|
28
ม.ค. เบนเซม่าโชว์เทพเหมา2! เรอัลมาดริด10คนบุกเชือดเอสปันญ่อลสุดมัน
ฟอร์มจัดปลัดบอก! คาริม เบนเซม่า โชว์ลีลาเล่นสุดเทพทั้งขับเคลื่อนเกม แถมซัลโวคนเดียวสองเม็ด ก่อนพา เรอัล มาดริด บุกเผา "ไอ้นกแก้ว" ถึงบ้าน 4-2 เก็บสามแต้มแซง เซบีย่า ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของลีก ในเกม ลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สนาม : อาร์เซเดอี สเตเดี้ยม, บาร์เซโลน่า ฟรานเซส รูบิ เทรนเนอร์เอสปันญ่อลส่งแนวรุกตัวฉกาจทั้ง บอร์ฆา อิเกลเซียส และ เซร์คิโอ การ์เซีย ล่าตาข่ายโดยมี เลโอ บาปติสเตา เป็นตัวสนับสนุนด้านหลัง ส่วนทางฝั่ง "ราชันชุดขาว" ซานติอาโก้ โซลารี่ เกมนี้ได้ แกเร็ธ เบล หายเจ็บกลับมามีชื่อเป็นสำรองอยู่ข้างสนาม โดยเกมรุกวางหมากเด็ดสามหัวหอกทั้ง ลูกัส บาสเกซ, คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์ เกมเปิดฉากมาได้แค่ 4 นาทีแรก แฟนบอลไอ้นกแก้วต้องเงียบกริบ เมื่อ ลูก้า โมดริช เลี้ยงบอลเข้ายิงติดเซฟของ ดีเอโก้ โลเปซ แต่บอลยังไปเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ยิงซ้ำเข้าไปไม่พลาด ให้ เรอัล มาดริด บุกมานำเจ้าถิ่น เอสปันญ่อล 1-0 จากนั้น นาที 15 สกอร์ขยับเป็นทีมเยือนนำห่างเป็น 2-0 จากลูกคอนเนอร์สั้นทางด้านขวา โทนี่ โครส เขี่ยบอลให้ ลูก้า โมดริช ครอสบอลยาวมาเสาสองให้ เซร์คิโอ รามอส ขึ้นโขกบอลย้อน ดีเอโก้ โลเปซ เสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ 5 ของแนวรับทีมชาติสเปนในฤดูกาลนี้ นาที 24 ฆาบี้ โลเปซ แบ็กขวาจ่ายบอลเลียดเข้าไปในกรอบให้ เลโอ บาปติสเตา ยิงเสาแรกแต่บอลยังไปติดเซฟของ กูร์กตัวส์ ปัดออกหลังไป กระนั้นนาทีต่อมา "นกแก้ว" มาไล่ตีไข่แตกไล่มา 1-2 จนได้ จากจังหวะชุลมุนเคลียร์บอลไม่ขาดของทีมเยือน บอลกระดอนมาเข้าทาง บาปติสเตา ในกรอบแค่ 10 หลา ก่อนหวดเต็มข้อบอลพุ่งแสกหน้า กูร์กตัวส์ กระทบตาข่ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด ช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 "ราชันชุดขาว" มาบวกประตูที่สามจนได้ จากความยอดเยี่ยมของ คาริม เบนเซม่า กระชากบอลจากริมเส้นทางซ้ายก่อนแทงบอลเข้ากรอบให้ วินิซิอุส แม้จะโดนแนวรับเจ้าถิ่นเบียดแต่บอลก็ยังกระดอนมาเข้าทาง เบนเซม่า วิ่งมายิงด้วยขวาพุ่งเลียดติดไซด์โป้งเสียบมุมเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม จบครึ่งแรก เอสปันญ่อล ตามหลัง เรอัล มาดริด 1-3 ครึ่งหลัง เรอัล มาดริด เปลี่ยนตัวเอา นาโช่ ลงไปเล่นแทน เซร์คิโอ รามอส ที่มีอาการเจ็บ เจ้าถิ่นดาหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่ไม่ยั้ง นาที 55 อิเกลเซียส ได้บอลก่อนล็อกหนี กาเซมีโร่ จนหลังหักแล้วอัดด้วยขวาข้างถนัด บอลพุ่งเหินคานออกไป นาทีถัดมา เป็นโอกาสของ "ชุดขาว" บ้าง คราวนี้ โทนี่ โครส ได้บอลนอกกรอบก่อนอัดเต็มแรงบอลพุ่งโด่งออกไปเช่นกัน นาที 57 ทีมเยือนเกือบได้ประตูที่สี่นำห่าง จากจังหวะการเข้าทำอันยอดเยี่ยม เริ่มจาก ลูกัส บาสเกซ ได้บอลทางขวาแล้วปาดเข้ากลางให้ โมดริช ทำชิ่งกับ เบนเซม่า ก่อนที่เพลย์เมกเกอร์ชาวโครแอตจะหลุดเข้าไปยิงด้วยขวา บอลพุ่งจะเสียบมุมอยู่แล้วแต่ ดีเอโก้ โลเปซ ยังปัดปลายนิ้วออกไปได้ทัน นาที 64 ซานติอาโก้ โซลารี่ เปลี่ยนเอา แกเร็ธ เบล ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงเล่นแทน วินิซิอุส จูเนียร์ และเพียงแค่ 2 นาที แกเร็ธ เบล ก็แผลงฤทธิ์ทันที จากสัมพัสแรกที่รับบอลในกรอบก่อนโชว์ทักษะเหนือชั้นคลึงบอลหนีแนวรับเอสปันญ่อล แล้วหลุดเข้าไปตะบันด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบตาข่าย ให้ "ชุดขาว" นำโด่ง 4-1 นาที 70 เบนเซม่า ที่วันนี้เล่นได้โดดเด่น โชว์สกิลหลอกล่อคู่ต่อสู้ก่อนดีดบอลลอดขาให้ ลูกัส บาสเกซ หลุดเข้าไปยิงติดเซฟ โลเปซ ออกหลังไป ทว่านาทีเดียวถัดมา เอสปันญ่อล ได้บอลโต้กลับบอลเลยมาถึง ปาโบล ปิอัตติ หลุดเดี่ยวเข้าไปจะยิงอยุ่แล้ว แต่ ราฟาแอล วาราน ที่อยู่ตัวสุดท้ายวิ่งมาสะกิดฟาวล์ด้านหลัง ผู้ตัดสินวิ่งมาแจกใบแดงตามกฎทันที และจากฟรีคิกนอกกรอบ ปิอัตติ ปั่นบอลไปติดกำแพงทีมเยือน โมเมนตั้มกลายเป็น เจ้าถิ่นที่ตอนนี้ได้เปรียบตัวผู้เล่นที่มีมากกว่า ปั้นเกมรุกกดดันทีมเยือนอย่างหนัก นาที 74 บอร์ฆา อิเกลเซียส ที่เกมนี้ไม่มีชื่อเป็นคนยิงประตู พยายามลั่นไกอีกหนแต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือกูร์กตัวส์ ท้ายเกม นาที 82 เจ้าบ้านมาไล่คืนมาเป็น 2-4 จากจังหวะตักบอลให้ โรแบร์ดต้ โรซาเลส หลุดเข้าไปพักอกก่อนวอลเลย์ด้วยขวาบอลพุ่งแสกหน้า กูร์กตัวส์ เข้าไปแบบเฉียบขาด แม้ตอนแรกแข้งทีมเยือนจะฟ้องว่าเป็นล้ำหน้า แต่หลังจากใช้ VAR ดูภาพจะเห็น มาร์เชโล่ อยู่ต่ำสุดทำให้ลูกนี้ไม่ล้ำหน้า และเป็นประตูของเจ้าถิ่น ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบเกม เรอัล มาดริด บุกมาคว้าสามแต้มถึงบ้านของ เอสปันญ่อล 4-2 แซงเซบีย่าขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ส่วนเอสปันญ่อล แพ้ 3 เกมติดรั้งอันดับ 15 มี 24 คะแนน มากกว่าโซนตกชั้นแค่ 4 แต้มเท่านั้น รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม เอสปันญ่อล (4-3-3) ดีเอโก้ โลเปซ - ฆาบี้ โลเปซ, ยุยส์ มาร์โมล โลเปซ, มาริโอ เอร์โมโซ่, ดีดัค บีล่า - เลโอ บาปติสเตา, มาร์ค โรก้า, เซร์จี้ ดาร์เดย์, อเล็กซ์ โลเปซ - บอร์ฆา อิเกลเซียส, เซร์คิโอ การ์เซีย เรอัล มาดริด(4-3-3) ติโบลต์ กูร์กตัวส์ - ดาเนียล การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน,เซร์คิโอ รามอส, เซร์คิโอ เรกีล่อน - ลูก้า โมดริช, เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่, โทนี่ โครส - ลูกัส บาสเกซ, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์ |
|