3
ก.พ.
เหมาะสมลงตัวที่สุด? 3 เหตุผลที่ แมนยู ตัดสินใจเซ็น มาร์เซล ซาบิตเซอร์


เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ จำเป็นต้องหาผู้เล่นมิดฟิลด์ที่มีศักยภาพสูงใกล้เคียงหรือพอๆ กับ คริสเตียน เอริคเซ่น ที่ต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บนานถึง 3 เดือน โดยผู้เล่นที่น่าจะเข้ามาเติมเต็มจุดนี้ได้นั่นก็คือ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ กองกลางชาวออสเตรีย

ซาบิตเซอร์ ย้ายจาก "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค มาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ช่วงโค้งสุดท้ายตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคม ด้วยสัญญายืมตัวจนกระทั่งจบฤดูกาล 2022/2023

ดาวเตะทีมชาติออสเตรีย ถูกดึงตัวเข้ามาร่วมทัพ เพื่อเติมเต็มตำแหน่งของ เอริคเซ่น ซึ่งหมดสิทธิ์ช่วยทัพ "ปีศาจแดง" จนถึงปลายเดือนเมษายน หรือต้นเดือนพฤษภาคม หลังได้รับบาดเจ็บหนักในเกมที่ช่วยสโมสรถลุง เรดดิ้ง 3-1 ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อน

จริงๆ แล้ว สกาย สปอร์ตส์ สื่อกีฬาดังในอังกฤษ รายงานว่าเป้าหมายแรกของ เทน ฮาก ไม่ใช่ ซาบิตเซอร์ แต่เป็น ไรอัน กราเวนแบร์ก ซึ่งเคยร่วมงานกันมาก่อนสมัยที่ทั้งคู่อยู่ที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แต่สุดท้ายหวยมาออกที่ แข้งออสเตรีย วัย 28 ปี และดูเหมือนว่าเขาน่าจะเหมาะกับทัพ "ผีแดง" ซะด้วย

เหตุผลที่ดูเหมือน ซาบิตเซอร์ น่าจะเป็นการเสริมทัพที่ลงตัวสำหรับ เทน ฮาก เพราะศักยภาพของเขา มีส่วนที่จะทำให้การขาดหายไปของ เอริคเซ่น ไม่ส่งผลกระทบกับฟอร์มที่กำลังดุดันของ แมนฯ ยูไนเต็ด แน่นอน

1. เติมเต็มการขาดหายไปของ เอริคเซ่น ได้ลงตัว

ด้วยระดับความสามารถของ ซาบิตเซอร์ แน่นอนว่าเขาจะเติมเต็มช่องโหว่ในแผงมิดฟิลด์แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี ต้องยอมรับว่า เอริคเซ่น เป็นคีย์แมนสำคัญของทีมในฤดูกาลนี้ โดยเขาสามารถเล่นได้ทั้งบทบาทผู้เล่นหมายเลข 6 (บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์) หรือหมายเลข 8 (มิดฟิลด์ตัวรุก) ก็ได้

กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก มักจะเล่นในบทบาทที่คอยเชื่อมเกมระหว่างกองหลังกับแนวรุก โดยเขาจะรับบอลมาจาก กาเซมีโร่ และผ่านไปให้กับผู้เล่นกองหน้าที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เอริคเซ่นเป็นแข้งระดับมันสมอง และมีประสบการณ์ในการช่วยทีมคุมจังหวะการเล่น แถมยังซัดไป 2 ประตูกับ 9 แอสซิสต์จาก 31 เกม

เอริคเซ่น ไม่ใช่แข้งแดนกลางที่เดี้ยงเท่านั้น เพราะ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ก็มีปัญหาบาดเจ็บเช่นกัน ส่วนในรายของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค บาดเจ็บหนักที่หัวเข่าหมดสิทธิ์ช่วยทีมในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้

หลังจากที่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พวกเขาต้องเสียทั้ง ปอล ป็อกบา และ เนมานย่า มาติช แถมตัวเลือกในแดนกลางก็เหลือแค่ กาเซมีโร่ และ เฟร็ด เท่านั้น ด้วยเหตุนี้การได้ตัว ซาบิตเซอร์ ถือเป็นการเสริมทัพที่มีความจำเป็นอย่างมาก

2. บทบาท บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์

ซาบิตเซอร์ ย้ายจาก แอลเบ ไลป์ซิก ไปเล่นในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า เมื่อปี 2021 แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก โดยเขายิงได้แค่ 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ จากการเล่น 54 เกมให้กับ "เสือใต้"

อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวออสเตรีย ถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถในพื้นที่เกมรุก โดยเขาตะบันไปถึง 52 ประตูและ 42 แอสซิสต์ จากการเล่น 229 เกมให้กับ ไลป์ซิก ขณะที่ตอนเล่นแบบยืมตัวกับ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เขาก็ทำผลงานได้ดีด้วยการซัดไป 27 ประตูกับ 21 แอสซิสต์ จากการเล่น 51 แมตช์

เจ้าตัวทำผลงานได้โดดเด่นในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่การยิงประตูได้มากมายของเขามาจากการถูกจับไปเล่นในแนวรุก บ่อยครั้งที่เขามักจะเล่นในแดนหน้าช่วงที่อยู่กับ ซัลซ์บวร์ก โดยฟอร์มที่ร้อนแรงของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่ ซาดิโอ มาเน่ ถูกขายไปให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อเดือนกันยายน 2014

สำหรับฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในแดนกลางต้องยกเครดิตให้กับ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ที่เป็นคนเปลี่ยน ซาบิตเซอร์ จากนักเตะแนวรุกให้กลายเป็นผู้เล่นสไตล์บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ สมัยที่ร่วมงานกันที่ ไลป์ซิก แต่น่าเสียดายพอย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ บาเยิร์น ทุกอย่างดันไม่เหมือนเดิม

3. ไอดอล คือ เจอร์ราร์ด

เรื่องนี้มีความน่าสนใจเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับนักเตะที่ย้ายมาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะ ซาบิตเซอร์ เติบโตมาจากการมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นไอดอล !

ในกรณีของ "สตีวี่จี" ซึ่งเป็นตำนานกัปตันทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นั้น ซาบิตเซอร์ เคยได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมสมัยอยู่กับ ไลป์ซิก เช่นกัน โดยนักเตะได้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติแบบผู้นำที่โดดเด่นมากๆ ออกมา

ส่วนการเล่นให้กับ บาเยิร์น นักเตะถูกจับลงมาเล่นลึกในแดนกลางซึ่งนั่นทำให้เขาได้เล่นตัวจริงเพียง 7 เกมในศึกบุนเดสลีกา ฤดูกาลนี้ เพราะต้องแย่งตำแหน่งกับ โยชัว คิมมิช กับ เลออน โกเรตซ์ก้า แต่เจ้าตัวมีจุดเด่นก็คือการเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก และยังยิงไกลได้คมกริบ โดย "ผีแดง" สามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้

ทอมเม้ง

สยามกีฬา

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.