16
พ.ค.
137ปีที่รอคอย! เลสเตอร์ทุบเชลซีผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยแรก

1cff80aa33aa2ac8aa592dc7d19c490e.jpg

ยูริ ตีเลมันส์ กลายเป็นฮีโร่ของ "จิ้งจอกสยาม" หลังซัดประตูชัยสุดสวยพาทีมเฉือนเอาชนะ เชลซี 1-0 คว้าแชมป์สมัยแรกของสโมสรนับแต่ก่อตั้งมา 137 ปี อีกทั้ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กลายเป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาได้ในรอบชิงชนะเลิศที่สนาม เวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม, ลอนดอน (สนามกลาง)

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ 2020-21 เมื่อวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เชลซี ทุบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ในรอบตัดเชือก เข้ามาพบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งรอบรองฯ เฉือน เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0 เช่นกัน ซึ่งเป็นการเข้ามาชิงชนะเลิศเป็นหนแรกในรอบ 52 ปี

โธมัส ทูเคิ่ล ลุ้นเป็นกุนซือชาวเยอรมันคนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์รายการนี้ เกมนี้ได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับมายืนคุมกลางร่วมกับ จอร์จินโญ่ โดยมี เมสัน เมาน์ท และฮาคิม ซิเย็ค ยืนหน้าต่ำสนับสนุน ติโม แวร์เนอร์ ที่ยืนเป็นหน้าเป้า

ส่วน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ลุ้นเป็นกุนซือคนแรกที่พา "จิ้งจอกสยาม" คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ หลังเข้าชิงมาแล้วถึง 4 หน ไม่เคยได้แชมป์เลย แมตช์นี้สภาพทีมพร้อมเต็มสูบได้ จอนนี่ อีแวนส์ แนวรับตัวเก่งกลับมายืนหลัง มี ยูริ ตีเลมันส์ ขับเคลื่อนเกมตรงกลาง ส่วนหน้าคู่ใช้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ยืนจับคู่กับ เจมี่ วาร์ดี้

ออกสตาร์ทครึ่งแรก ช่วง 10 นาทีแรกนั้นทั้งสองทีมต่างเล่นด้วยความระมัดระวัง แม้ว่า "สิงห์บลูส์" จะครองบอลได้เหนือกว่าแต่ก็ยังเข้าไปในพื้นที่อันตรายของทัพจิ้งจอกไม่ได้

นาที 17 เลสเตอร์ได้ลุ้นเหมือนกันคราวนี้ ติโมธี คาสตาญ ครอสบอลเข้ามาให้ เจมี่ วาร์ดี้ ซัดด้วยขวาแต่บอลยังไปติดบล็อคของแนวรับสิงห์บลูส์

อีกสามนาทีถัดมา เลสเตอร์ มาได้ลุ้นฟรีคิกหลัง ติอาโก้ ซิลวา โดนจับแฮนด์บอล ก่อนที่ ยูริ ตีเลมันส์ จะเปิดฟรีคิกเยื้องทางด้านขวามาให้ ซากลาร์ โซยุนชู โถมมาโขกเหินคานออกไปแบบได้เสียว

ทัพสิงห์บลูส์ตอบโต้ทันควัน นาที 23 เมสัน เมาน์ท เลี้ยงหนีแนวรับจิ้งยจอกก่อนจะซัดไปติดบล็อค อีก 4 นาทีถัดมา บอลสวนกลับจาก ก็องเต้ พาบอลมาแล้วให้ ติโม แวร์เนอร์ ซัดด้วยขวาหลุดกรอบออกไป

เชลซี ยังบุกกดดันอย่างหนัก นาที 30 ทิ้งโอกาสทองขึ้นนำหลังบอลจากลูกเตะมุมบอลเลย ติอาโก้ ซิลวา มาเข้าหัว ติโม แวร์เนอร์ โขกหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 33 เลสเตอร์ เปลี่ยนตัวคนแรกหลัง จอนนี่ อีแวนส์ เล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง มาร์ค อัลไบรท์ตัน ลงมาเล่นแทน

นาที 39 ฮาคิม ซิเย็ค ได้บอลทางขวาก่อนหักเข้ากลางแล้วแทงให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังไม่ติด โฟฟาน่า แม้ แวร์เนอร์ จะตามไปซัดมาอีกทีแต่ โฟฟาน่า ยังตามไปขวางไดทันอีกหน

"เดอะ ฟ็อกซ์" อาศัยโจมตีจากลูกนิ่ง นาที 42 ตีเลมันส์ เปิดฟรีคิกทางด้านซ้ายเข้ามาในกรอบให้ ซากลาร์ โซยุนชู สะบัดโขกหลุดเสาแรกออกไป

จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เชลซี ยังเสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาที 53 สิงห์บลูส์ ได้ลุ้นทันทีหลัง จอร์จินโญ่ แทงทะลุช่องให้ ก็องเต้ ครอสจากเส้นหลังไปเสาไกลให้ มาร์กอส อลอนโซ่ บอลย้อนหลังไปนิดทำให้ต้องถอยไปโขกทำให้บอลเบาไปก่อนเข้ามือ คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล

แต่แล้ว นาที 63 เลสเตอร์ ซิตี้ ยิงเข้ากรอบหนแรกได้ประตูขึ้นนำทันที 1-0 จากจังหวะที่ รีซ เจมส์ เปิดบอลไปติด อโยเซ่ เปเรซ ก่อนที่ ลุค โธมัส จะเก็บบอลได้แล้วปาดเข้ากลางให้ ยูริ ตีเลมันส์ ตั้งป้อมยิงไกลกว่า 30 หลาบอลพุ่งแรงเป็นจรวดหนีมือ เกป้า เสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างงดงาม

โธมัส ทูเคิ่ล แก้เกมทันที นาที 68 ส่ง คริสเตียน พูลิซิช และเบน ชิลเวลล์ ไปเล่นแทน ฮาคิม ซิเย็ค และมาร์กอส อลอนโซ่ ขณะที่ฝั่ง เลสเตอร์ ส่ง เจมส์ แมดดิสัน ไปเล่นแทน เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ที่วันนี้เล่นไม่ออก

นาที 78 เชลซี เกือบได้ลุ้นตีเสมอหลัง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ครอสบอลมาเสาสองให้ เบน ชิลเวลล์ เทกตัวขึ้นโขก บอลตกพื้นเกือบเบียดเสาเข้าแต่ยังเป็น คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดออกหลังหวุดหวิด

นาที 87 "สิงห์บลูส์" ชวดได้ลูกตีเสมออีกครั้ง คราวนี้ เมสัน เมาน์ท เก็บตกบอลในกรอบก่อนวิ่งมาอัดเต็มแรงบอลพุ่งจน ชไมเคิ่ล ต้องพุ่งปัดออกไปอีกหน

จนแล้วจนรอด นาที 89 เชลซี ส่งบอลเข้าก้นตาข่ายตีเสมอจนได้ หลังติอาโก้ ซิลวา ตักบอลยาวตัดหลังให้ เบน ชิลเวลล์ หลุดเข้าไปซัดบอลผ่าน คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก่อนไปโดน เวส มอร์แกน เข้าประตูไป ทว่า วีเออาร์เช็กเป็น ชิลเวลล์ ที่ล้ำหน้าไปก่อนทำให้ชวดได้ประตูตีเสมอสกอร์ยังเป็น เลสเตอร์ ขึ้นนำ 1-0

ช่วงเวลาที่เหลือ "สิงห์บลูส์" ทวงประตูตีเสมอไม่สำเร็จ จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ เชลซี ไปได้หวุดหวิด 1-0 สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยแรกนับแต่ก่อตั้งสโมสรมา 137 ปี

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เชลซี (3-4-2-1) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า - รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า (คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย น.76), เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ (ไค ฮาแวร์ทซ์ น.76), มาร์กอส อลอนโซ่ (เบน ชิลเวลล์ น.68) - เมสัน เม้าน์ท, ฮาคิม ซิเย็ค (คริสเตียน พูลิซิช น.68) - ติโม แวร์เนอร์ (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.82)

ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล

เลสเตอร์ ซิตี้ (3-4-1-2) : คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล - เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, จอนนี่ อีแวนส์ (มาร์ค อัลไบรท์ตัน น.33), ซากลาร์ โซยุนชู - ติโมธี คาสตาญ, ยูริ ตีเลมันส์, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ลุค โธมัส (เวส มอร์แกน น.82)- อโยเซ่ เปเรซ (ฮัมซ่า เชาด์รี่ น.82) - เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ (เจมส์ แมดดิสัน น.68), เจมี่ วาร์ดี้

ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.