25
ม.ค.
บรูโน่ฟรีคิกสุดงาม! แดงเดือดยิงสนั่น-แมนยูบี้ลิเวอร์พูลเข้าชนค้อนรอบ 5 เอฟเอคัพ

98cd9c8d2f8b537e5de95ea0a57cd815.jpg

"ผีแดง" ยังร่ายฟอร์มได้อย่างเยี่ยมยอดหลังได้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ลงมาเป็นสำรองซัดฟรีคิกงามหยดเป็นประตูชัยพาทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล สุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกมแดงเดือดเวอร์ชั่น เอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด

"แดงเดือด" ฉบับ เอฟเอ คัพ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคมที่่ผ่านมา เป็นการแข่งขันใน รอบ 4 แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือคู่ปรับตลอดกาล ลิเวอร์พูล อันดับ 4 พรีเมียร์ลีก ซึ่งคู่นี้เพิ่งจะเจอกันในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ที่ผ่านมา ซึ่งเสมอกันไปที่แอนฟิลด์แบบไร้สกอร์ 0-0 โดยเกมวันนี้ทีมใดชนะจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 พบกับ เวสต์แฮม ที่เข้าไปยืนรออยู่แล้ว

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เกมนี้ปรับทัพพอสมควรพัก บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นสำรองแล้วเปิดทางให้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงปั้นเกมร่วมกับ ปอล ป็อกบา, มาร์คัส แรชฟอร์ด และให้ เอดินสัน คาวานี่ เป็นหน้าเป้า

ส่วนทางฝี่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ในสถานการณ์ที่กดดันกับผลงานของทีมที่วิกฤตเล่นได้ย่ำแย่ไม่ชนะในลีกมา 5 นัดติด ล่าสุดเพิ่งจะเสียสถิติไร้พ่ายในแอนฟิลด์ที่ไม่แพ้ใครในลีกมา 3 ปีกว่าด้วยฝีมือ เบิร์นลี่ย์ โดยการจัดทัพวันนี้เปลี่ยนถึง 5 ตำแหน่งในเกมลีกล่าสุด รีส วิลเลี่ยมส์ จับคู่หลังกับฟาบินโญ่ ส่วน 3 แดนหน้าใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และเคอร์ติส โจนส์ โดยให้ ซาดิโอ มาเน่ เป็นแค่สำรองไปก่อน

ออกสตาร์ทครึ่งแรก โอกาสแรกของเกมเป็นเจ้าบ้าน "ผีแดง" ที่ได้ทักทายก่อนใน นาที 10 จากจังหวะที่ เมสัน กรีนวู้ด โซโล่เดี่ยวควบบอลจากขวาเข้าไปในเขตโทษก่อนจะซัดมุมแคบไปติดขาของ อลีสซง แบบได้ลุ้น

อีกนาทีถัดมา "หงส์แดง" ได้เสียวบ้าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสเข้าไปในกรอบ 6 หลา ฟีร์มีโน่เข้าไม่ถึงบอลโดนแนวรับผีแดงสกัดออกมาหวุดหวิด

นาที 14 เมสัน กรีนวู้ด สร้างโอกาสให้ตัวเองอีกครั้ง หลังรับบอลจาก คาวานี่ ก่อนจะอัดด้วยขวาเสาแรก บอลพุ่งหลุดกรอบออกไป

แต่กลายเป็น "หงส์แดง" ที่เป็นฝ่ายบุกมาขึ้นนำไปก่อน 1-0 นาที 18 จากจังหวะที่ ไวนัลดุม พาบอลขึ้นมาก่อนแทงให้ ฟีร์มีโน่ พลิกบอลแล้วจ่ายคิลเลอร์พาสทะลุช่องระหว่าง ลินเดอเลิฟ และลุค ชอว์ให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปก่อนชิพบอลข้าม ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าไปอย่างเหนือชั้น

กระนั้น นาที 25 "ผีแดง" มาได้ประตูตีเสมอไล่มา 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ ปอล ป็อกบา แย่งบอลจากหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง ก่อน ฟาน เดอ เบ็ค สวนกลับป้ายออกซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด วางบอลยาวจากครึ่งสนามให้ เมสัน กรีนวู้ด หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบก่อนซัดเลียดผ่าน อลีสซง เข้าไปอย่างเฉียบขาด

นาที 35 แมนฯยูไนเต็ด มาได้ลุ้นจากลูกเตะมุม ลุค ชอว์ เปิดมาให้ ปอล ป็อกบา ขึ้นโขกแต่บอลหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว อีกสองนาทีได้ลุ้นจากลูกคอนเนอร์อีก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ หนีตัวประกบแต่โหม่งไม่ดีบอลเหินโด่งข้ามคานออกไป

นาที 40 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบ้าง ติอาโก้ เก็บบอลได้จากแถวสองโขกชงต่อให้ เจมส์ มิลเนอร์ วิ่งมากดด้วยซ้ายแบบไม่จับห่างโกลออกไปแบบหมดลุ้น

จากนั้น นาที 42 ฟาบินโญ่ ไปเสียใบเหลืองหน้ากรอบหลังไปเสียบใส่ เมสัน กรีนวู้ด ก่อนจะเป็น ปอล ป็อกบา ปั่นฟรีคิกหลุดเสาแรกออกไป

ช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 ผีแดง ได้ลุ้นบอลสวนกลับจาก ป็อกบา เทกแย่งบอลให้ ฟาน เดอ เบ็ค ป้ายออกซ้ายให้ คาวานี่ ยกบอลยาวขนานเส้นถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด วิ่งไปรับบอลก่อนยกหลบหนี รีส วิลเลี่ยมส์ เลี้ยงจี้เข้ากรอบแล้วจ่ายขวางออกขวาให้ กรีนวู้ด แปะเข้ากลางให้ ป็อกบา วิ่งมาซัดนอกกรอบถากเสาแบบได้เสียว

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1

ครึ่งหลัง แค่นาที 48 "ผีแดง" มาได้พลิกแซงขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 2-1 จากจังหวะแย่งบอลได้ตรงกลาง ก่อนถึง เมสัน กรีนวู้ด วางบอลทะลุช่องผ่าน รีส วิลเลี่ยมส์ที่สกัดหวืดจนทะลุไปถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแปบอลผ่านตัว อลีสซง เข้าไปซุกก้นตาข่าย

"หงส์แดง" ไม่ท้อพยายามไล่ตีเสมอให้ได้ นาที 58 ติอาโก้ ครอสเข้าไปให้ ฟีร์มีโน่ โขกเช็ดให้ เจมส์ มิลเนอร์ สอดเข้าไปก่อนล้มตัวยิงเหินคานไปแบบได้เสียว

กระนั้นอีกนาทีต่อมา ลิเวอร์พูล มาไล่ตีเสมอเป็น 2-2 สำเร็จคราวนี้แนวรุกผีแดงทำเสียบอลโดน เจมส์ มิลเนอร์ ตัดบอลได้ให้ ฟีร์มีโน่ แทงบอลเข้ากลาง มิลเนอร์ วิ่งข้ามหลอกก่อนถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมาซัดไม่ถึง 6 หลาเข้าไป เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้มีลุ้นแฮตทริก

นาที 61 เกมรุกของหงส์แดงเกือบได้ลุ้นขึ้นนำ ซาลาห์ ออกบอลให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วิ่งมาซัดเต็มข้อแต่บอลยังไปติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน

อีกนาทีต่อมา "หงส์" ส่ง ซาดิโอ มาเน่ ลงมาเล่นแทน จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ส่วนเจ้าบ้าน นาที 66 ถอดเอา ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และเมสัน กรีนวู้ด ออกก่อนจะส่ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส และเฟร็ด ลงเล่นแทน

หงส์แดงพยายามเน้น นาที 67 ฟีร์มีโน่ เจาะทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปในกรอบก่อนซัดเสาแรกไปติดตัวของ ดีน เฮนเดอร์สัน อีกหน

นาที 75 โม ซาลาห์ สร้างโอกาสให้ตัวเองได้อีกหลังซัดด้วยซ้ายแหวกบล็อคบอลพุ่งไปตรงตัว เฮนเดอร์สัน แม้จะรับกระฉอกแต่ยังตามมาเก็บเข้ามือไว้ได้

แต่แล้ว นาที 78 กลายเป็น "ผีแดง" ที่ใช้โอกาสไม่เปลืองจากจังหวะได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษไม่ถึง 18 หลา และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ลงมาเป็นตัวสำรองวิ่งมาปั่นบอลอ้อมกำแพงผ่าน อลีสซง ที่พยายามพุ่งแต่ไม่ทัน บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างงามหยดให้ แมนฯยูฯ ขึ้นนำหงส์แดงอีกครั้งเป็น 3-2

ท้ายเกม นาที 89 เจ้าบ้านเกือบมาได้เม็ดที่สี่นำห่าง หลัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ครอสบอลมาให้ เอดินสัน คาวานี่ วิ่งสอดมาเสาไกลกระโดดโขกบอลลงพื้นบอลพุ่งไปชนเสาไกลอย่างน่าเสียดาย

จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เบียดเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 เอฟเอ คัพ พบกับ เวสต์แฮม ในช่วงวันที่ 8-11 กุมภาพันธ์นี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน - อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, ปอล ป๊อกบา - เมสัน กรีนวู้ด (เฟร็ด น.66), ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (บรูโน่ แฟร์นันด์ส น.66), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.86) - เอดินสัน คาวานี่

ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ , รีส วิลเลี่ยมส์ , ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - เจมส์ มิลเนอร์, ติอาโก้ อัลกันตาร่า (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.81) , จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (ซาดิโอ มาเน่ น.62) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.81), เคอร์ติส โจนส์

ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.