|
11
เม.ย. ทีเด็ดบิเอลซ่า! ลีดส์10ตัวทำช็อกบุกสยบแมนซิตี้คารัง-ดัลลัสกดเบิ้ล
ถือเป็นอีกหนึ่งเกมสุดดราม่าหลังจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่าตั้งแต่ครึ่งแรกมาได้ประตูชัยในช่วงทดเจ็บจาก สจ๊วร์ต ดัลลัส ที่เหมาคนเดียวในเกมนี้ ช่วยทีมบุกเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-1 ขยับขึ้นมารั้งที่ 9 ของตาราง ส่วน "เรือใบสีฟ้า" ยังนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 14 แต้มและแข่งมากกว่าสองนัด ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 10 เม.ษ.ที่ผ่านมา ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นการพบกันระหว่าง แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูงของตารางพบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 11 แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยมา 6 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ เกมนี้พวกเขาไม่มีปัญหาในการจัดทัพแต่มีการโรเตชั่นผู้เล่นหลายตำแหน่งส่ง นาธาน อาเก้ ยืนเป็นคู่เซ็นเตอ์กับ จอห์น สโตนส์ แทน รูเบน อิอาส ที่ได้พัก ขณะที่แนวรุกมี แฟร์ราน ตอร์เรส, ราฮีม สเตอร์ลิง และ กาเบรียล เชซุส นำทัพ ขณะที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ชนะมา 2 เกมติดต่อกัน เกมนี้แนวรุกส่ง เอลแดร์ คอสต้า ทำเกมรุกแทน แจ็ค แฮร์ริสัน ที่ติดเงื่อนไขในสัญญายืมตัว โดยมี แพทริก แบมฟอร์ด ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าตามเดิม เปิดฉากครึ่งแรกมาเป็น แมนซิตี้ ที่ขึงบุกใส่ก่อนตามคาด ก่อนจะมาได้ลุ้นครั้งแรกในนาที 17 เมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ตั้งป้อมซัดด้วยขวานอกเขตโทษแต่บอลยังเหินข้ามคานออกไปไกล หลังจากนั้นสองนาทีถัดมา ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กองหน้า แมนฯ ซิตี้ ได้โอกาสอีกครั้งจากจังหวะรับบอลได้บอลในเขตโทษแล้งแต่งเข้าขวาก่อนซัดเสาแรกแต่คราวนี้ อิลล็อง เมสลิเย่ร์ ยังปิดเสาแรกได้ดีรับเข้าซองสบาย ขณะที่ ลีดส์ เน้นตั้งรับรอจังหวะสวนกลับเล่นงานแต่ก็ยังหาโอกาสจบสกอร์แบบจะแจ้งไม่ได้ ทำให้ผ่านครึ่งชั่วโมงทั้งสองทีมยังเสมออยู่ 0-0 หลังจากนั้น "เรือใบสีฟ้า" เร่งเครื่องมากขึ้น นาที 37 แฟร์นานดินโญ่ เลื้อยทะลุเข้าเขตโทษ และไหลถวายพานให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยืนซัดโล่งๆแต่บอลหลุดเสาออกไปแบบน่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ลีดส์ มาทำช็อกเจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 42 จากจังหวะที่ แพทริก แบมฟอร์ด ไหลบอลให้ สจ๊วร์ต ดัลลัส ตั้งป้อมกดด้วยขวาบอลชนเสาก่อนข้ามเส้นเข้าประตูไป แต่กระนั้นช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 ทัพ "ยูงทอง" ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน จากจังหวะที่ เลียม คูเปอร์ ไปเสียบสกัดใส่ กาเบรียล เชซุส อย่างรุนแรง ผู้ตัดวินย้อนดูวีเออาร์ ก่อนย้อนกลับมาแจกใบแดง เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกเป็น ลีดส์ ที่นำ แมนฯ ซิตี้ 1-0 ครึ่งแรกเกมดำเนินมาถึง นาที 53 แมนฯ ซิตี้ เกือบได้ประตุตามตีเสมอจากจังหวะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ตั้งป้อมกดด้วยซ้ายในเขตโทษ อิลล็อง เมสลิเย่ร์ ต้องออกแรงพุ่งปัดทิ้งออกมาได้หวุดหวิด "เรือใบสีฟ้า" บุกใส่ต่อเนื่องง นาที 71 แฟร์นานดินโญ่ ชากมาซัดด้วยขวาหน้าเขตโทษ อิลล็อง เมสลิเย่ร์ พุ่งปัดออกหลัง จนกระทั่ง นาที 76 แมนฯ ซิตี้ ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ แบร์นาโด้ ซิลวา ไหลบอลให้ แฟร์ราน ตอร์เรส กดด้วยขวาแบบไม่จับระยะเผาขนคราวนี้ อิลล็อง เมสลิเย่ร์ หมดสิทธิ์เซฟ นาที 84 ลีดส์ เกือบได้ประตูพลิกขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ ราฟินญ่า หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ แมนฯ ซิตี้ แต่แตะบอลไม่ผ่านมา เอแดร์ซอน ที่ออกมาใช้ขาตัดบอลไว้ได้ ท้ายเกมมีดราม่าเกิดขึ้นเมื่อ ลีดส์ แซงขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะสวนกลับเร็ว เอซยาน อลิออสกี้ แทงบอลทะลุช่องให้ สจ๊วร์ต ดัลลัส หลุดไปซัดผ่านมือ เอแดร์ซอน เข้าประตูไปอย่างสุดช็อก เวลาทีเหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลีดส์ ยูไนเต็ด บุกชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-1 ขยับขึ้นมารั้งที่ 9 ของตาราง ส่วน "เรือใบสีฟ้า" ยังนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 14 แต้มและแข่งมากกว่าสองนัด รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ชูเอา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ - แฟร์นานดินโญ่, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฟร์ราน ตอร์เรส, กาเบรียล เชซุส ลีดส์ ยูไนเต็ด (4-4-1-1) : อิลล็อง เมสลิเย่ร์ - ลุค อายลิ่ง, ดีเอโก้ ยอเรนเต้, เลียม คูเปอร์, เอซยาน อลิออสกี้ - คัลวิน ฟิลลิปส์ - ราฟินญ่า, สจ๊วร์ต ดัลลัส, ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์, เอลแดร์ คอสต้า - แพทริก แบมฟอร์ด |
|