16
ก.พ.
ปืนโตทีมโปรด เดอ บรอยน์, อาร์เตต้า ส่อรับประทานแห้ว??? 5 ข้อ อาร์เซน่อล โดน แมนซิตี้ บุกอัดเขี่ยตกจ่าฝูง


ในที่สุด แมนฯ ซิตี้ ก็แซงนำ อาร์เซน่อล ขึ้นเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก จนได้เมื่อบุกไปคว้าชัยได้อย่างงดงาม 3-1 ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในการฟาดแข้งเมื่อวันพุธที่ 15 ก.พ.

จากสามแต้มที่มีเหนือทีม ปืนใหญ่ ส่งผลให้ เรือใบสีฟ้า กระชากทีมเมืองหลวงตกจากบัลลังก์ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า แต่แน่นอนว่า เดอะ กันเนอร์ส ยังไม่หมดโอกาสลุ้นคว้าแชมป์ในซีซั่นนี้เนื่องจากพวกเขายังมีเกมตุนอยู่อีกนัด

1. เจ้าบ้าน ไร้ ปาร์เตย์ จอร์จินโญ่ เสียบ

อาร์เซน่อล ได้รับข่าวร้ายก่อนเกมเนื่องจาก โธมัส ปาร์เตย์ เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา แม้จะไม่หนักหนา แต่กุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจไม่เสี่ยง แถมไม่ใส่ชื่อเป็นตัวสำรองด้วยโดยส่ง จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์ตัวใหม่ที่ย้ายมาจาก เชลซี ในราคา 12 ล้านปอนด์ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงเกมแรกแทน

ส่วนอีกรายที่มีการปรับทัพสำหรับเจ้าบ้าน ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ดาวเตะทีมชาติ ญี่ปุ่น ได้ลงเล่นในแผงหลังก่อนหน้า เบน ไวท์ ขุนพลทีมชาติ อังกฤษ เป็นการโรเตชั่นทีมสองจุดจากเกมเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 เมื่อวันเสาร์ ขณะที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ยังนั่งข้างสนามเหมือนเดิม

ในส่วนของ กาเบรียล มากัลเญส เกมนี้เป็นการลงสนามในสีเสื้อ ท็อปกัน เป็นนัดที่ 100 ของเขาพอดี

2. เรือใบ ได้ ฮาลันด์ ฟิตเปลี่ยนทีมตำแหน่งเดียว

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีม แมนฯ ซิตี้ จัดโผ 11 คนแรกโดยมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ออกสตาร์ตแม้กองหน้าทีมชาติ นอรเวย์ จะบาดเจ็บจากเกมพิชิต แอสตัน วิลล่า 3-1 ในจังหวะปะทะกับนายทวาร เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จนโดนเปลี่ยนตัวออกช่วงครึ่งหลังเป็นการเซฟเอาไว้ก่อน

ส่วนตำแหน่งเดียวที่มีการปรับเปลี่ยนได้แก่แผงหลังซึ่ง นาธาน อาเก้ เบียด เอมเมอริค ลาปอร์กต์ หล่นไปนั่งเป็นตัวสำรอง

3. ปืนใหญ่ ของชอบของ เดอ บรอยน์

ต้องบอกว่า อาร์เซน่อล ทำร้ายตัวเองจริงๆกับการเสียประตูให้ แมนฯ ซิตี้ ก่อนในช่วงกลางครึ่งแรกเนื่องจากในเวลานั้นพวกเขาเหนือกว่า เรือใบสีฟ้า ทุกอย่างทั้งการครองบอล 61:39% และได้ยิง 6 ครั้งแต่ไม่เข้ากรอบ ขณะที่ทีมเยือนได้ยิง 2 ครั้ง และตุงตาข่ายทันทีจากจังหวะที่ โทมิยาสึ ส่งบอลคืนหลังแย่จากการโดน แจ็ค กรีลิช ไล่บี้จนทำให้ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งไม่ค่อยพลาดกับใครเขาได้ลูกส้มหล่นซัดทันทีจากหน้าเขตโทษผ่าน อาร่อน แรมสเดล สบายแฮ

แถมแน่นอนว่า อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ เดอ บรอยน์ โปรดปรานมากที่สุดไปแล้วเนื่องจากดาวเตะทีมชาติ เบลเยี่ยม ฉีกตาข่ายทีม ปืนใหญ่ ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้เป็นเม็ดที่หกแล้วซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดของเขากับทีมคู่แข่งหนึ่งราย

ถึงอย่างนั้น แม้จะช็อกตาตั้งที่เสียประตูก่อน อาร์เซน่อล ยังไม่เสียขวัญเปิดเกมรุกกดดันอาคันตุกะต่อ แถมไม่นานเท่าไหร่กองหลังซามูไรเกือบแก้ตัวได้ด้วยจากโอกาสวอลเลย์ หากแต่บอลไม่เข้ากรอบ

4. วีเออาร์ ฮาเฮ

และแล้วนาทีที่ 40 จังหวะปัญหาก็เกิดขึ้นอีกจนได้สำหรับเกมลูกหนังอังกฤษเมื่อ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ สลัดหนีการประกบของ ไคล วอล์คเกอร์ ได้แล้วซัดมุมแคบติดบล็อค เอแดร์ซอน ที่ออกมาปิดมุม

อย่างไรก็ดี เรื่องน่าช็อกบังเกิดขึ้นเมื่อผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ชี้ไปที่จุดโทษทั้งๆที่ภาพช้าแสดงให้เห็นว่า เอ็นเคเทียห์ ซัดบอลไปแล้วก่อนที่นายทวารทีมชาติ บราซิล จะถลันออกมาบล็อคได้สำเร็จซึ่งน่าจะเป็นอีกประเด็นให้ถกเถียงว่าเหตุใดวีเออาร์จึงไม่แย้งท่านเปาในจังหวะนี้ซึ่งไม่น่าจะเป็นลูกโทษด้วยประการทั้งปวงทั้งๆที่ ฮาเวิร์ด เว็บ หัวหน้าผู้ตัดสินเพิ่งเรียกประชุมฉุกเฉินไปเมื่อวันก่อน และปลดเจ้าหน้าที่วีเออาร์เซ่นการทำหน้าที่อย่างบกพร่องไปแล้วสองรายด้วยกัน

ถึงกระนั้น หากไม่นับลูกโทษที่น่ากังขาต้องถือว่า อาร์เซน่อล ยกระดับขึ้นมาเป็นทีมที่ท้าทาย แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างเต็มตัวแล้วเนื่องจากหลังจบครึ่งแรก ทีมเมืองกรุงครองบอลได้มากกว่า 60:40% และได้ยิง 7 ครั้ง เข้ากรอบ 1 ครั้ง ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ได้ยิง 4 ครั้ง เข้ากรอบ 1 ครั้ง

สำหรับลูกโทษจาก บูคาโย่ ซาก้า ทำให้เขาซัดประตูใน พรีเมียร์ลีก ได้ 25 ลูกแล้วเท่ากับที่อดีตดาวดังของทีมอย่าง มาร์ค โอเวอร์มาร์ส และ ซานติ กาซอร์ล่า เคยทำได้

และด้วยวัย 21 ปี 163 วัน ซาก้า จึงเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของทีม ปืนใหญ่ ที่กระทุ้งใน พรีเมียร์ลีก ได้ครบ 25 ลูกทำลายสถิติเดิมของ เชส ฟาเบรกาส ในวัย 22 ปี 237 วัน

5. อาร์เตต้า น้ำตาตกตามเคย

กลับเข้าครึ่งหลังไม่ทันไร อาร์เซน่อล ก็เสียลูกโทษบ้างจากจังหวะที่ มาร์กัลเญส เหนี่ยว ฮาลันด์ ล้ม หากแต่คราวนี้วีเออาร์แย้งได้ถูกต้องเนื่องจากดาวยิงร่างยักษ์ล้ำหน้าอยู่ก่อน จึงทำให้ใบเหลืองของกองหลังเจ้าบ้านเป็นโมฆะด้วยเช่นกัน

ถึงกระนั้น แม้จะเล่นได้แย่กว่า แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้ประตูแซงนำในนาทีที่ 72 จากฝีเท้าของ กรีลิช และถัดจากนั้น เกมของแชมป์เก่าก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แถมอีกสิบนาทีต่อมา ฮาลันด์ ก็แผลงฤทธิ์ซัดเม็ดปิดกล่องได้ในนาทีที่ 82 เป็นประตูที่ 26 ในลีกซีซั่นนี้ของกองหน้าทีมชาติ นอรเวย์ เท่ากับสถิติที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ สร้างไว้ในซีซั่น 2014/15 ขณะที่ เดอ บรอยน์ แอสซิสต์เป็นลูกที่ 12 ในลีกซีซั่นนี้เหนือกว่าพ่อค้าแข้งทุกราย

หลังโม่เกือกกันครบ 90 นาที อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นว่าฉีกหน้า แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยมในแง่การครองบอลเนื่องจากพวกเขาทำได้ดีกว่าลิบลับ 64:36% ซึ่งไม่น่าจะมีทีมไหนทำกับยอกกุนซืออย่าง กวาร์ดิโอล่า ได้ถึงเพียงนี้มาก่อน

แต่ขณะเดียวกัน ทีมเมืองกรุงยังขาดความเด็ดขาดอย่างที่ เรือใบสีฟ้า มีเนื่องจากพวกเขาส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ครั้งเดียวจาก 10 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ยิง 9 ครั้ง และเข้ากรอบ 6 ครั้ง รวมสามนัดหลังในลีก อาร์เซน่อล ไม่ชนะเลย และเสียตำแหน่งจ่าฝูงจนได้

และที่สำคัญ อาร์เตต้า หนีไม่พ้นต้องแพ้ลูกพี่เก่าในเกมลีกติดต่อกันเป็นนัดที่ 6 เข้าไปแล้วโดยไม่เคยเอาชนะ กวาร์ดิโอล่า ได้เลยนอกจากเกม เอฟเอคัพ หนเดียวเท่านั้น และเมื่อนับรวมทุกรายการ กวาร์ดิโอล่า ชนะ อาร์เตต้า 8จาก 9 นัด แถมกุนซือสกินเฮดที่ชนะ อาร์เซน่อล ในเกมลีกเพิ่มเป็น 12 จาก 13 นัดเข้าไปแล้ว แถมชนะรวด 6 ครั้งหลังในเกมเยือนอีกด้วย

เท่านั้นไม่พอ ความปราชัยนัดนี้ซึ่ง อาร์เซน่อล แพ้ แมนฯ ซิตี้ 11 นัดรวดในลีกซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดของพวกเขากับคู่แข่งรายเดียวกันมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อความหวังในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของพลพรรค ปืนโต เนื่องจากน่าสนใจอย่างยิ่งว่าหลังจากกระชากเก้าอี้จ่าฝูงกลับมาที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้แล้ว แชมป์เก่าจะยอมเสียมันให้ใครในช่วงที่เหลือของซีซั่นอีกหรือเปล่า?

สยามกีฬา

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.