30
ม.ค.
ดร็อป ไกเซโด้ แล้วไง,มิโตมะ ช็อกหงส์แดง! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล บุกพ่าย ไบรท์ตัน ปิ๋วถ้วยเอฟเอ


กลายเป็นงูเหลือมเจอเชือกกล้วยไปซะแล้วสำหรับ ลิเวอร์พูล กับ ไบรท์ตัน ซึ่งลงเอยด้วยอีหรอบเดิมโดย หงส์แดง หนีไม่พ้นต้องพ่ายให้กับ นกนางนวล ไปอีกคำรบ กระเด็นตกรอบสี่ถ้วย เอฟเอคัพ ที่ตัวเองเป็นแชมป์เก่าไปแล้วด้วยสกอร์ 2-1 จากการพะบู๊กันที่สนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.

งานนี้ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ จึงย้ำแค้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้อย่างแสบสันต์หลังคุมทีมเปิดบ้านถล่ม เร้ด แมชีน ในเกมลีกได้เมื่อไม่นานมานี้ด้วยสกอร์ 3-0 จนส่งผลให้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ยังหาจุดเปลี่ยนเพื่อสลัดหนีผลงานที่เลวร้ายในซีซั่นนี้ไม่สำเร็จสักที

1. ไบรท์ตัน เดิมพันสูงดร็อป ไกเซโด้

เด แซร์บี้ เดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการดร็อป มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางตัวกลั่นออกจากทีมในเกมสำคัญรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล เพื่อแสดงให้เห็นว่าทีมไม่ต้องการขายเขาหลังเจ้าตัวโพสต์ขอย้ายสังกัดไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล

รวมทั้งสิ้นเกมนี้ นกนางนวล ปรับทัพสี่รายโดยส่ง เจสัน สตีล เฝ้าเสา พร้อมทั้งใช้งาน ทาริก ลัมพ์ตีย์ , อดัม เว็บสเตอร์ และ อีแวน เฟอร์กูสัน ลงเล่นเป็น 11 คนแรก

2. ลิเวอร์พูล ชุดเดิม ยกเว้นแบ็คขวา

สำหรับ คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล วางใจในทีมชุดเดิมทุกประการ ยกเว้นตำแหน่งแบ็คขวาเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ หงส์แดง จึงลงบู๊โดยมี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ กลับมาออกสตาร์ตแทนที่ เจมส์ มิลเนอร์ คุณน้าสารพัดประโยชน์ซึ่งเป็นการปรับโผจากเกมล่าสุดที่พวกเขาเฝ้า แอนฟิลด์ เสมอกับ เชลซี 0-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก

3. กัปตัน ร็อบโบ้

ต่อการปราศจากทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , มิลเนอร์ และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในโผ 11 คนแรก คล็อปป์ ตัดสินใจมอบปลอกแขนให้กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รับบทกัปตันทีม เร้ด แมชีน เป็นรายที่ 22 ของกุนซือชาวเมืองเบียร์

แม้ตำแหน่งดังกล่าวน่าจะตกเป็นของ โจ โกเมซ แต่ คล็อปป์ มองว่า ร็อบโบ้ มีดีกรีเป็นถึงกัปตันทีมชาติ สกอตแลนด์ อยู่แล้วโดยก่อนหน้านี้นักเตะอย่าง จอน ฟลานาแกน , โฆเซ่ เอ็นรีเก้ และ ดิว็อก โอริกี้ ต่างก็เคยเป็นกัปตัน หงส์แดง ในยุคของ คล็อปป์ มาก่อน

4. เอลเลียตต์ พา หงส์แดง สตาร์ตแจ่ม

ด้วยอารมณ์กระหายถอนแค้นที่จุกอยู่เต็มอก ลิเวอร์พูล จึงเปิดฉากเดินเกมรุกใส่ ไบรท์ตัน ได้อย่างน่าดูชม และประสบผลสำเร็จยิงประตูนำก่อนได้ในนาทีที่ 30 จากฝีเท้าของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์

ด้วยเหตนี้ สตาร์วัย 19 ปีจึงเป็นดาวรุ่งที่ยิงประตูได้มากที่สุดสำหรับสโมสรใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ 5 ประตูแล้วโดยดาวรุ่งคนล่าสุดของ หงส์แดง ที่ยิงประตูในหนึ่งซีซั่นได้มากกว่าคือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซึ่งกระทุ้งไปทั้งหมด 10 ประตูในซีซั่น 2013/14

ถึงอย่างนั้น แม้จะโดน ลิเวอร์พูล บุกมานำก่อน แต่ ไบรท์ตัน หาได้อกสั่นขวัญแขวนไม่ และอาศัยความมั่นใจจากที่เอาชนะ เร้ด แมชีน ในเกมล่าสุดเดินหน้าเต็มตัวกระทั่งทวงคืนได้สำเร็จก่อนจบ 45 นาทีแรก

แน่นอนว่าช่วงต้นเกม ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ตได้ดีกว่ากระทั่งได้สกอร์นำ แต่จากนั้น ไบรท์ตัน ตอบโต้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดหลังจบครึ่ง

แรกทีมเจ้าบ้านพลิกกลับมามีเปอร์เซนต์การครองบอลที่เหนือกว่า 54:46% และไล่จี้ทีมเยือนได้ดีขึ้นในจังหวะสับไกรวม 6 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ยิง 7 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง

5. คล็อปป์ บ้อท่าแก้เกมไม่เป็นผล

จากที่เคยช่ำชองในด้านการพลิกสถานการณ์ให้ทีม จะเห็นได้ว่าระยะหลัง คล็อปป์ เริ่มหมดมุกในการแก้ลำฝ่ายตรงข้ามไปซะแล้ว

หลังจากการฟาดแข้งผ่านมาถึงนาทีที่ 60 กุนซือชาวเมืองเบียร์ปรับหมากด้วยการเปลี่ยนสามตัวสำรองลงเล่นพร้อมกันหมายให้ เครื่องจักรสีแดง กระทุ้งประตูเพิ่มให้ได้

อย่างไรก็ดี ยอดโค้ชจากแดนไส้กรอกไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ให้ ลิเวอร์พูล ได้เนื่องจากสถิติในครึ่งหลังบ่งชี้ว่าเจ้าบ้านมีผลงานที่ดีกว่า และในที่สุดเมื่อเกมล่วงเข้าสู่ช่วงทดเวลา คาโอรุ มิโตมะ ก็โชว์ลีลาเหนือชั้นยิงประตูชัยให้ นกนางนวล ได้สำเร็จพาทีมย้ำแค้น เร้ด แมชีน ได้อย่างยิ่งใหญ่

หลังจบ 90 นาที ไบรท์ตัน ครองบอลได้เหนือกว่า 56:44% และได้ส่องยิงรวม 13 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ได้ยิงรวม 8 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง

และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เด แซร์บี้ แสดงให้เห็นว่า ไบรท์ตัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครคนใดคนหนึ่งหลังดร็อป ไกเซโด้ พ้นไปจากทีมในเกมนี้ แต่ยังเอาชนะ เร้ด แมชีน ได้เป็นคำรบสองติดๆกันซึ่งทำให้การเผชิญหน้ากันของสองทีมในซีซั่นนี้รวมสามนัด ลิเวอร์พูล ยังสะกดคำว่าชนะไม่ได้เลย และโดนสอยตาข่ายรวมกันมากถึง 8 ประตูโดยเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ที่ แอนฟิลด์ นกนางนวล สามารถบุกไปแชร์แต้มได้จากผลเสมอ 3-3 ซึ่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ สร้างชื่อซัดแฮททริคได้อย่างยิ่งใหญ่

สยามกีฬา

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.