31
ม.ค.
ลิเวอร์พูลจบไม่ลงโดนเลสเตอร์บุกเจ๊า นำแมนซิตี้5แต้ม


เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล แม้ยังยึด จ่าฝูง แต่พลาดโอกาสทำแต้มหนีห่างเพื่อทิ้งความกดดันหลังทำได้แค่เปิดรัง เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 โดย ยืดสถิติไม่แพ้เลยตลอด 33 นัดเหย้าหลังสุดในพรีเมียร์ลีก

โดย ''หงส์แดง'' ได้ประตูออกนำจาก ซาดิโอ มาเน่ ตั่งแต่ 3 นาทีแต่ไม่สามารถรักษาสกอร์ได้ โดนทีเด็ด แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ช่วงท้ายครึ่งแรก เก็บเพิ่มเป็น 61 คะแนนทิ้งห่างแมนฯซิตี้ 5 แต้ม ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม : แอนฟิลด์

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกพาทีมกลับมาจากการเข้าแคมป์ที่ ดูไบ, ยูเออี เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องเล่น เอฟเอ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ โดยหากวันนี้ ทัพ "เร้ดแมชชีน" คว้าชัยเหนือ ''สุนัขจิ้งจอก'' ได้จะเพิ่มระยะห่างหนี "เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ เป็น 7 คะแนนทันที

ฟาก โคล้ด ปูแอล กุนซือ ''สุนัขจิ้งจอก'' ทำทีมกดดันทีเดียว พวกเขาแพ้ในลีก 3 จาก 4 เกมหลัง โดยฟอร์มล่าสุดก็คือการไปแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-4 นั่นเอง

ก่อนเกมทั้งสองทีมได้ยืน เอมิเลียโน่ ซาล่า จากเหตุการเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กของสาบสูญระหว่างเดินทางจากน็องต์ สโมสรเก่าของเขามาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับ คาร์ดิฟฟ์ โดยรายงานล่าสุด หน่วยสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศแห่งสหราชอาณาจักร แถลงพบชิ้นส่วนซึ่งน่าจะมาจากเครื่องบินแล้ว

เริ่มต้นเกมเพียง 3 นาที ''หงส์แดง'' ได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วเป็นจังหวะของ ซาดิโอ มาเน่ ลุยขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนเคาะทำชิ่งกับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน บอลเหมือนจะเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่แต่หลุดมาถึง มาเน่ ที่เติมสอดเข้าเขตโทษได้ลองปั่นด้วยขวาเสียบเสาไม่มีเหลือ ลิเวอร์พูล 1 เลสเตอร์ 0

นาทีที่ 5 เจ้าถิ่นลุยหนักได้ลุ้นประตุอีกครั้งจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้บอลทางฝั่งซ้ายยกบอลหลบ ริคาร์โด้ เปเรยร่า ก่อนปั่นโค้งด้วยขวาแต่ยังไม่ผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ปัดออกหลังไปได้ จากลุกเตะมุมเป็น ซาดิโอ มาเน่ ขึ้นโขกอีกครั้งแต่ไม่ตรงกรอบ

ต่อมานาทีที่ 24 ''สุนัขจิ้งจอก'' เกือบได้ประตูตีเสมอเป็น อลีสซง เบ็คเกอร์ ติดประมาทเตะไปติด เจมี่ วาร์ดี้ ที่วิ่งมากดดัน บอลเข้าทาง มาร์ค อัลไบร์ทตัน ทางฝั่งขวาก่อนครอสให้ เจมส์ เมดิสันยืนโหม่งโล่งๆออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 46 ''สุนัขจิ้งจอก'' ได้ประตูตีเสมอจากลุกฟรีคิกทางขวาของ เจมส์ เมดิสัน และเป็นแนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์ไม่ขาดบอลเข้าทาง วิลฟรีด เอ็นดิดี้ ซัดก่อนจังหวะแรกบอลติดบล็อคเข้าทาง เบน ชิลเวลล์ โหม่งหนุนไปเสาสองให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ สอดมาแปร์ด้วยขวาเข้าไป ลิเวอร์พูล 1 เลสเตอร์ 1

หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม หมดครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล 1 เลสเตอร์ 1

เริ่มครึ่งหลังได้ 5 นาทีเป็นทัพ ''สุนัขจิ้งจอก'' เป็นฝ่ายครองบอลเข้าใส่ได้ลุ้นประตูขึ้นนำจาก เจมส์ เมดิสัน แต่ยังติดแนวรับ ''หงส์แดง'' ช่วยกันป้องกันไว้ได้

กดดันอย่างหนักสำหรับลูกทีมของ โคล้ด ปูแอล 5 นาทีต่อมาได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกฟรีคิกทางขวาของ เจมส์ เมดิสัน โยนบอลลึกไปเสาสองให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ โขกชงเข้ากลางเกือบถึง จอนนี่ อีแวนส์ยังดีที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตามาช่วยทิ้งตัวสกัดหน้าปากประตู

นาทีที่ 65 เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องขยับเปลี่ยนตัวก่อนหลังรูปเกมครึ่งหลังสู้ทีมเยือนไม่ได้ ส่ง ฟาบินโญ่ ลงสนามแทน นาบี เกอิต้า และ อดัม ลัลลาน่า แทน เซอร์ดาน ชากิรี่

ก่อนหมดเวลา 15 นาที ''หงส์แดง'' ได้เสียวอีกครั้งโดยเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ รับบอลข้ามฟากจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก่อนแหวกแนวรับทีมเยือนซัดเต็มข้อด้วยขวาบอลพุ่งเลียด แต่ไม่ดีพอผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ล้มตัวตะปปไว้ได้

ก่อนหมดเวลา 5 นาทีแฟน "เดอะ ค็อป" ลุ้นหนักหลังทัพ ''สุนัขจิ้งจอก'' มีจังหวะสวนกลับอันตรายหลายครั้ง ส่วนลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องยอมรับว่าผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที เจ้าถิ่น โหมบุกอย่างหนักแต่ไม่มีทีเด็ดไม่สามารถทำอะไรแนวรับทัพ ''สุนัขจิ้งจอก'' ได้เลย

จบเกม ลิเวอร์พูล 1 เลสเตอร์ ซิตี้ 1 โดยลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กดดันตัวเองพลาด 3 แต้มสำคัญ ยืดสถิติไม่แพ้เลยตลอด 33 นัดเหย้าหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ยึดจ่าฝูง ทิ้งห่างแมนฯซิตี้เพียง 5 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) :
อลีสซง เบ็คเกอร์ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, นาบี เกอิต้า - ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, เซอร์ดาน ชากิรี่ - โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

เลสเตอร์ (4-2-3-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ริคาร์โด้ เปเรยร่า, เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, เบน ชิลเวลล์ - น็อมปาลิส เมนดี้, วิลฟรีด เอ็นดิดี้ - เดมาไร เกรย์, เจมส์ เมดิสัน, มาร์ค อัลไบร์ทตัน - เจมี่ วาร์ดี้

ผู้จัดการทีม : โคล้ด ปูแอล

ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.