนือ เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกม พรีเมียร์ลีก นาน 19 นัดเท่ากับ ลิเวอร์พูล ก่อนเพิ่มสถิติย่ำแย่ที่ แอนฟิลด์ จนได้

ขณะเดียวกัน หากนับรวมทุกรายการ มอยส์ ยังนับหนึ่งคว้าชัยที่ แอนฟิลด์ ไม่ได้สักทีจากการคุมทุกสโมสรบุกมาเยือน เร้ด แมชีน นานถึง 22 นัดแล้ว

เกม 22

ชนะ 0

เสมอ 7

แพ้ 15

ประตูได้ 12

ประตูเสีย 37

สโมสร 4

สยามกีฬา