โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เจอโปรแกรมเตะวันเว้นวันทำให้เกมนี้ต้องพักตัวหลักเกือบยกทีม ก่อนที่ "ผีแดง" จะพ่ายคาบ้านให้ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ส่งผลโยนแชมป์ให้ "เรือใบสีฟ้า" ทันที เนื่องจากเหลืออีก 3 เกมที่เหลือแต้มขาดแล้วหลังตามหลังถึง 10 คะแนน ส่วน "จิ้งจอกสยาม" สามแต้มเกมนี้ทำให้แซง เชลซี ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 มี 66 คะแนน ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอังคารที่ผ่านมา

สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด

เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง ไม่แพ้ในลีกมา 14 เกมติด แมตช์ที่แล้วบุกไปอัด แอสตัน วิลล่า 3-1 นัดนี้รับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่หล่นไปอันดับ 4 หลังสะดุดไม่ชนะ 2 เกม ซึ่งนัดที่แล้วแพ้คาบ้านให้ นิวคาสเซิ่ล 2-4

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ "ผีแดง" ต้องเจอโปรแกรมสุดโหดเตะวันเว้นวันทำให้เกมนี้ต้องโรเตชั่นปรับทีมด้วยการเปลี่ยนถึง 10 ตำแหน่งแนวรุกให้ ฆวน มาต้า ปั้นเกมร่วมกับ อาหมัด ดิยัลโล่, อ็องโตนี่ เอล็องก้า และให้เมสัน กรีนวู้ดเป็นหน้าเป้า

ส่วน "จิ้งจอกสยาม" ของ เบรแดน ร็อดเจอร์ส ต้องเอาชนะให้ได้เพื่อแซง "สิงห์บลูส์" ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 เกมนี้พัก เจมส์ แมดดิสัน เป็นสำรองแล้วให้ อาโยเซ่ เปเรซ ยืนหน้าต่ำอยู่หลัง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ และเจมี่ วาร์ดี้

เปิดฉากครึ่งแรกมา เป็นทัพจิ้งจอกที่เปิดเกมรุกบดเจ้าถิ่นอย่างหนัก และแค่ นาทีที่ 10 เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมาขึ้นนำผีแดง 1-0 จากจังหวะที่เซ็ตบอลกันมาทางด้านขวาก่อนแทงให้ ยูริ ตีเลมันส์ หลุดขึ้นไปก่อนห้องเครื่องทีมชาติเบลเยียมจะตักไปเสาไกลให้ ลุค โธมัส วิ่งมาแปจังหวะเดี่ยวย้อนไปเสาสองเสียบสามเหลี่ยมสุดงาม

กระนั้น นาที 16 แมนฯยูไนเต็ด มาตีเสมอ 1-1 อย่างทันควัน จากความผิดพลาดของ ลุค โธมัส ที่เสียเหลี่ยมสกัดบอลไม่ดีโดน อาหมัด ดิยัลโล่ แย่งบอลไปได้ก่อนหลุดเข้าไปแล้วปาดเข้ากลางให้ เมสัน กรีนวู้ด เลี้ยงแหวกแล้วหักเลียดด้วยขวาผ่าน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เสียบเสาไกลอย่างคมกริบ เป็นประตูที่ 7 ในลีกซีซั่นนี้ของดาวยิงวัย 19 ปี

นาที 28 ผีแดงเกือบเสียท่าหลัง ยูริ ตีเลมันส์ พยายามเปิดมาเสาไกลให้ อิเฮียนาโช่ แต่บอลลึกเกือบพุ่งเสียบใต้คาน แต่ยังดีที่ ดาบิด เด เคอา ยังไวถอยหลังปัดข้ามคานออกไปได้ทัน

ทั้งสองทีมยังแทบหาโอกาสเข้าส่องเข้ากรอบกันไม่ได้เลย บวกกับสภาพอากาศที่ฝนเทลงมาอย่างหนักทำให้ทั้งสองทีมเล่นกันได้ยากยิ่งขึ้น

จบคครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1

กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง นาที 47 อิเฮียนาโช่ ซัดไปติดบล็อคก่อนจังหวะต่อมา วิลฟรีด เอ็นดิดี้ จะลองซัดด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลยังเหินออกไปไกล

เจ้าบ้านแมนฯยูไนเต็ด โอกาสค่อนข้างน้อย แม้นาที 54 จะได้ลุ้นจากจังหวะที่ อเล็กซ์ เตลลิส ครอสไปให้ กรีนวู้ด โขกแต่ก็ยังไม่ผ่านบล็อคของ ทิโมธี กาสตานเญ่

นาที 59 เลสเตอร์ น่าจะได้ลูกขึ้นนำอีกครั้งหลัง ยูริ ตีเลมันส์ จ่ายทะลุช่องให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายมุมแคบแต่ยังยิงไปติดตัว ดาบิด เด เคอา ที่ออกมาปิดมุมช่วยให้เจ้าถิ่นไม่เสียประตู

แต่แล้ว นาที 66 "จิ้งจอกสยาม" ที่บุกกดดันได้มากกว่ามาพังประตูพลิกขึ้นนำเจ้าถิ่น 2-1 อีกครั้ง จากจังหวะลูกคอนเนอร์ทางด้านขวา มาร์ค อัลไบรท์ตัน เปิดมาเสาไกลให้ คลาการ์ โซยุนคู ขึ้นเบียด มาติช โขกบอลเข้าไปตุงตาข่าย

นาที 83 "ผีแดง" มีลุ้นตีเสมอหลัง ฆวน ตาต้า ปาดมากลางประตูบอลไปชน เอดิน คาวานี่ ก่อนกระดอนมาเข้าทาง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่เพิ่งลงไปซัดหลุดกรอบออกไป

จบเกม แมนฯยูไนเต็ด แพ้คาบ้านให้ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การันตีแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ทันที เนื่องจากเหลือโปรแกรมอีก 3 แมตช์ซึ่งแต้มขาดลอย 10 คะแนนแล้ว ส่วน "จิ้งจอกสยาม" ขยับแซง เชลซี ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 มี 66 คะแนน แต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - แบรนดอน วิลเลียมส์, อาเซล ตวนเซเบ้, เอริก ไบยี่, อเล็กซ์ เตลิส - เนมานย่า มาติช, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค - อาหมัด ดิยัลโล่ (บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.78), ฆวน มาต้า, อ็องโตนี่ เอล็องก้า (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.66) - เมสัน กรีนวู้ด (เอดินสัน คาวานี่ น.66)

ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

เลสเตอร์ (3-4-1-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ทิโมธี กาสตานเญ่, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, คลาการ์ โซยุนคู - มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ยูริ ตีเลมันส์, วิลฟรีด เอ็นดิดี้, ลุค โธมัส - อาโยเซ่ เปเรซ (เจมส์ แมดดิสัน น.65) - เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, เจมี่ วาร์ดี้ (ฮัมซ่า เชาฮ์ดรี้ น.80)

ผู้จัดการทีม : เบรแดน ร็อดเจอร์ส

ผู้ตัดสิน : เคร็ก พาวสัน

www.siamsport.co.th