9
พ.ค.
แมนซิตี้อดฉลองแชมป์! ทูเคิ่ลแสบพาเชลซีบุกซิวชัยทดเจ็บ แซงจิ้งจอกขึ้นที่ 3

3547600cb724c4b6d39211b57c18b84f.jpg

แมนฯซิตี้ ชวดฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกเร็วหลังเจอทีเด็ดของ โธมัส ทูเคิ่ล โชว์กึ๋นครึ่งหลังบุกมารัวสองเม็ดแซงกลับมาคว้าชัย 2-1 จากประตูชัยของ มาร์กอส อลอนโซ่ ในช่วงทดเจ็บ น.90+2 ทำให้ลูกทีมของ เป๊ป ต้องไปการันตีแชมป์พรีเมียร์ลีกกลางวีกที่จะบุกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ส่วนทัพ "สิงห์บลูส์" มีเพิ่มเป็น 64 แต้ม แซงเลสเตอร์ขึ้นมารั้งอันดับ 3 แทน ในศึกบิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

"บิ๊กแมตช์" พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา จ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รับการมาเยือนของ เชลซี อันดับ 4 โดยเกมนี้หาก "เรือใบสีฟ้า" เอาชนะได้จะการันตีแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ทันที อีกทั้งคู่นี้ยังเป็นการลองเชิงก่อนเจอกันอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปลายเดือนนี้

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังพาทีมอยู่บนเส้นทางลุ้นทริปเปิ้ลแชมป์ หลังผ่าน เปแอสเช เข้าไปชิงชนะเลิศกับ "สิงห์บลูส์" ขณะที่ฟอร์มในลีกล่าสุดบุกไปเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 การจัดทัพวันนี้พัก เควิน เดอ บรอยน์ คีย์แมนตัวหลัก ส่วนแนวรุกให้ กาเบรียล เชซุส หน้าเป้ามีตัวสนับสนุนทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ และเฟร์ราน ตอร์เรส

ส่วน "สิงห์บลูส์" ของ โธมัส ทูเคิ่ล สุดยอดมากเข้าชิงฯเอฟเอ คัพ ในวันเสาร์หน้าแล้วยังพาทีมเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกกับ "เรือใบสีฟ้า" อีกหนึ่งรายการ ส่วนเป้าหมายในพรีเมียร์ลีกต้องจบท็อปโฟร์เพื่อการันตีตั๋วชปล.ซีซั่นหน้าให้ได้ แมตช์นี้จัด คริสเตียน พูลิซิช ล่าตาข่ายร่วมกับ ติโม แวร์เนอร์

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 4 แมนฯซิตี้ ได้โอกาสทักทายก่อนหลัง เฟร์ราน ตอร์เรส กระชากบอลเข้าไปซัดเสาแรกแต่หลักไม่ดีหลังโดน อันโตนิโอ รือดิเกอร์ วิ่งมาเบียดทำให้ยิงหลุดกรอบออกไป

อีก 4 นาทีถัดมา ราฮีม สเตอร์ลิง เลี้ยงแหวกมาหน้ากรอบก่อน กาเบรียล เชซุส ฉกบอลซัดไปติดบล็อค แต่บอลก็ยังไปเข้าทาง แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ วิ่งเติมมาซัดด้วยซ้ายพุ่งเลียดออกหลังไป

นาที 12 สเตอร์ลิง โดนเหลืองคนแรกหลังไปรวบ ติโม แวร์เนอร์ หน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ทำให้ "สิงห์บลูส์" ได้ลุ้นฟรีคิกกว่า 23 หลา แต่ รีซ เจมส์ วิ่งมาอัดด้วยขวาไปติดกำแพง

นาที 32 "สิงห์บลูส์" ชวดได้ประตูขึ้นนำหลัง บอลครอสจาก อลอนโซ่ ไปถึง รีซ เจมส์ กึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้ากรอบให้ แวร์เนอร์ ตั้งเท้ายิงเข้าไปแล้ว แต่ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย

อีกนาทีถัดมา บิลลี่ กิลมัวร์ แทงบอลขึ้นหน้ามาให้ ติโม แวร์เนอร์ พาบอลควบเข้าไปในกรอบก่อนปั่นไปเสาสองแต่บอลยังหลุดกรอบออกไปอย่างน่าผิดหวัง

นาที 43 บิลลี่ กิลมอร์ ไหลให้ ฮาคิม ซิเย็ค ปั่นบอลด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งไปเสาไกลแต่ยังโดน เอแดร์ซอน โมราเอส พุ่งปัดออกไปได้ ก่อนที่ อลอนโซ่ จะเก็บได้แล้วไหลให้ รือดิเกอร์ เติมมาอัดเปรี้ยงเหินคานออกไป

เมื่อทำไม่ได้ นาที 44 กลายเป็น "เรือใบสีฟ้า" ที่ยิงเข้ากรอบหนแรกแล้วเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ทันที จากความผิดพลาดของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่กะจังหวะบอลไม่ดีโดนโดน กาเบรียล เชซุส เบียดแย่งบอลไปแล้วปาดมาให้ กุน อเกวโร่ จับบอลจังหวะแรกก่อนโดน ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งมาซัดจังหวะเดียวตุงตาข่าย

และจากจังหวะล้มของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น นั้นทำให้เจ้าตัวเล่นต่อไม่ไว้ โธมัส ทูเคิ่ล ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง คูร์ต ซูม่า ลงมาเล่นแทนในนาที 45+2

เท่านั้นไม่พอช่วงทดเจ็บ นาที 45+3 ทีมเยือนต้องมาเสียจุดโทษอีกหลัง บิลลี่ กิลมอร์ ไปเสียฟาวล์กระแทกใส่ กาเบรียล เชซุส ทางด้านหลัง ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่นทันที ทว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงไม่ดีพยายามชิพบอลปาเนนก้าแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ยังไม่หลงรับบอลกลางประตูไว้ได้สบาย

จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ เชลซี 1-0

กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 51 กุน อเกวโร่ ได้ลองอัดนอกกรอบแต่บอลก็ยังไปเข้ามือ เมนดี้ ถัดมาไม่ถึงนาที "สิงห์บลูส์" สวนขึ้นมาบ้าง รีซ เจมส์ ผ่านเข้ากลางให้ ฮาคิม ซิเย็ค อัดด้วยซ้ายเต็มแรงแต่ยังไปตรงตัว เอแดร์ซอน

ลูกทีมของ ทูเคิ่ล พยายามบุกอย่างหนักเพื่อไล่ตีเสมอให้ได้ เกมผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมง บอลขึ้นทาง มาร์กอส อลอนโซ่ ลากเลื้อยแหวกเข้ามาก่อนผ่านมากลางประตูให้ คริสเตียน พูลิซิช ซัดหลุดกรอบออกไป

แต่แล้ว นาที 63 เชลซี มาไล่ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ บอลขึ้นทางด้านขวาจาก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ตบเข้ากลางให้ ฮาคิม ซิเย็ค จับหนึงจังหวะก่อนซัดเปรี้ยงด้วยซ้ายพุ่งเบียดเสาแรกเข้าไป หมดสิทธ์ที่ เอแดร์ซอน จะป้องกัน

ทูเคิ่ล เปลี่ยนคนที่สองพัก ก็องเต้ แล้วเอา จอร์จินโญ่ ลงมาเล่นแทน นาที 68 ขณะที่ เป๊ป เองก็เปลี่ยนบ้างถอดเอาทั้ง กุน อเกวโร่ และเฟร์ราน ตอร์เรส ออกแล้วให้ตัวหลักอย่าง อิลคาย กุนโดกัน และฟิล โฟเด้น ลงไปเล่นแทน

นาที 79 จอร์จินโญ่ ให้ ติโม แวร์เนอร์ ซัดบอลเข้าก้นตาข่ายไปแล้ว แต่โดนจับล้ำหน้า ซึ่งเป็นหนที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ที่โดนจับออฟไซด์

นาที 81 สิงห์บลูส์ พลาดโอกาสแซงขึ้นนำอีก คราวนี้บอลขึ้นมาทางขวา รีซ เจมส์ ครอสเลียดไปหน้าประตูให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ตัวสำรองวิ่งมากระทุ้งบอลเข้าก้นตาข่าย แต่ก็ยังโดนจับล้ำหน้าอีก ซึ่งวีเออาร์ยืนยันว่าล้ำหน้าจริงทำให้สกอร์ยัง 1-1

เกมทำท่าว่าจะจบด้วยการแบ่งแต้ม แต่แล้ว นาที 90+2 สิงห์บลูส์ มาได้ประตูแซงขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ แวร์เนอร์ ปาดมากลางประตูให้ มาร์กอส อลอนโซ่ วิ่งมาซัดด้วยขวาบอลผ่านมือ เอแดร์ซอน เสียบตาข่ายเข้าไป

จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้คาบ้านให้ เชลซี 1-2 อดฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกเร็ว ต้องไปรออีกในเกมหน้า ส่วน "สิงห์บลูส์" มีเพิ่มเป็น 64 แต้ม แซงเลสเตอร์ขึ้นมารั้งอันดับ 3 แทน เกมบิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ (3-3-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส - นาธาน อาเค่, รูเบน ดิอ๊าส, อายเมริค ลาปอร์กต์ - ชูเอา กานเซโล่, โรดรี้, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ (อเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.80) - เฟร์ราน ตอร์เรส (อิลคาย กุนโดกัน น.71), เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" (ฟิล โฟเด้น น.70), ราฮีม สเตอร์ลิง - กาเบรียล เชซุส

เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น (คูร์ต ซูม่า น.45+2), อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (จอร์จินโญ่ น.68), บิลลี่ กิลมอร์, มาร์กอส อลอนโซ่ - ฮาคิม ซิเย็ค (คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย น.76), คริสเตียน พูลิซิช - ติโม แวร์เนอร์

เทรนเนอร์ : โธมัส ทูเคิ่ล

ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.