22
ม.ค.
หงส์วิกฤต!ลิเวอร์พูลบุกแทบตายโดนจุดโทษ "บาร์นส์" ซัดโป้งเดียวจอดพาเบิร์นลี่ย์บุกหักปากกาเซียน

afb0be8f9e8decefcf2a9783d004ad22.jpg

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ตกอยู่ในภาวะวิกฤตแล้วหลังเปิดบ้านปราชัยให้กับ เบิร์นลี่ย์ เมื่อเป็นฝ่ายพับสนามบุกฝ่ายเดียวแต่ดันมาโดนจุดโทษนาทีที่ 83 และเป็น แอชลี่ย์ บาร์นส์ ที่รับบทฮีโร่ซัดประตูชัย ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันพฤหัสบดีที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา


ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2564
ลิเวอร์พูล 0 - 1 เบิร์นลี่ย์

สนาม : แอนฟิลด์

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไม่ชนะเกมลีมา 4 นัดติดต่อกันแล้ว โดยเป็นการเสมอ 3 แพ้ 1 จนอันดับรูดจากตำแหน่งจ่าฝูงหล่นมาที่ 4

นัดนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่งชื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ เป็นเพียงผู้เล่นตัวสำรองเท่านั้น โดยเปิดโอกาสให้ ดิว็อค โอริกี้ กับ เชอร์ดาน ชากิรี่ ลงแดนหน้าขนาบข้างซ้ายขวา ซาดิโอ มาเน่

ด้าน โฌแอล มาติป ที่มีข่าวฟิตลงซ้อมเมื่อสองวันก่อนก็ได้ลงตัวจริง ในรายของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่คาดจะกลับมารับบทเป็นมิดฟิลด์เหมือนเดิมกลับไม่มีชื่อแม้กระทั้งตัวสำรอง โดย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้โอกาสลงเล่นแทน

ฝั่ง เบิร์นลี่ย์ ผลงานในลีกแพ้มา 2 นัดติดแต่แบบเฉียดฉิวทั้งหมดนัดนี้เน้นหนักเหมือนเคยหวังบุกมาคว้าสามแต้มเพื่อทำอันดับหนีโซนท้ายตาราง


เริ่มเกมได้เพียง 3 นาที ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสแรกจากการเปิดด้านข้างทางฝั่งขวาของ ชากิรี่ ไปเข้าหัว ฟาบินโญ่ ได้ขึ้นโขกแต่โดนเหลี่ยมไม่ดีบอลเลยออกหลังไปไม่ได้ลุ้นอะไร

เคลื่อนมาถึง นาทีที่ 10 เป็น เบิร์นลี่ย์ ตอบโต้กลับขึ้นมาบ้าง คริส วู้ด จ่ายบอลตัดแผงกองหลังเจ้าบ้านไปให้ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ทางกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายได้ส่องด้วยเท้าขวาแต่น้ำหนักและทิศทางไม่ดีส่งผลให้บอลไหลเข้ามือ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายด่านเลือดแซมบ้ารับไว้ไม่มีปัญหา

นาทีที่ 13 เบิร์นลี่ย์ หวิดขุดสกอร์แรกเมื่อ อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาตัดบอลในจังหวะที่ คริส วู้ด พยายามขึ้นโหม่งแต่ไม่ขาดก่อน วู้ด จะตามไปเก็บบอลแล้วส่งไวให้ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ที่ยืนอยู่แถวเส้น 18 หลาได้ซัดแบบโล่งๆ แต่่ อลีสซง ยังแก้ตัวได้สำเร็จตามมาล้มตัวป้องกันไว้ได้อย่างเฉียดฉิว

เกมดำเนินมาได้ 18 นาที ลิเวอร์พูลครองบอลได้มากกว่าด้วยอัตรา 65 ต่อ 35 %

นาทีที่ 21 เชอร์ดาน ชากิรี่ ตั้งป้อมซัดไกลด้วยเท้าซ้ายประมาณ 25 หลาบอลพุ่งแรงแต่ทิศทางยังไม่ดีทำให้หลุดออกข้างเสาไปพอได้เสียว

สองนาทีถัดมาหง์แดงยังพยายามเจาะประตูอย่างต่อเนื่อง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ไหลบอลให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้หวดเน้นๆ นอกกรอบ แต่น้ำหนักเบาเกินไปบอลพุ่งไปเข้ามือ นิค โป๊ป รับไว้ไร้ปัญหา

นาทีที่ 27 ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิกด้านข้างทางฝั่งซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดยัดเข้าไปในเขตโทษ เบิร์นลี่ย์ แต่กลับมีเสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้นเหตุ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไปทำฟาวน์ใส่แข้งทีมเยือนในจังหวะเบียดแย้งเพื่อจะโหม่งบอล

นาทีที่ 29 ดิว็อค โอริกี้ รับบอลจาก โรเบิร์ตสัน ก่อนจะกระชากเลาะริมเส้นกรอบเขตโทษหาพื้นที่ว่างแล้วกดเลียดด้วยเท้าขวา บอลพุ่งตรงกรอบแต่ยังไม่ผ่านมือ นิค โป๊ป ที่ล้มตัวคว้าไว้ได้อีกครั้ง

ทัพหงส์แดงยังคงหาจังหวะขุดสกอร์แรกได้อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 32 ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลไปทางฝั่งซ้ายให้ โอริกี้ ได้กระชากตัดเข้าเท้าขวาหน้ากรอบเขตโทษแล้วกดด้วยเท้าขวาอีกครั้งแต่ก็ยังคงมี นิค โป๊ป ที่ยังคงโชว์นิ่งล้มตัวรับไว้ได้อีกหน

นาทีที่ 36 เบิร์นลี่ย์ ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้าย ดไวท์ แม็คนีล โยนโด่งยัดเข้าไปในเขตโทษลิเวอร์พูลเป็น โอริกี้ ที่ขึ้นโหม่งเคลียร์ในจังหวะแรกแต่บอลดันกระดอนไปเข้าทาง ร็อบ เบรดี้ ได้กดจังๆ แต่เหมือนจะโดนไม่ดีทำให้เบาเกินไป อลีสซง เบ็คเกอร์ จึงไม่ต้องออกแรงเหนื่อยรับเข้ามือสบาย

นาทีที่ 38 ติอาโก้ อัลคันทาร่า จ่ายบอลให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้เติมขึ้นไปหวดไกลแต่ยังคุมทิศทางไม่ดีบอลเหินออกข้ามคานไปไกล

2 นาทีต่อมาเจ้าบ้านได้ลุ้นอีกครั้ง มาเน่ จ่ายบอลไปให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทางฝั่งซ้ายแล้วกดเต็มข้อหวังยัดมุมแคบแต่ถูกปฏิเสธโดย นิค โป๊ป นายด่านทีมเยือนที่ยืนตำแหน่งดีปักหลักทุบบอลเคลียร์พ้นเขตอันตรายออกไปได้

จังหวะต่อมายังคงเป็นแชมป์เก่าที่บุกขึ้นมาอีกครั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีโอกาสกดด้วยเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษทางฝั่งขวาแต่ยังไปติดบล็อก ชาร์ลี เทย์เลอ แข้งทีมเยือนที่ตามมาล้มตัวบล็อกไว้ได้บอลแฉลบหลุดออกหลังไป

นาทีที่ 43 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองที่จะทำประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดายจากจังหวะเปิดบอลยาวของ ฟาบินโญ่ บอลเหมือนจะไม่มีอะไรเลยไปถึง เบน มี กองหลังเบิร์นลี่ย์ที่พยายามส่งคืนผู้รักษาประตูแต่กลับเตะโดนเหลี่ยมไม่ดีทำให้ ดิว็อค โอริกี้ ที่วิ่งตามมากดดันโฉบตัดบอลไปได้ก่อนจะหลุดเดี่ยวไปดวลกับ นิค โป๊ป โดย โอริกี้ ตัดสินใจเลือกยิงมุมบนดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างบอลพุ่งไปชนคานบริเวณสามเหลี่ยมอย่างจังกระดอนลงพื้นก่อนที่ นิค โป๊ป จะลุกขึ้นมาคว้าเข้ามือไว้ได้อย่างหวุดหวิด

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นที่มีโอกาสมากกว่ายังเปิดสกอร์แรกไม่ได้เสมอกับ เบิร์นลี่ย์ อยู่ 0-0


มาลุ้นต่อครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 51 ลิเวอร์พูล เกือบเปิดกล่องจดสกอร์แรก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดขึ้นไปเปิดบอลในเขตโทษเบิร์นลี่ย์ทางฝั่งขวาก่อนไปติด ดไวท์ แม็คนีล แล้วกระดอนมาเข้าทาง เทรนท์ อีกครั้งก่อนเจ้าตัวจะได้กดเน้นๆ บอลพุ่งทำท่าจะเสียบโคนเสาแต่ นิค โป๊ป ยังโชว์นิ่งล้มตัวป้องกันไว้ได้ยังไม่พลาด

ผ่านมาถึงนาทีที่ 57 ตอบโต้กลับมาบ้าง ดไวท์ แม็คนีล โยกหลอกจิ้มอ้อม เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้หลุดขึ้นไปเปิดบอลสุดริมเส้นแต่ไม่ผ่าน โฌแอล มาติป ที่อ่านเกมดีตัดบอลเอาไว้ได้

จังหวะต่อมาหลังจากบอลตายลิเวอร์พูลตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่นถึงสองคนโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงมาแทน ดิว็อค โอริกี้ และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ลงมาแทน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

และเกมของทัพหงส์แดงก็ตื่นเต้นข้นทันตา นาทีที่ 60 เกือบได้ประตูอีกครั้ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม กระชากพาบอลมาจากแดนตัวเองก่อนจะส่งให้ ซาลาห์ ได้เลือกมุมยิงจ่อๆ ในเขตโทษเบิร์นลี่ย์ แต่ดันไปติดเซฟ นิค โป๊ป ที่เกมนี้โชว์โคตรเซฟพุ่งดักถูกทางคว้าบอลเอาไว้ได้ทำเอา ซาลาห์ ถึงกับเอามือกุมหัวด้วยความเสียดาย

ลิเวอรพูล ยังเดินหน้าโหมบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 64 ซาลาห์ เปิดบอลสุดเส้นฝั่งขวาย้อนกลับมาให้ มาเน่ ที่วิ่งเข้ามาชาร์ทเน้นๆ บริเวณแถวๆ จุดโทษแต่ดูเหมือนจะเตะใต้บอลทำให้เหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 67 เบิร์นลี่ย์ ทำเสียวไส้ แมทธิว ลอว์ตัน เปิดโด่งไปให้ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ได้ซัดจ่อๆ แต่ อลีสซง พุ่งปัดไว้ได้ถึงแม้ลูกนี้บอลจะไปกองที่ก้นตาข่ายก็ไม่เป็นประตูเพราะมีสัญญาณล้ำหน้าจากผู้ช่วยผู้ตัดสินตามมาหลังจากนั้น

นาทีที่ 71 เบิร์นลี่ย์ เกือบใช้โอกาสอันน้อยนิดเล่นงานลิเวอร์พูลได้โดย ดไวท์ แม็คนีล ใข้ความเร็วพลิกตัวหลุดขึ้นไปเปิดบอลสุดริมเส้นฝั่งซ้ายยัดเข้าไปถึง โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน ที่โฉบมากดเน้นๆ บอลหลุดออกเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีถัดมา นิค โป๊ป นายด่านเบิร์นลี่ย์เปิดบอลด้วยการขว้างไม่ดีทำให้ถูก โรเบิร์ตสัน ที่จ้องอยู่ตัดเอาไว้ได้ก่อนจะทำชิ่งกับ ฟิร์มิโน่ ที่ได้กดเน้นๆ แต่ทิศทางก็ยังไม่ดีหลุดออกหลังไปอีกครั้ง

นาทีที่ 78 ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิดตรงมุมกรอบเขตโทษฝั่งขวา เทรนท์ เปิดโด่งไปทางเสาไกลโดยมี มาเน่ กระโดดเตรียมโหม่งแต่ถูก นิค โป๊บ ลอยตัวชกบอลออกไปพ้นเขตอันตราย

ลิเวอร์พูล ที่ครองเกมได้เกือบทั้งหมดและโหมบุกเพลินๆ กลับมาเสียประตูนาทีที่ 83 จากลูกจุดโทษโดย แอชลี่ย์ บาร์นส์ ที่พลิกตัวหนี ฟาบินโญ่ หลุดเข้าไปแตะบอลหนี อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่จะตามมาคว้าบอลแต่ช้ากว่ากลับเป็นไปปัดโดนปลายเท้า บาร์นส์ ล้มลง ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินเกมนี้ไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น แอชลี่ย์ บาร์นส์ ลุกขึ้นมาสังหารไม่เหลือโดย อลีสซง เดาถูกทางแต่ด้วยความแรงของลูกบอลทำให้ไปไม่ถึง เบิร์นลี่ย์ ออกนำ 1-0

นาทีที่ 90 ลิเวอร์พูลเกือบทำประตูตีเสมอได้จากจังหวะยิงเปลี่ยนทางบอลจ่อๆ ของ ฟิร์มิโน่ แต่ยังมี ดไวท์ แม็คนีล ที่ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาบอลไปติดตัว แม็คนีล ออกหลังไปอย่างหวุดหวิด

ช่วงชดเชยเวลาการแข่งขัน 5 นาที ลิเวอร์พูลพยายามโจมตีหวังทวงประตูคืนแต่ไม่สำเร็จ ทำให้จบเกมเปิดบ้านแพ้ เบิร์นลี่ย์ ไป 1-0




รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ น.57) , ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม - ดิว็อค โอริกี้ (โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.57), เชอร์ดาน ชากิรี่, ซาดิโอ มาเน่
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โป๊ป - แมทธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, ชาร์ลี เทย์เลอ - แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, ดไวท์ แม็คนีล, จอช บราวน์ฮิลล์, ร็อบ เบรดี้ (โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน น.65) - คริส วู้ด, แอชลี่ย์ บาร์นส์
ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์

ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.