25
ก.พ.
ดึงสติกลับมาด่วน! ผ่า 5 ข้อก่อนเกม ลิเวอร์พูล ปะทะ คริสตัล พาเลซ


เจอร์เก้น คล็อปป์ มีคิวต้องนำพลพรรคลิเวอร์พูล เยือน คริสตัล พาเลซ ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ โดยพวกเขาต้องเรียกสติกลับมาอีกครั้ง หลังโดน เรอัล มาดริด บุกมายำถึงแอนฟิลด์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ช่วงกลางสัปดาห์ ที่สำคัญสามคะแนนในถิ่นเซลเฮิร์ตสท์ พาร์ค มีความหมายอย่างมาก นอกจากจะทำให้ทีมลดช่องว่างท็อปโฟร์แล้ว ยังเป็นการเรียกขวัญกำลังใจกลับมาอีกครั้ง สำหรับช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้

1. ตั้งสติออกสตาร์ทใหม่

หลังจากที่ต้องพบกับหายนะแบบช็อกคาตาเมื่อพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด 2-5 ทั้งๆ ที่นำก่อน 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำเอาสาวก "เดอะ ค็อป" เจ็บปวดรวดร้าวหัวใจ ขณะที่แข้ง "หงส์แดง" ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่าขาดความมั่นใจ !

จุดนี้ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวบรวมสติของลูกทีมเพื่อให้กลับมามีสมาธิในเกมลีกอีกครั้ง เพราะนี่เป็นสิ่งที่จะสามารถเรียกศรัทธาคืนมาจากแฟนบอล "หงส์แดง" เพื่อสร้างโอกาสในการทำอันดับให้ดีที่สุดในลีก

การที่ต้องไปเยือน คริสตัล พาเลซ บอกเลยว่าไม่ใช่ง่ายๆ เพราะเจ้าบ้านทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งเวลาเจอ ลิเวอร์พูล แถมตอนนี้อาคันตุกะกำลังขาดความมั่นใจอย่างมาก ถ้าหากนายใหญ่ชาวเยอรมัน ไม่สามารถกระตุ้นแข้ง "เดอะ เร้ดส์" ให้กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง งานนี้บอกเลยว่าพวกเขาเจองานหนักแน่ !

2. เกมเยือนของแสลงของ "หงส์แดง"

สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ต้นฤดูกาลนี้บอกเลยว่าทำเอาแฟนบอลงงเป็นไก่ตาแตก เพราะฟอร์มของพวกเขาร่วงกราวรูดอย่างน่าใจหาย ไม่เหลือร่องรอยของทีมที่ได้ลุ้น 4 แชมป์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

ฟอร์มการเล่นในบ้านก็ไม่น่าประทับใจ ขณะที่ผลงานการออกไปเป็นทีมเยือนก็ไม่รู้ดีมากนัก โดยพวกเขามีสถิติแพ้ไปถึง 9 แมต์จาก 17 เกมที่ออกไปเยือนในทุกรายการสำหรับฤดูกาลปัจจุบัน (ชนะ 6 เสมอ 2)

ฉะนั้นในการบุกถิ่นเซลเฮิร์ตสท์ พาร์ค ต้องงานที่หนักหนาสาหัสาหรับ คล็อปป์ แอนด์ โค. เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่ทีมกำลังระส่ำจากความพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด มันยิ่งทำให้ "เดอะ เร้ดส์" ต้องระมัดระวังในการเล่นเกมนี้อย่างมาก

3. ซาลาห์ เตรียมทาบรัศมี "เดอะ ก็อด"

แม้ว่าเกมรุกของ "หงส์แดง" จะมีปัญหาอยู่บ้างก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้คู่แข่งไม่สามารถประมาทพวกเขาได้เลยนั่นก็คือผลงานของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่แม้ฟอร์มจะดร็อปไปบ้าง แต่ก็ยังอันตรายเมื่ออยู่ในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง

ปัจจุบัน "บังโม" ตะบันตาข่ายคู่แข่งในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีไปแล้ว 126 ประตู ดังนั้นขาดอีกแค่ 2 ลูกเท่านั้นก็จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปเทียบสถิติในการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ทำเอาไว้ 128 ประตู

แน่นอนว่ามันอาจจะค่อนข้างยากที่ ซาลาห์ จะซัดสองประตูในช่วงเวลาที่ ลิเวอร์พูล ฟอร์มรุมๆ ดอนๆ แบบนี้ แต่อย่างน้อยๆ สถิตินี้น่าจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ "คิง ออฟ อียิปต์" พยายามงัดฟอร์มเก่งออกมาเพื่อยิงประตู พาเลซ ให้ได้

4. กัคโป, นูนเญซ กำลังเข้าขา

หนึ่งในสัญญาณที่ดีในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของ ลิเวอร์พูล นั่นก็คือฟอร์มการเล่นที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องของ โคดี้ กัคโป และ ดาร์วิน นูนเญซ เพราะผลงานของพวกเขาเริ่มเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ

กัคโป และ นูนเญซ ช่วยกันยิงประตูในเกมลีก 2 แมตช์ที่ผ่านมา ขณะที่ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก กับ "ราชันชุดขาว" แนวรุกจะยิงประตูไม่ได้แต่ผลงานของเขาไม่ได้ย่ำแย่อะไรมากนัก ฉะนั้นสิ่งนี้คงจะเป็นการบ่งบอกว่าเขาเริ่มเข้าใจปรัชญาการเล่นของ คล็อปป์ มากยิ่งขึ้น

เชื่อว่า คล็อปป์ ยังคงให้ความเชื่อมั่นในตัว กัคโป และ นูนเญซ ที่จะลงเล่นเป็นตัวหลักในแดนหน้าต่อไป แต่กระนั้นหากเกิดสถานการณ์คับขันหรือต้องการการเปลี่ยนแปลงในแนวรุก เชื่อว่า โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ อาจจะได้รับโอกาสกลับมาลงสนาม

5. โอกาสลดช่องว่างลุ้นท็อปโฟร์

ตอนนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสดีมากๆ ในการที่จะได้ลุ้นติดท็อปโฟร์ เพราะพวกเขาตามหลัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพียง 7 แต้มเท่านั้นแถมยังมีเกมอยู่ในมือ 2 แมตช์ด้วย ฉะนั้นถ้าหากสามารถเก็บสามแต้มในเกมนี้ได้ จะเป็นการกดดัน "ไก่เดือยทอง" ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ สเปอร์ส ต้องเจอกับเกมหนักเมื่อมีคิวทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ พบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่ต้องการชัยชนะอย่างมากเพื่อเรียกศรัทธาคืนจากแฟนบอล ส่วน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต้องเล่นเกมนัดชิง คาราบาว คัพ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้พวกเขาไม่มีคิวแข่งเกมลีกสุดสัปดาห์นี้

ฉะนั้นชัยชนะในเกมเยือน พาเลซ มีความหมายอย่างมาก เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสในการที่พวกเขาจะคว้าโควตาเพื่อได้สิทธิ์ไปเล่นศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้า เนื่องจากความหวังในการคว้าโทรฟี่ใบนี้แทบจะริบหรี่เหลือเกิน ด้วยเหตุนี้อันดับท็อปโฟร์จึงเป็นแสงสว่างสุดท้ายของ "เดอะ เร้ดส์"

ทอมเม้ง

สยามกีฬา

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.