โอกาสลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ของ อาร์เซน่อล ดูจะเริ่มสั่นคลอนหลังเปิดรังแพ้ ไบรท์ตัน หวุดหวิด 1-2 แม้จะมาได้ประตูตีไข่แตกจาก มาร์ติน โอเดอการ์ด ในช่วงท้ายแต่สุดท้ายไล่ไม่ทัน ทำให้ "ปืนใหญ่" ปราชัย 3 จาก 4 เกมในลีก ยังหยุดอยู่ที่ 5 ส่วนทัพ "นกนางนวล" คว้าชัยนัดแรกในรอบ 8 นัด

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 9 เมษายน 2565 ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 5 ของตาราง พบ ไบรท์ตัน ทีมอันดับ 13

มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซน่อล พาทีมออกไปโดนคริสตัล พาเลซถล่มเละ 0-3 ในเกมล่าสุด เป็นการแพ้นัดที่ 2 ในรอบ 5 เกม โดยเกมนี้กุนซือชาวสแปนิชส่ง แซมบี้ โลค็องก้า ลงเล่นแทน โธมัส ปาร์เตย์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนสามประสานแนวรุกใช้ บูคาโย่ ซาก้า, อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และ กาเบรียล มาร์ตินเลลี่ ล่าตาข่าย

เปิดฉากครึ่งแรกมาเป็น อาร์เซน่อล ที่เดินหน้าบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว จนนาที 26 น่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆจากการเล่นสั้นจากจังหวะฟรีคิก แล้วเป็น บูคาโย่ ซาก้า ที่ตักบอลเข้าเขตโทษให้ กาเบรียล มาร์กัลเญส ได้โหม่งจ่อๆบอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

อย่างไรก็ตาม ไบรท์ตัน มีโอกาสโต้กลับมาและได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 29 จากจังหวะที่ เอ็มวีปู หลุดมาทางกราบขวาแล้วไหลบอลเรียดมาที่้หน้าปากประตูให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ มีเวลาได้แปด้วยขวาโล่งๆส่งบอลตุงตาสข่าย

จากนั้นเกมรุกของ อาร์เซน่อล ดูช็อตไปดื้อๆ และกลายเป้นโอกาสลุ้นลูกสิงของ ไบรท์ตัน ในนาที 42 เมื่อ เอ็มวีปู ได้กดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลพุ่งหลุดเสาไกลไปไม่ไกล

ช่วงทดเวลานาที 45+2 อาร์เซน่อล ชวดตามตีเสมอแบบน่าเสียดาย จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาบอลมาถึง กาเบรียล มาร์กัลเญส โหม่งชงมาที่เสาไกลให้ มาร์ติเนลลี่ ชาร์จจ่อๆไม่เหลือ แต่ผู้ตัดสินมีการเช็ก VAR จังหวะนี้และริบประตูคืนเนื่องจากดาวยิงชาวบราซิลอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อน

หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรก ไบรท์ตัน บุกนำ อาร์เซน่อล 1-0

ครึ่งหลังเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 61 ไบรท์ตัน ได้ลุ้นลูกสองจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาบอลมาเข้าหัว ลูอิส ดังก์ ได้โขกเต็มศีรษะ แต่ แรมส์เดล ยังพุ่งไปรับไว้ได้

จากนั้น นาที 62 อาร์เซน่อล มีการปรับทัพส่งกองหน้าอย่าง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ลงมาเล่นแทน เอมิล สมิธ โรว์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรก

นาทีถัดมา "ปืนใหญ่" ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ ซาก้า เก็บตกได้ที่หน้าเขตโทษก่อนจะหวดเต็มข้อด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคานไปไกล

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของ อาร์เซน่อล แย่ลงไปอีก เมื่อนาที 67 ไบรท์ตัน หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ แดนนี่ เวลเบ็ค เปิดบอลย้อนมาที่หัวกระโหลกให้ เอ็มวีปู วิ่งมาหวดด้วยขวาแบบไม่จับส่งบอลเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม

อารเซน่อล เริ่มเดินเครื่องมากขึ้นหวังทวงประตูตีไข่แตก นาที 83 ซาก้า กระชากไปถึงสุดเส้นแล้วปาดเรียดมาที่หน้าปากประตูให้ นิโกล่าส์ เปเป้ ได้ซัดจ่อๆ แต่ยังติดบล็อค ลูอิส ดังก์

นาที 86 อาร์เซน่อล น่าได้ประตูไล่มาจากลูกยิงไกลด้วยขวาของ แซมบี้ โลค็องก้า บอลเฉียดเสาไกลออกหลังไปหวุดหวิด

จนแล้วจนรอดเจ้าถิ่นก็ยังตีไข่ไม่แตก นาที 88 โอเดอการ์ด ปั่นฟรีคิกบอลพุ่งไปชนคาน กระดอนมาเข้าทาง เอ็นเคเทียร์ ตามซ้ำก็ยังชนคานอีกหน

อย่างไรก็ตาม นาที 89 อาร์เซน่อล ตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 สำเร็จ จากลูกยิงไกลด้วยซ้ายของ โอเดอการ์ด บอลไปแฉลบ เวลเบ็ค ก่อนจะพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าประตูไป

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ไบรท์ตัน บุกชนะ อาร์เซน่อล 2-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล (4-3-3) : แอรอน แรมส์เดล - เซดริก โซอาเรส, เบน ไวท์, กาเบรียล มากัลเญส, กรานิต ชาก้า - เอมิล สมิธ โรว์, แซมบี โลก็องก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด - บูคาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ - อเลซ็องด์ร ลากาแซ็ตต์

ไบรท์ตัน (3-5-2) : โรเบิร์ต ซานเชซ - โยเอล เฟลท์มัน, ลูอิส ดังค์, มาร์ก กูกูเรย่า - อีน็อค เอ็มวีปู, อีฟส์ บิสซูม่า, ปาสกาล โกรสส์, มอยเซส ไซเซโด้, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - เลอันโดร ทรอสซาร์, แดนนี่ เวลเบ็ค

สยามกีฬา