12
ต.ค.
กอบกู้สปิริตก่อนดวลเรือใบ! เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล ก่อนเยือน เรนเจอร์ส


เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องกระตุ้นลูกทีมอย่างหนักเพื่อกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งให้เร็วที่สุด โดยแมตช์เยือน เรนเจอร์ส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันพุธที่ 12 ตุลาคมนี้ "หงส์แดง" ต้องการชัยชนะอย่างมาก เพราะจะเป็นการเรียกสปิริตและความมั่นใจกลับคืนมาก่อนดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมลีก สุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ "เดอะ ไลท์บลูส์" ก็หวังปราบทีมเยือนที่อยู่ในช่วงระส่ำสุดๆ เพื่อต่อลมหายใจการลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์เช่นกัน

1. โรคเดี้ยงตามหลอนไม่หยุด

สถานการณ์ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของ ลิเวอร์พูล อาจจะดูดีเนื่องจากพวกเขารั้งอันดับ 2 กลุ่ม เอ แต่สถานการณ์ภายในค่อนข้างน่าเป็นห่วงเพราะฟอร์มของนักเตะแทบทุกคนร่วงกราวรูด แถมความมั่นใจก็เหือดหาย ที่สำคัญยังมาเจอโรคเดี้ยงเล่นงานเป็นระยะๆ

ล่าสุดหลังเกมแพ้ อาร์เซน่อล บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" ถึงกับใจหายเนื่องจากนักเตะคีย์แมนทั้ง หลุยส์ ดิอาซ, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โฌแอล มาติป ได้รับบาดเจ็บเรียบวุธ

ในรายของ "หนุ่มเทรนต์" กับ มาติป ต้องพักรักษาตัว 2 สัปดาห์ แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ ดิอาซ ที่บาดเจ็บหนักบริเวณหัวเข่า และต้องพักยาวโดยกว่าจะกลับมาช่วยทีมได้ก็ต้องรออย่างน้อยช่วงบ็อกซิ่ง เดย์ เลยทีเดียว

ส่วนข่าวดีที่พอจะทำให้ คล็อปป์ แอนด์ โค. พอจะยิ้ม (เจื่อนๆ) ได้บ้าง ก็คือการเห็น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กลับมาซ้อมเบาๆ กับทีมแล้ว และน่าจะพร้อมช่วยสโมสรในเกมลีกช่วงสุดสัปดาห์นี้

2. นูนเญซ พร้อมกอบกู้เกมรุก

ในช่วงวิกฤติของทีมก็ยังพอมีแสงสว่างให้ชื่นใจอยู่บ้าง นั่นก็คือการเห็น ดาร์วิน นูนเญซ เล่นด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หลังเจ้าตัวมีชื่อทำสกอร์ในแมตช์แพ้ อาร์เซน่อล เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อน

หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย โดนค่อนขอดเรื่องฟอร์มการเล่นมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายจาก เบนฟิก้า มาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ ช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยค่าตัวแพงที่สุดเป็นสถิติสโมสร และนำไปสู่พฤติกรรมตบะแตกจนเป็นเหตุให้โดนไล่ออกในเกมกับ คริสตัล พาเลซ พร้อมโดนแบน 3 เกม

หลังพ้นโทษแบน นูนเญซ พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ แต่มันกลายเป็นการสร้างความกดดันให้กับตัวเอง และทำให้เขาเล่นผิดพลาดอยู่บ่อย อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยังคงให้โอกาสนักเตะได้แสดงศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

แมตช์บุกเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม, นูนเญซ เริ่มโชว์ศักยภาพของเขาเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่การยิงประตูเท่านั้น แต่การมีส่วนร่วมกับเกมก็มากขึ้น เชื่อว่าหากเขามีสมาธิอยู่กับตัวเอง และตั้งหน้าตั้งตาทำผลงานให้ดีที่สุด แฟน "หงส์แดง" น่าจะได้เห็น "ร่างทอง" ของเจ้าตัวในเร็วๆ นี้

3. เรนเจอร์ส สู้ไม่ถอยต่อชีวิตถ้วยหูกาง

หลังจากที่บุกมาโดน "เดอะ เร้ดส์" ทุบสบายเกือก 2-0 เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว เรนเจอร์ส พยายามรวบรวมสปิริตอย่างเต็มที่เพื่อหวังกลับมาเล่นให้สุดยอดอีกครั้งในเกมสกอตติช พรีเมียร์ลีก

ทีมของกุนซือโจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สต์ สามารถกลับมารวมพลังประจัญบานได้ทันที เมื่อพวกเขาจัดการทุบ เซนต์ เมียร์เรน 4-0 ส่งผลให้พวกเขาตามหลัง กลาสโกว์ เซลติก จ่าฝูงลีกน้ำเมา เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น อันโตนิโอ โคลัค หัวหอกตัวเก่ง ฟอร์มกำลังร้อนแรง โดยตะบันไปแล้ว 10 ประตูในลีก รวมเบ็ดเสร็จซัดไป 13 ลูกในทุกรายการซีซั่นนี้ น่าจะเป็นตัวทีเด็ดที่ทำให้แนวรับของ "หงส์แดง" ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงระส่ำระส่ายต้องปั่นป่วนแน่นอน

ขณะเดียวกันแมตช์นี้มีความสำคัญกับ "เดอะ ไลท์บลูส์" อย่างมาก เพราะพวกเขาต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีเนื่องจากทีมยังยิงประตูในเกมถ้วยใบโตยุโรปไม่ได้เลย นอกจากนี้ทีมยังต้องการ 3 คะแนนเพื่อต่ออายุลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์แม้จะริบหรี่เหมือนแสงหิ่งห้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีลุ้น

4. ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะอย่างมาก

สำหรับ "หงส์แดง" ชัยชนะเป็นสิ่งที่พวกเขาโหยหาเหลือเกิน เพราะช่วงที่ผ่านมาทีมค่อนข้างกระท่อนกระแท่น กว่าจะเก็บ 3 คะแนนได้ในแต่ละเกมต้องลุ้นกันรากเลือดเลยทีเดียว

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คล็อปป์ แอนด์ โค. ค่อนข้างมีปัญหาใหญ่ในเรื่องสภาพจิตใจ หลังแพ้ อาร์เซน่อล ทำให้ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมแทบจะหมดลุ้นแชมป์ลีกไปแล้ว แม้จะเพิ่งผ่านไป 8 เกมก็ตาม

ในเกมเยือน เรนเจอร์ส มีความหมายอย่างยิ่งกับการลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะถ้าพวก "หงส์แดง" สามารถบุกไปชนะสโมสรร่วมสหราชอาณาจักรได้สำเร็จ น่าจะทำให้พวกเขาเบาใจกับการเล่นโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" และกลับไปมีสมาธิในศึกพรีเมียร์ลีก ได้เต็มที่

5. เรียกสปิริตก่อนบิ๊กแมตช์สุดสัปดาห์นี้

สิ่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องการมากที่สุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น "ความมั่นใจ" เพราะช่วงที่ผ่านมาพวกเขามีอาการขวัญหนีดีฝ่อเวลาที่ต้องสู้กับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นทีมชั้นนำ หรือทีมท้ายตาราง

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจบเกมกับ เรนเจอร์ส ทีมจะต้องเปิดรังแอนฟิลด์ ตอนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เต็มแชมป์ลีก ที่ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ ที่สำคัญขุมกำลัง "เรือใบสีฟ้า" ท็อปฟอร์มทุกคน โดยเฉพาะ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่ยิงประตูโหดเหมือนโกรธคู่แข่ง

ด้วยเหตุนี้ในเกมกับ "เดอะ ไลท์บลูส์" บรรดาลูกทีมของคล็อปป์ นอกจากจะต้องการชัยชนะแล้ว พวกเขาต้องเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุด เพื่อเป็นการเรียกขวัญกำลังใจ และสร้างความพร้อมก่อนต้องรับศึกหนักในวันอาทิตย์ที่ 16 ต.ค.นี้

กระนั้นหากทีมยังคงเล่นด้วยอาการหวาดกลัว และขาดความมั่นใจ งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" อาจต้องทำใจที่เห็นทีมรักอาจพ่าย....แต่ก็ขออย่าให้แพ้ยับไม่นับญาติเหมือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็พอ !!!

ทอมเม้ง

สยามกีฬา

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.