|
20
พ.ค. เลี้ยงส่ง คล็อปป์, แมนซิตี้แชมป์อีกแล้ว, อาร์เซน่อลแค่พระรอง! 6 ประเด็นปิดพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023/2024 จบบริบูรณ์แล้ว โดย แมนซิตี้ สามารถคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง และเป็นแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกัน ส่วน อาร์เซน่อล ต้องทำใจเมื่อเป็นพระรองต่อไป ขณะที่ ลิเวอร์พูล จัดงานเลี้ยงอำลา เจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างสวยหรูด้วยการปราบ วูล์ฟส์ ต่อหน้าสาวก "เดอะ ค็อป" เพื่อเป็นของขวัญให้กับ "บอส" สำหรับการคุมทีมเกมสุด สำหรับ เชลซี สโมสรที่ได้ชื่อว่าทุ่มทุนมหาศาลในการสร้างทีมแต่ผลงานสวนทางกับเม็ดเงินที่จ่ายไป อย่างไรก็ตามพวกเขายังสามารถจบอันดับไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป ซึ่งต่างจาก แมนยู ที่ผลงานต่างกันราวฟ้ากับเหวเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แถมยังจบอันดับ 8 แย่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ทีมนับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีก เลยทีเดียว 1. แมนซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จารึกชื่อในฐานะผู้จัดการทีมคนแรกในวงการลูกหนังประเทศอังกฤษ เมื่อนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/2024 ได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน สำหรับการขับเคี่ยวแย่งชิงแชมป์ในซีซั่นนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้น โดยในช่วงโค้งสุดท้ายมีม้า 3 ตัวได้แก่ แมนซิตี้, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล แต่น่าเสียดายที่ "หงส์แดง" ดันฟอร์มหลุดในช่วงเดือนเมษายนทำให้พวกเขาพลาดการลุ้นแชมป์ในวันสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย ขณะที่ แมนซิตี้ สามารถยืนระยะการลุ้นแชมป์ได้อย่างสุดยอด โดยแบกรับแรงกดดันได้ตลอดและสามารถเก็บชัยชนะในเกมลีก 8 แมตช์รวด ทำให้พวกเขาผงาดคว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ ปัจจุบัน นายใหญ่ชาวสแปนิช สะสมแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่ 6 จาก 7 ฤดูกาล และเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในฐานะกุนซือ 12 สมัย (แมนซิตี้, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค) รวมทั้งสะสมความสำเร็จมากมายมหาศาลรวม 38 รายการจากการคุม 3 สโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป แถมยังได้ลุ้นแชมป์ใบที่ 39 ในเกมเอฟเอ คัพ นัดชิง วันเสาร์ที่ 25 พ.ค.นี้ 2. อาร์เซน่อล อกหักซ้ำสอง ใครที่เป็นสาวก "เดอะ กูนเนอร์" คงต้องเจ็บช้ำระกำใจอีกครั้ง เมื่อพวกเขามีโอกาสที่จะยุติการรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกในรอบ 20 ปี แต่ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล ก็ทำไม่สำเร็จ และต้องรอคอยความสำเร็จต่อไป มิเกล อาร์เตต้า พยายามสร้างทีมให้แข็งแกร่งกว่าด้วยการดึง เดแคลน ไรซ์ มาร่วมทีมซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เพราะ อาร์เซน่อล สามารถก้าวขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้อย่างต่อเนื่อง แต่มาสะดุดในช่วงสำคัญของปลายเดือนธันวาคมที่เสมอ ลิเวอร์พูล และแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ ฟูแล่ม อย่างไรก็ตาม "เดอะ กันเนอร์ส" งัดฟอร์มเทพกลับมาได้ตั้งแต่ต้นปี 2024 เมื่อสามารถเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น จนกระทั่งมาเสมอ แมนซิตี้ ในเกมบิ๊กแมตช์ ทำให้พวกเขาครองความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ แต่น่าเสียดายที่ทีมดันพลาดแพ้ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างแท้จริง เพราะหลังจากแมตช์พ่าย วิลล่า คา เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พวกเขาสามารถคว้าชัยชนะได้หมด แต่มันไม่เพียงพอเนื่องจาก "เรือใบสีฟ้า" ก็ทำได้เช่นกัน และบทสรุปก็คือ อาร์เตต้า แอนด์ โค. ต้องจบเป็นพระรองซีซั่นที่สองติดต่อกัน 3. เลี้ยงอำลา คล็อปป์ "ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา" ในที่สุดวันที่แฟนบอลลิเวอร์พูลไม่อยากให้มาถึงก็มาจนได้ เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ นำทัพ "หงส์แดง" ลงสนามในฐานะผู้จัดการทีมเป็นแมตช์สุดท้ายต่อหน้าสาวก "เดอะ ค็อป" ที่เข้ามาชมเกมเต็มความจุสนาม สำหรับแมตช์อำลา "บอส" ถือว่าเหล่าพลพรรค "หงส์แดง" ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติ เมื่อสามารถไล่ทุบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่เหลือแค่ 10 คนแบบสบายเกือก 2-0 ซึ่งเป็นของขวัญส่งท้ายให้กับ คล็อปป์ เพื่อเป็นความทรงจำที่สวยงามในแมตช์สุดท้าย แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้อย่างที่ต้องการ แต่อย่างน้อยๆ การได้ คาราบาว คัพ พร้อมกับจบอันดับ 3 กลับไปโม่เกือกศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถือเป็นสิ่งดีงามที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน มอบให้กับทีมเป็นการอำลา ส่วนงานเลี้ยงอำลาก็ถือว่าเต็มไปด้วยความประทับใจ และความตื้นตันใจของทุกๆ คน แต่หนึ่งในทีเด็ดที่ คล็อปป์ มอบให้และทำให้ทุกคนทั้งยิ้มทั้งหัวเราะนั่นก็คือการที่เขา ตะโกนชื่อ อาร์เน่ สล็อต (กุนซือคนใหม่ลิเวอร์พูล) เป็นทำนองเพลง แน่นอนว่าแฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" ทั่วโลกคงทั้งเศร้า และคิดถึง คล็อปป์ เพราะเขาคือบุรุษผู้นำแพสชั่นในเกมลูกหนัลกลับคืนสู่สโมสร รวมทั้งความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในรอบ 3 ทศวรรษ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ลาก่อนเจ้านาย....คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย (You Will Never Walk Alone) 4. แมนเชสเตอร์อยู่ธี่แปดดดดด !! ถ้าจะถามหาสโมสรที่ทำให้แฟนบอลผิดหวังมากที่สุดหลายคนคิดว่าเป็น ลูตัน ทาวน์, เบิร์นลี่ย์, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่บอกเลยไม่ใช่แต่นอน เพราะต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงทีมที่ทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ทั่วโลกต้องน้ำตาริน เอริค เทน ฮาก เข้ามาสร้างแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับแฟนผีแดงทั่วโลกด้วยการคุมทีมซีซั่นแรกพร้อมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ และจบอันดับ 3 ได้ตั๋วไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งนั่นทำให้สาวก "ปีศาจแดง" เริ่มเชื่อมั่นว่าบุรุษชาวดัตช์คือคนที่ "ใช่" !!! อย่างไรก็ตามฤดูกาล 2023/2024 มันคือฝันร้ายของ เทน ฮาก และแฟน "ผีแดง" อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะตกรอบแบ่งกลุ่มถ้วยใบโตยุโรปแล้ว ยังตกรอบคาราบาว คัพ และไม่มีลุ้นแชมป์ลีกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือการจบอันดับ 8 มีแค่ 60 แต้มเท่านั้นซึ่งเป็นอันดับที่แย่ที่สุดของสโมสรในยุคพรีเมียร์ลีก และนั่นทำให้ เดวิด มอยส์ ลอยตัวเรียบร้อยเพราะตอนที่เขาคุม "ผีแดง" ทีมจบอันดับ 7 มี 64 คะแนนในฤดูกาล 2013/2014 แถมยังมีผลต่างประตูได้เสีย -1 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมในฤดูกาล 1989-1990 โดยตอนนั้นลีกสูงสุดเมืองผู้ดีใช้ชื่อว่า "ดิวิชั่น 1" ถ้าจะอ้างเรื่องนักเตะคีย์แมนเจ็บก็ได้ แต่ทีมอื่นก็เจอสถานการณ์แบบเดียวกันแต่เอาตัวรอดไปได้ ซึ่งนั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงกึ๋นของกุนซือ ดังนั้นสิ่งที่ เทน ฮาก ต้องทำคือกลับไปปรับทัศนคติและสร้างระบบการเล่นที่ดีกว่านี้ 5. วิลล่า ทีมเซอร์ไพรส์ ส่วนทีมที่ต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์สุดๆ คงหนีไม่พ้น แอสตัน วิลล่า ภายใต้การกุมบังเหียนของ อูไน เอเมรี่ ซึ่งสามารถปั้นทีมจากหนีตกชั้นจนได้สิทธิ์ไปเล่นคอนเฟอเรนซ์ ลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่สำหรับฤดูกาลนี้พวกเขาพัฒนาขึ้นไปยิ่งกว่านั้นหลายเท่า ช่วงต้นฤดูกาล "สิงห์ผงาด" เคยยืนระยะตำแหน่งจ่าฝูงอยู่สักใหญ่ๆ แต่ด้วยสภาพทีมและขุมกำลังเชิงลึกทำให้พวกเขาค่อยๆ โดนบรรดาทีมชั้นนำเบียดตกลงมาเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เอเมรี่ ใช้ประสบการณ์และมันสมองในการประคองสโมสรให้รั้งอันดับท็อปโฟร์ได้สำเร็จ การคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถือเป็นความสำเร็จที่สาวก "สิงห์ผงาด" เฝ้ารอมานานถึง 41 ปี โดยก่อนหน้านี้พวกเขาเคยได้ลุยโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" มาแล้วเมื่อฤดูกาล 1982/1983 ยุคที่ยังใช้ชื่อว่า ยูโรเปี้ยน คัพ แน่นอนว่า เอเมรี่ คงตั้งเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิมสำหรับฤดูกาลหน้า และถ้าหากได้รับการสนับสนุนจากสโมสร มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะก้าวขึ้นมาฟาดฟันกับ แมนซิตี้, อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล ในการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็ได้ 6. เชลซี เริ่มต้นแย่แต่จบสวย เชลซี เป็นทีมที่ทุ่มเงินเสริมทัพมากมายมหาศาลนับตั้งแต่ที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ เข้ามาบริหารสโมสร แถมยังได้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ เข้ามากุมบังเหียน ทำให้แฟนบอลวาดฝันว่าพวกเขาจะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง สำหรับผลงานของสโมสรกับเงินที่ทีมทุ่มลงไปมันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ "พอช" ไม่สามารถนำทีมซูเปอร์สตาร์พันล้านเล่นได้อย่างเข้าขา บางเกมก็ดูดีมีราศี บางเกมก็ดูแย่มีราคี ทำให้ฟอร์มการเล่นของ "สิงห์บลูส์" ลุ่มๆ ดอนๆ เชลซี รั้งอยู่อันดับกลางตารางเป็นส่วนใหญ่ในฤดูกาลนี้ แต่ดูเหมือนว่า โปเช็ตติโน่ สามารถปรับแท็กติก และสปิริตของทีมค่อยๆ เข้ากันอย่างลงตัวในช่วงท้ายฤดูกาล และส่งผลให้ฟอร์มการเล่นดีวันดีคืน ชัยชนะ 5 แมตช์รวดในลีกทำให้พวกเขาขยับอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 6 พร้อมกับคว้าสิทธิ์ไปเล่นศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก แต่ถ้า แมนซิตี้ ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ บุญจะหล่นทับให้ไปเล่นในยูโรปา ลีก แทน ดังนั้นคงได้เห็นแฟนบอลเชลซี ส่งใจเชียร์ "เรือใบสีฟ้า" ให้ทุบ แมนยู ในวันเสาร์นี้ สำหรับสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชอบ โปเช็ตติโน่ มากๆ ก็คือการให้โอกาส โคล พาลเมอร์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง เพราะมันทำให้เขาเฉิดฉายการเป็นยอดนักเตะ และนั่นทำให้เจ้าตัวคว้ารางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลนี้ ด้วยสถิติ 22 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ ทอมเม้ง |
|