29
ม.ค.
กาเซมีโร่ สุดจัด, แรชฟอร์ด ชวดทุบสถิติ! 5 ข้อ แมนยู ขยี้ เรดดิ้ง ถ้วยน็อกเอาต์


แมนฯ ยูไนเต็ด ปิดจ็อบในเกมฟุตบอลถ้วยได้สำเร็จอีกตามเคยเมื่อเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด สอนบอล เรดดิ้ง ไปได้ตามความคาดหมาย 3-1 ในเกม เอฟเอคัพ รอบสี่เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ม.ค.

แม้ตลอดครึ่งแรกซึ่งเจ้าบ้านได้ยิงแล้วยิงอีกจะไม่มีสกอร์ปรากฏให้เห็น แต่เข้าครึ่งหลังประตูของเจ้าบ้านก็ไหลมาเทมา ประกอบกับ เดอะ รอยัลส์ เหลือนักเตะแค่สิบคนด้วยหลัง แอนดี้ แคร์โรลล์ รับสองใบเหลือง งานของเจ้าบ้านจึงง่ายลงไปเป็นกอง

1. กัปตันคัมแบ็ค- ไร้เงา ซานโช่

แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ยังเลือกส่งทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนามอย่างต่อเนื่องโดยมีการเปลี่ยนโผ 11 คนแรกแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้นจากนัดบุกไปทุบ ฟอเรสต์ 3-0 ในเกม คาราบาวคัพ รอบตัดเชือกนัดแรกแม้จะอยู่ในช่วงที่ทีมต้องลงสนามถี่ยิบในหลายรายการ

สำหรับตำแหน่งดังกล่าว แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กัปตันทีมได้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงแทน ลิซานโดร มาร์ติเนซ แต่ในรายของ เจดอน ซานโช่ ซึ่งกุนซือดัตช์เปรยว่าอาจได้ลงเล่นเป็นเกมแรกนับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.แมตช์เสมอกับ เชลซี 1-1 ยังไม่มีส่วนร่วมเช่นเดิมซึ่งกินเวลานานถึงสามเดือนเข้าไปแล้ว

จากโผรายชื่อดังกล่าว หมายความว่า เวาท์ เว็กฮอร์สต์ กองหน้าดัตช์ที่ย้ายมาแบบยืมตัวได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องเป็นนัดที่สี่แล้ว แต่เป็นเกมแรกที่เขาได้เล่นต่อหน้าสาวก เร้ด อาร์มี่ ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเจ้าตัวพังประตูแรกได้ในเกมชนะ เจ้าป่า ซึ่งเป็นชัยชนะนัดแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกันนับตั้งแต่ส่งหัวหอกร่างยักษ์ลงบู๊

2. อินซ์ คืนรังเก่าปรับทีมสองจุด

ด้าน พอล อินซ์ อดีตกองกลาง แมนฯ ยูไนเต็ด พา เรดดิ้ง ทีมอันดับ 16 ของ แชมเปี้ยนชิพ กลับมาต่อกรกับอดีตสโมสรด้วยการเปลี่ยนโผตัวจริงสองรายจากเกมลีกที่ออกไปโดน สโต๊ค ขยี้เละ 4-0

ในจำนวนนี้ แอนดี้ แคร์โรลล์ กองหน้าจอมเก๋าได้ออกสตาร์ตเช่นเดียวกับ ลูคัส ชูเอา เบียดให้ ยาคู เมอิเต้ กับ ไทเรส ฟอร์นาห์ หล่นไปนั่งเป็นตัวสำรอง

3.ครึ่งแรก ผีแดง ไร้สกอร์เหลือเชื่อ

แม้จะได้บุกกระหน่ำอยู่ข้างเดียว แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้สกอร์นำอย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆที่มีโอกาสส่องยิงเป็นชุด แต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาหรือไม่ก็ติดบล็อค

จากฟอร์มที่ข่ม เรดดิ้ง มิดชิด ทำให้ ดาบิด เด เคอา ได้สัมผัสบอลตลอด 45 นาทีแรกแค่สี่หนเท่านั้น แต่เจ้าบ้านหวิดเสียหายไปเหมือนกันในช่วงท้ายเมื่อ ไทเรลล์ ลามาเซีย ก่อความผิดพลาดพักบอลในเขตโทษจนโดน จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์ เก็บตกกระทุ้งเต็มแรง แต่มือกาวสแปนิชช่วยทีมได้อย่างมหัศจรรย์

รวมเวลา 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลได้เหนือกว่า 79:21% และได้ง้างยิงเป็นชุด 15:2 ครั้ง แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้แค่ 2 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนซัดเข้ากรอบหนึ่งครั้ง แต่โดนเซฟ

นอกจากนี้ ทีมของ เทน ฮาก ชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดายด้วยในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด โขกบอลข้ามเส้นไปแล้วโดยที่ โจ ลัมพ์ลีย์ ซึ่งอยู่หลังเส้นประตูรับได้ แต่ วีเออาร์ บ่งชี้ว่า เว็กฮอร์สต์ ล้ำหน้าจึงทำให้ เรดดิ้ง รอดตัวไป

4. น่าเสียดายแทน แรชฟอร์ด

ขณะที่ กาเซมีโร่ มีผลงานที่น่าประทับใจต่อการปลดล็อคซัดสองตุงพาทีมนำหน้าได้ในต้นครึ่งหลังก่อนที่ เฟร็ด ตัวสำรองจะเข่นเม็ดสามให้ทีมเจ้าบ้านนำห่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็โดนเปลี่ยนออกไปพักซึ่งทำให้เขาหมดโอกาสสร้างสถิติที่ยิ่งใหญ่ลงไปโดยปริยาย

ก่อนหน้านี้ ดาวยิงทีมชาติ อังกฤษ คลำเป้าให้ ผีแดง ได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นการสอยตาข่ายใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ 9 ลูกจาก 9 นัดติดต่อกัน

ด้วยผลงานดังกล่าว ทำให้เขาครองสถิติร่วมกับ เดนนิส ไวโอเล็ตต์ และ เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม ซึ่งหากว่าในเกมบู๊กับ เรดดิ้ง แรชฟอร์ด ทำสกอร์ได้สำเร็จ เขาก็จะผงาดเป็นพ่อค้าแข้งของ แมนฯ ยูไนเต็ด คนแรกที่ซัดได้ 10 ประตูในเกมเหย้า 10 นัดรวด

ในส่วนของ กาเซมีโร่ ซึ่งจุดประกายพาทีมกำชัยได้สำเร็จมีสถิติบ่งชี้ว่าเขาสร้างชื่อกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เจ๋งกว่าสมัยที่เล่นให้กับ เรอัล มาดริด ไปแล้วเนื่องจากมีส่วนกับการทำประตูในซีซั่นนี้รวม 9 ลูก (28 เกม 4 ประตู 5 แอสซิสต์) เหนือกว่าซีซั่นก่อนกับ ราชันชุดขาว ซึ่งดาวเตะแซมบ้ายิงได้ 1 ประตู 3 แอสซิสต์จากการลงเล่น 48 นัด

พร้อมกันนี้ กาเซมีโร่ ยิงสองประตูในเกมระดับสโมสรได้เป็นหนแรกด้วยนับตั้งแต่ที่เขาทำได้เมื่อเดือนม.ค.2020 ซึ่ง เรอัล มาดริด ฟาดแข้งกับ เซบีย่า

สำหรับสถิติหลังจบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลได้มากกว่า 78:22% และมีโอกาสส่องยิงรวม 25 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่ เรดดิ้ง ได้ยิงรวม 4 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง

5. แชมป์แรกของ เทน ฮาก?

ยังไม่ใช่ถ้วย เอฟเอคัพ แน่นอนเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบห้าได้เท่านั้นหลังเผด็จศึก เรดดิ้ง ได้ 3-1

แต่เป็นนัดต่อไปนี่แหละเนื่องจาก ผีแดง จะเปิดศึกกับ ฟอเรสต์ อีกเกมในรอบตัดเชือก คาราบาวคัพ นัดสองต้อนรับการมาเยือนของ เจ้าป่า ในวันที่ 1 ก.พ.หลังจากเกมแรกทีมของกุนซือดัตช์บุกไปคว้าชัยที่ ซิตี้ กราวนด์ แบบหายห่วง 3-0

จากสกอร์ที่ตุนเอาไว้อย่างน่าอุ่นใจ เชื่อว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางปล่อยให้โอกาสเข้าชิงชนะเลิศถ้วยดังกล่าวหลุดลอยไปแน่ และหากทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า พวกเขาจะได้เข้าชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ. เพื่อชนกับผู้ชนะระหว่าง เซาธ์แฮมป์ตัน กับ นิวคาสเซิ่ล โดยเกมแรก นักบุญ แพ้คารังให้กับ สาลิกาดง ไปแบบเฉียดฉิว 1-0

เท่ากับว่าแม้จะเข้ามาคุมทีมเป็นซีซั่นแรก แต่อดีตกุนซือทีม อาแจ็กซ์ มีสิทธิ์พาทีมดังของเมืองผู้ดีคว้าแชมป์ใบแรกของเขาได้ในทันที แต่ทั้งนี้ ผีแดง จะประมาท เซาธ์แฮมป์ตัน หรือว่า นิวคาสเซิ่ล ไม่ได้ทั้งนั้นเนื่องจากมีบ่อยไปที่พวกเขาประสบกับความปราชัยในนัดชิงดำเนื่องจากฟุตบอลลูกกลมๆไม่เข้าใครออกใครทั้งนั้น

สยามกีฬา

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.