ลิเวอร์พูล ปิดฉากการออกทัวร์ในแมตช์อุ่นเครื่อง "ดูไบ ซูเปอร์ คัพ" ได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจัดการถล่ม เอซี มิลาน 4-1 (แม้ช่วงดวลจุดโทษแพ้ 3-4) เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้แชมป์ก็ตาม แต่ก็ถือเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับ "หงส์แดง" ในการเตรียมกลับมาลงแข่งช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาล 2022/2023

แมตช์นี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดผู้เล่นตัวหลักลงสนามหลายคน นำโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ งานนี้ต้องบอกเลยว่า "เดอะ เร้ดส์" ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และแสดงให้เห็นว่าทุกๆ อย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง

ซาลาห์, ติอาโก้ อัลกันทาร่า และ นูนเญซ จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย ทำให้ ลิเวอร์พูล ส่งท้ายการทัวร์ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้อย่างสวยหรู และน่าจะเป็นการเรียกความมั่นใจให้กับทุกๆ คนก่อนจะกลับมาพบกับศึกใหญ่ทั้งในพรีเมียร์ลีก กับฟุตบอลถ้วยเมืองผู้ดีและยุโรป

1. นูนเญซ ผลงานสุดยอด

หลังจากที่ต้องผิดหวังเมื่อ อุรุกวัย ร่วงตกรอบแบ่งกลุ่มศึกฟุตบอลโลก 2022 งานนี้ นูนเญซ หวนกลับมาเข้าแคมป์เก็บตัวกับ ลิเวอร์พูล พร้อมทั้งพยายามเรียกฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ และงานนี้ คล็อปป์ ไม่ผิดหวังที่เห็นหัวหอกค่าตัวแพงระยับโชว์ผลงานสวยหรู

นูนเญซ ได้ลงสนามในช่วงต้นครึ่งหลัง และสามารถสร้างความแตกต่างให้กับเกมรุกของ "เดอะ เร้ดส์" อย่างแท้จริง ดาวเตะชาวอุรุกวัย สามารถปั่นป่วนเกมรับของ เอซี มิลานได้อย่างต่อเนื่อง และใช้โอกาสที่มีได้อย่างคุ้มค่า ด้วยการกดสองประตูในแมตช์นี้

ผลงานที่ยอดเยี่ยมของ อดีตดาวเตะ "เหยี่ยวลิสบอน" เบนฟิก้า แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นเมื่อหวนกลับมาลงแข่งในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ สาวก "เดอะ ค็อป" คงได้เห็นอะไรเด็ดๆ จาก นูนเญซ มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

2. ซาลาห์ กลับมาตะบันประตูอีกครั้ง

ซาลาห์ ต้องผิดหวังเมื่อพลาดจุดโทษในแมตช์ที่แพ้ให้กับ โอลิมปิก ลียง เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้แฟนบอล "หงส์แดง" รู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อมั่นของ "บังโม" ที่อาจส่งผลกระทบกับฟอร์มการเล่นของเขากับต้นสังกัดในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง

อย่างไรก็ตามแมตช์นี้ "คิง ออฟ อียิปต์" กลับมายิงประตูได้อีกครั้งในเกมกับ มิลาน ซึ่งเป็นการเปิดประตูแรกตั้งแต่ต้นเกม โดยประตูนี้ได้มาจากการประสานงานร่วมอย่างยอดเยี่ยม โดยเริ่มจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ชิงหนึ่งสองกับ โฌแอล มาติป ก่อนจะไปจบที่ ซาลาห์ ซึ่งส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

แน่นอนว่าแมตช์นี้ ซาลาห์ แสดงให้เห็นว่าสภาพร่างกายและจิตใจยอดเยี่ยมสุดๆ ที่สำคัญศักยภาพของนักเตะถือยอดเยี่ยมอย่างมาก และเป็นสัญญาณที่ดีเยี่ยมสำหรับทีมในการเตรียมความพร้อมก่อนหวนกลับมาลงแข่งจริง

3. กองหลังยังต้องแก้ไข

ลิเวอร์พูล มักจะเสียประตูง่ายๆ ในฤดูกาลนี้ และสิ่งเหล่านั้นก็ยังคงเกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องกับแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในจังหวะที่ "ปีศาจแดงดำ" ซัดประตูตีเสมอช่วงกลางครึ่งแรก

จังหวะดังกล่าว อเล็กซิส ซาเลเมเกอร์ส สามารถเลี้ยงบอลเข้าไปในเขตโทษแล้วจัดการตะบันด้วยเท้าซ้ายส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างง่ายดาย โดยจะเห็นได้ว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยังไม่ฟิตเต็มร้อยในการรับมือกับเกมบุกฝั่งซ้าย

แน่นอนว่าตรงจุดนี้ คล็อปป์ ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เพราะการเสียประตูง่ายๆ เป็นสิ่งที่เขาพยายามที่จะปรับแก้ให้ดีขึ้น แต่ดูเหมือนมันยังไม่ค่อนสมบูรณ์แบบอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

ที่สำคัญในช่วงครึ่งหลัง มิลาน สามารถสร้างโอกาสได้อีก 2 ครั้ง และเกือบที่จะซัดประตูได้ซะหน่อย ฉะนั้นปัญหาในจุดนี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน มีเวลาประมาณอาทิตย์กว่าๆ เพื่อปรับจูนให้เข้าที่ ไม่งั้นคงต้องผิดหวังต่อไป

4.ติอาโก้ โชว์คุณภาพชั้นยอด

หลังจากที่โดนเมินจากทีมชาติสเปน อดไปลุยศึกเวิลด์ คัพ ฉบับตะวันออกกลาง แต่ ติอาโก้ ได้แสดงให้ หลุยส์ เอ็นรีเก้ และเหล่าสตาฟฟ์ของเขาได้เห็นแล้วว่าพวกนายคิดผิดที่ไม่เรียกตัวเขาไปช่วยชาติ ด้วยการโชว์ลีลาตะบันระยะ 20 หลาเข้าประตูอย่างงดงาม

ติอาโก้ ไม่ได้มีดีแค่การจบสกอร์ที่เฉียบคมเท่านั้น แต่เกมนี้เขายังแสดงให้เห็นการเป็นนักเตะระดับมันสมองในการสร้างสรรค์เกมให้กับสโมสร และคอยคุมจังหวะการเล่นที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้แดนกลางของ "หงส์แดง" แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เชื่อว่าหาก สเปน มี ติอาโก้ คุมแผงมิดฟิลด์ให้กับพวกเขา งานนี้ทัพ "กระทิงดุ" คงไม่โบกมือลาศึกฟุตบอลโลก 2022 เร็วแบบนี้แน่นอน แต่กระนั้นการที่ ดาวเตะวัย 31 ปี อยู่ร่วมทัวร์อุ่นเครื่องกับ "เดอะ เร้ดส์" ถือเป็นเรื่องดีสำหรับทีมมากๆ และทำให้พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งอย่างที่ได้เห็นกันในช่วงที่ผ่านมา

5. ดาวรุ่งสร้างผลงานโดดเด่น

การที่ทีมขาดตัวหลักทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อลีสซง เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ่ ที่ยังได้พักหลังไปช่วยชาติในศึกเวิลด์ คัพ งานนี้เป็นโอกาสดีที่ คล็อปป์ จะได้ใช้งานนักเตะดาวรุ่งบางคนลงเล่นตัวจริงให้กับทีมชุดใหญ่

สเตฟาน บายเซติช กับ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ได้รับโอกาสลงสนามเป็น 11 ตัวจริง ขณะที่ดาวรุ่งคนอื่นๆ ก็ถูกส่งลงสนามในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้ คล็อปป์ ประทับใจอย่างมาก

บ็อบบี้ คลาร์ก เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งจัดการทำแอสซิสต์ให้กับ นูนเญซ เช่นเดียวกับ โดมินิค คอร์เนสส์, เมลคามู เฟราเอนดอร์ฟ และ เบน โด็ก ซึ่งแอสซิสต์ให้กับหัวหอกชาวอุรุกวัย ก็เล่นได้อย่างโดดเด่น

แน่นอนว่าการที่ดาวรุ่งเหล่านี้ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ย่อมทำให้พวกเขามีความมั่นใจในการที่จะพัฒนาฝีเท้าตัวเอง เพื่อโอกาสที่จะได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ในอนาคต

ทอมเม้ง

สยามกีฬา