31
ธ.ค.
แมนซิตี้บุกหวดนักบุญ3-1 บีบแต้มห่างหงส์เหลือ7 ก่อนบู๊เดือด3ม.ค.



"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ คืนฟอร์มเก่ง บุกทุบ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ที่เหลือ 10 คนท้ายเกมไป 3-1 คว้าสามคะแนนเต็มผงาดขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง โดยมีแต้มห่างจาก ลิเวอร์พูล เจ็ดแต้ม ก่อนมีคิวดวลเดือดรับปีใหม่ 3 ม.ค. นี้ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

เกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ 30 ธ.ค. 61 แชมป์เก่าต้องการชัยชนะเพื่อลดช่องว่างจากจ่าฝูง ลิเวอร์พูล หลังพ่ายถึง 3 จาก 4 นัดหลังในลีก โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนถึง 5 ตำแหน่งจากชุดล่าสุดในการบุก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อ แว็งซ็อง ก็องปานี, ดาบิด ซิลบา, แฟร์นานดินโญ่, ริยาด มาห์เรซ และ โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้ ออกสตาร์ทตัวจริงแทน ฟาเบียน เดลฟ์, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, จอห์น สโตนส์ และ ลีรอย ซาเน่

ด้านเจ้าถิ่นมีการปรับหมากเช่นกันมากถึง 6 ตำแหน่งจากชุดพ่าย เวสต์แฮม โดย แดนนี่ อิงส์ ดาวซัลโวประจำทีมหลีกทางให้ ชาร์ลี อดัมส์ ส่วน มายะ โยชิดะ, แยน วาเลรี่, เนธาน เร้ดมอนด์ และ สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง ล้วนถูกดร็อป เพื่อเปิดทางให้ แจ็ค สตีเฟ่นส์, เจมส์ วอร์ด-เพร้าส์, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี่ และ เคย์น แรมซี่ย์ ไอ้หนูวัย 18 เปิดซิง

เกมที่ เซนต์ แมรี่ส์ เริ่มต้นโดยเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่เดินหน้าลุยเต็มเหนี่ยว และหวิดขึ้นนำในน.5 เมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง บังบอลในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วตบย้อนให้ ดาบิด ซิลบา ยิง แต่โดนไม่เต็ม เลยโดน อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ เซฟไว้ได้

เจ้าบ้านพยายามโต้ตอบ ชาร์ลี ออสติน หลุดกับดักล้ำหน้า แต่จับยาวเลยเสียจังหวะ ก่อนที่ใน น.10 สาวก เรือใบสีฟ้า จะได้เฮสมใจ เมื่อ แบร์นาโด้ ซิลวา ทะลุขึ้นไปถึงเส้นหลังด้านขวาแล้วดีดเข้ากลางให้ ซิลบา วิ่งมายิงเน้นๆ ฉลองการคัมแบ๊กส่ง แมนฯ ซิตี้ ทะยาน 1-0

หลังได้ประตู แชมป์เก่ายังเป็นฝ่ายทำเกมรุกใส่เจ้าถิ่น น.19 จากการต่อบอลแบบเท้าสู่เท้าตั้งแต่หน้าประตูตัวเอง ลูกถูกส่งมาให้ มาห์เรซ กระชากจากเกือบกลางสนามทางขวาขึ้นไปแล้วตัดเข้าในก่อนซัดเน้นๆ ทว่าหลุดกรอบนิดเดียว

น.26 โอกาสทองเป็นของ เรือใบสีฟ้า อีกครั้ง คราวนี้ ราฮีม ทะลุขึ้นทางขวาแล้วตบเข้ากลางให้ ซิลบา วิ่งมาแปเน้นๆ ทว่า แม็คคาร์ธี่ โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันไว้ได้

เช่นกันกับ เอแดร์ซอน มือกาวแซมบ้าของ แมนฯ ซิตี้ ที่มีซูเปอร์เซฟโชว์เช่นกันในน.35 จากจังหวะเตะมุมด้านซ้าย ออสติน โฉบมาโขกที่เสาแรก แต่โดนปัดไว้ได้ด้วยมือเดียวก่อนบอลข้ามเส้น

เซาธ์แฮมป์ตัน เริ่มคึก น.37 ดาวรุ่งอย่าง ชินเชนโก้ เสียบอลให้ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ที่ฉกแล้วลากเข้าไปตะบันด้วยขวาเต็มเหนี่ยวแสกหน้า เอแดร์ซอน เข้าไปชนิดสะใจแฟนบอลทั้งสนาม ทำให้สกอร์ขยับ 1-1 เท่ากัน

ท้ายครึ่งแรก วอร์ด-เพร้าส์ ปะทะกับ ชินเชนโก้ จนล้มในกรอบเขตโทษ แฟนๆ เซาธ์แฮมป์ตัน โวยจะเอาจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินนิ่ง เกมครึ่งแรก ทำท่าว่าจะเสมอกัน ทว่า น.45 แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำแบบโชคช่วยเมื่อ ราฮีม ทะลุขึ้นทางซ้ายแล้วหักเข้ากลาง บอลไปแฉลบขา วอร์ด-เพร้าส์ เปลี่ยนทางตุงตาข่ายชนิด แม็คคาร์ธี่ สุดเซ็ง

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.45+3 แมนฯ ซิตี้ ได้เพิ่มอีกเม็ด จากจังหวะที่ ชินเชนโก้ ขึ้นมาแก้ตัวเปิดจากซ้ายให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน เทกตัวขวิดเสียบเสาสอง จบครึ่งแรก นักบุญ ตามหลัง เรือใบสีฟ้า 1-3

ครึ่งหลัง เซาธ์แฮมป์ตัน ส่ง เนธาน เร้ดมอนด์ แทน มาริโอ เลอมิน่า แต่หวิดโดนเพิ่มในน.55 เมื่อ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ชิ่งให้ สเตอร์ลิ่ง หลุดเข้าไปกดในกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ แม็คคาร์ธี่ ยังป้องกันได้เฉียบ

เกือบหนึ่งชั่วโมง กุน อเกวโร่ หาจังหวะสับไกไปชนคานอีก จากนั้น เจ้าบ้านขยับแก้เกมอีกครั้งด้วยการส่ง เชน ลอง แทน ออสติน

ท้ายเกม น.85 นักบุญ ต้องเหลือ 10 คนเมื่อ ฮอยเบิร์ก โดนใบแดงโดยตรงจากผู้ตัดสิน หลังจากกระโดดพุ่งเสียบ แฟร์นานดินโญ่ อย่างน่าเกลียด

ช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯ ซิตี้ เน้นครองบอลเหนียวแน่น และหาจังหวะเหมาะๆ เข้าทำ ขณะที่ เซาธ์แฮมป์ตัน พยายามลุยหวังทวงคืน แต่ไม่สำเร็จ ที่สุดแล้ว ก็ไม่สามารถเอาคืนได้ จบเกม แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยไปสวยงาม 3-1 เก็บสามแต้มขึ้นนั่งรองจ่าฝูง ตามหลัง ลิเวอร์พูล 7 แต้มก่อนจะฟัดกันที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 3 ม.ค. นี้

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เซาธ์แฮมป์ตัน :
อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่, เคย์น แรมเซย์, แจ็ค สตีเฟนส์, ยาน เบดนาเร็ก, แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, มาริโอ เลอมิน่า (เนธาน เร้ดมอนด์ น.46), โอริโอล โรเมว (ยาน วาเลรี่ น.46), เจมส์ วอร์ด-เพราส์, โมฮัมเหม็ด เอลยูนุสซี่, ชาร์ลี ออสติน (เชน ลอง น.68)

สำรองไม่ได้ใช้ : แอนกัส กันน์, มายะ โยชิดะ, สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง, แดนนี่ อิงส์

แมนฯซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส, ดานิโล่, แว็งซองต์ ก็องปานี, อายเมอริก ลาปอร์ก, อเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, แฟร์นันดินโญ่ (ไคล์ วอล์คเกอร์ น.86), แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ดาบิด ซิลบา, ริยาด มาห์เรซ (ลีรอย ซาเน่ น.84), ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ( กาเบรียล เชซุส น.73)

สำรองไม่ได้ใช้ : อาริยาเน็ต มูริช, นิโกลัส โอตาเมนดี้, จอห์น สโตนส์, ฟิล โฟเด้น

ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์

สยามสปอร์ต

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.