|
18
ธ.ค. สุดทาง โมร็อกโก,ยุโรปกินรวบ! 5 ข้อ โครเอเชีย ซิวที่สามบอลโลก2022
ถือเป็นนัดชิงอันดับสาม ฟุตบอลโลก ที่ดวลกันสนุกทุกนาทีสำหรับเกมระหว่าง โครเอเชีย กับ โมร็อกโก ซึ่งต่างก็ทิ้งความผิดหวังในรอบรองชนะเลิศฟาดแข้งกันอย่างถึงพริกถึงขิงในเกมที่ คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ธ.ค. จากภาพรวม ทีมตาหมากรุกสมควรเป็นผู้ชนะเนื่องจากเกมในครึ่งแรกพวกเขาทำได้ดีกว่า และนำหน้า 2-1 แต่ครึ่งหลังทีมม้ามืดจาก แอฟริกา สู้ตายแบบถวายหัว และสร้างความหนักใจให้กับฝ่ายตรงข้ามได้ไม่น้อย แม้ลงเอยแล้วจะไม่มีการยิงประตูเพิ่มกันได้อีกก็ตาม ฉะนั้นแล้ว เกมชิงอันดับสาม ฟุตบอลโลก จึงเป็นทีมจาก ยุโรป ที่ได้เฮฝ่ายเดียวตลอดทั้ง 11 ครั้งหลังทั้งที่พวกเขาได้ฟาดฟันกันเอง และปะทะกับทีมจากต่างทวีปโดยมี บราซิล เป็นชาติสุดท้ายที่ไม่ใช่ทีมจาก ยุโรป ที่ได้อันดับสามไปครองในปี 1978 จากการเอาชนะ อิตาลี 2-1 1.โมดริช สร้างสถิตินำทัพ โครเอเชีย โครเอเชีย ลงบู๊นัดสั่งลา ฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเปลี่ยนผู้เล่นห้ารายจากเกมแพ้ อาร์เจนติน่า 3-0 ในนัดตัดเชือกโดยที่ยังมีสองดาวดังอย่าง ลูก้า โมดริช กับ อีวาน เปริซิช เป็นตัวขับเคลื่อนเกมเช่นเดิม และในวัย 37 ปี สตาร์ทีม เรอัล มาดริด จึงสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุมากที่สุด (ไม่นับนายทวาร) ที่ลงเล่น ฟุตบอลโลก ในทัวร์นาเมนต์เดียวกันมากที่สุดเป็นนัดที่เจ็ดต่อจากที่ ดิโน่ ซอฟฟ์ (อิตาลี) กับ ปีเตอร์ ชิลตัน (อังกฤษ) เคยสร้างสถิติเดียวกันนี้ได้ก่อนในปี 1982 และ 1990 นอกจาก โมดริช กับ เปริซิช แล้ว กุนซือ สลัตโก้ ดาลิช เลือกใช้บริการจาก มาเตโอ โควาซิช มิดฟิลด์ทีม เชลซี ด้วยอีกราย ขณะที่ห้าแข้งที่ได้ลงเล่นแทน โยซิป ยูราโนวิช , เดยัน ลอฟเรน , บอร์น่า โซซ่า , มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ มาริโอ ปาซาลิช ประกอบไปด้วย โยซิป สตานิซิช , โยซิป ซูตาโล่ , มิสลาฟ ออร์ซิช ,มาร์โก ลิวาย่า และ ลอฟโร่ มาเยร์ 2. โมร็อกโก เปิดซิงดาวรุ่งดวงใหม่ หลังพลาดเข้าชิงชนะเลิศโดยถูก ฝรั่งเศส ปราบพยศ 2-0 โมร็อกโก ของกุนซือ ลาวิด เรกรากุย ก็ตัดสินใจส่ง บิลัล เอล คานนุส กองกลางจากทีม เกงค์ ลงเล่นเป็น 11 คนแรกซึ่งทำให้เจ้าหนูวัย 18 ปีประเดิมสนามกับทีมชาติชุดใหญ่เป็นเกมแรก แถมสร้างชื่อเป็นพ่อค้าแข้งอายุน้อยที่สุดที่ได้สัมผัสกับ ฟุตบอลโลก กับทีมลูกหนังจากทวีป แอฟริกา ด้วย ขณะเดียวกัน ฮาคิม ซีเย็ค ดาวดังของทีมก็ติดทีมชาตินัดนี้เป็นเกมที่ 50 พอดี พร้อมทั้งได้สวมปลอกแขนเนื่องจากทีมม้ามืดปราศจากกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นุสซาอีร์ มาซราอุย สมาชิกทีม บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งบาดเจ็บ เบ็ดเสร็จแล้ว โมร็อกโก เปลี่ยนโผ 11 ตัวจริงลงชิงอันดับสามน้อยกว่าทีมคู่แข่งรวมทั้งหมดสามราาย 3.ครึ่งแรกตาหมากรุกคุมสถานการณ์ แม้จะอกหักมาด้วยกันทั้งคู่ และเป็นเกมที่ถูกมองว่าไร้ค่า แต่จากที่เห็นขุนพลของทั้งสองฝ่ายต่อกรกันอย่างเต็มที่เนื่องจากไม่มีความกดดันเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ถึงกระนั้น หลังจากเกมใน 45 นาทีแรกจบลง รองแชมป์เมื่อสี่ปีก่อนแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าด้วยการนำหน้า 2-1 แม้จะถูก โมร็อกโก ตีเสมอได้อย่างทันควันก็ตาม และที่สำคัญ ประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 7 ของ ยอสโก้ กวาดิโอล ปราการหลังทีมตาหมากรุกทำให้เขาเป็นนักเตะ โครแอต อายุน้อยที่สุดของประเทศที่ยิงประตูใน ฟุตบอลโลก ได้ (20 ปี 328 วัน) พร้อมกันนี้ เปริซิช ซึ่งแอสซิสต์ประตูขึ้นนำของ โครเอเชีย ยังสร้างผลงานมีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูโดยตรงในเกม ฟุตบอลโลก สามครั้งรวมเป็น 11 ประตูแล้ว (ยิงหก แอสซิสต์ห้า) ซึ่งมีแค่ ลิโอเนล เมสซี่ คนเดียวเท่านั้นที่เหนือกว่าเมื่อเทียบจาก ฟุตบอลโลก สามหนหลังเช่นกัน (16) แต่ที่แน่ๆ คนที่เด่นที่สุดในสนามช่วง 45 นาทีแรกได้แก่ โควาซิช ซึ่งมีการแจกแจงรายละเอียดออกมาดังนี้ 100% ชนะการดวล 92% ผ่านบอลแม่นยำ 54 สัมผัสบอล 11 ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 5 ผ่านบอลยาวแม่นยำ 3 ชนะการดวล (จำนวนครั้ง) 1 สร้างโอกาส สำหรับสถิติที่ถูกเผยออกมาหลังจบครึ่งแรก ทีมของ ดาลิช ครองบอลได้เหนือกว่า 59:41% และได้ส่องยิงมากกว่า 8:4 ครั้ง อีกทั้งเข้ากรอบมากกว่า 4:1 ครั้งซึ่งถือว่ายุติธรรมดีต่อสกอร์ที่ปรากฎ 4. ครึ่งหลังเป็นของจอมพลิกล็อค กลับมาฟาดเกือกกันต่อในครึ่งหลัง โมร็อกโก ลงสนามด้วยความดุดัน และทำให้เกมเป็นไปอย่างวุ่นวายหลายจังหวะเนื่องจากนักเตะของทั้งสองฝ่ายปะทะกันบ่อยครั้ง จึงแน่นอนว่าแม้เกมชิงอันดับสามจะไม่มีความหมายมากมายนัก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีนักเตะคนไหนอยากเดินออกจากสนามในฐานะผู้แพ้ และมันส่งผลให้การโม่เกือกมีความจริงจัง ไม่ใช่แค่เกมที่แค่เล่นกันให้จบๆไปตามโปรแกรม โดยเฉพาะทีม สิงโตแห่งแอตลาส ซึ่งมุ่งมั่นที่จะสร้างผลงานให้ดียิ่งขึ้นไปอีกแม้พวกเขาจะประกาศศักดาเป็นชาติแรกที่ผ่านเข้ามาถึงรอบตัดเชือกศึก ฟุตบอลโลก ได้สำเร็จก็ตาม เมื่อเป็นอย่างนี้ โมร็อกโก ซึ่งลงเล่นด้วยความมุ่งมั่นจึงสร้างปัญหาให้ โครเอเชีย ได้มากขึ้นในครึ่งหลังจากตัวเลขที่ฟ้องว่าพวกเขาลดความห่างในการครองบอลที่ด้อยกว่าได้ลงเหลือ 51:49% และได้ส่องยิงมากขึ้นแม้จะยังเป็นรอง 12:9 ครั้ง อีกทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้ด้อยกว่าคู่ต่อสู้ขยับขึ้นมาเป็น 4-2 ครั้ง 5.คำถามที่ยังรอคำตอบ ในวัย 37 ปี โมดริช จึงถูกจับตามองว่าจบเกมชิงอันดับสามกับ โมร็อกโก แล้ว เขาจะประกาศหันหลังให้กับการรับใช้แผ่นดินเกิดเลยทันทีหรือไม่ มองจากความเป็นจริง ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ที่ดาวเตะทีม เรอัล มาดริด จะฝืนสังขารลงเล่น ฟุตบอลโลก 2026 ในวัย 41 ปี เต็มที่เขาน่าจะติดธงต่อไปอีกได้แค่ศึก ยูโร 2024 เท่านั้นอย่างที่ ดาลิช ตั้งความหวังเอาไว้ว่าจอมทัพคนสำคัญจะยังไม่ด่วนอำลาทีมชาติ จะอย่างไรก็ตาม คงต้องรอการเปิดปากจาก โมดริช เป็นสำคัญว่าเขาพร้อมลงเล่นให้แผ่นดินเกิดต่อไปจนกว่าจะก้าวขาไม่ออก หรือว่าจะประกาศรีไทร์หลังจบศึก ฟุตบอลโลก เวอร์ชั่นอาหรับ ผลงานของ โมดริช กับทีมชาติ 162 นัด 23 ประตู 25 แอสซิสต์ 4 ฟุตบอลโลก 4 ฟุตบอลยูโร ผลงานของ โมดริช นัดชนะ โมร็อกโก 83 สัมผัสบอล 93% ผ่านบอลแม่นยำ 5 ชนะการดวล 2 ดักบอล 7 ทะลุเข้าพื้นที่สุดท้าย |
|