|
9
ม.ค. "มาเน่" เบิ้ล!ลิเวอร์พูลทัพผสมบุกอัดวิลล่าที่ใช้แข้งเด็กเหตุโดนพิษโควิดศึกเอฟเอคัพ
ซาดิโอ มาเน่ ซัดสองประตูช่วย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บุกไล่อัด "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า 4-1 โดยเกมนี้เจ้าถิ่นต้องใช้แข้งเด็กแบบยกทีมเหตุเจอพิษโควิดเล่นงานผู้เล่นชุดใหญ่ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้าสู่รอบต่อไปอย่างไม่ยากเย็น ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 3 วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 แอสตัน วิลล่า 1 - 4 ลิเวอร์พูล สนาม : วิลล่า พาร์ค ศึกเอฟเอ คัพ รอบสาม 02.45 น. "หงส์แดง" เปลี่ยน 6 คนจากเกมที่แล้ว โดยแนวรับมี เนโก วิลเลี่ยมส์ ยึดแบ็กขวาพร้อม รีส วิลเลี่ยมส์ ลงเล่นเซนเตอร์แบ็ก ขณะที่แดนกลาง เคอร์ติส โจนส์ คุม แนวรุกพักแค่ ฟีร์มีโน่ ทำให้เป็นโอกาสของ มินามิโนะ ลงโชว์ฝีเท้า ด้าน แอสตัน วิลล่า เจอพิษโควิดเล่นงาน ทำให้ไม่มีนักเตะชุดใหญ่แม้แต่คนเดียวรับมือ จากการเปิดเผยพ่อค้าแข้งตัวหลักติดเชื้อถึง 10 คนด้วยกัน โดยต้องใช้ผู้เล่นจากทีมยู-23 ถึง 7 คน บวกกับอีก 4 คนที่ถูกดันขึ้นมาจากชุดยู-18 เริ่มเกมได้เพียงนาทีที่ 4 เท่านั้นลิเวอร์พูลออกนำอย่างรวดเร็ว 1-0 จากลูกเปิดด้านข้างทางฝั่งขวาของ เคอร์ติส โจนส์ ที่ลอยโด่งโค้งมาเข้าหัว ซาดิโอ มาเน่ ได้สะบัดขวิดเน้นๆ เล่นทางเบียดเสาเข้าไปไม่เหลือโดย อากอส โอโนดี้ นายด่านเจ้าถิ่นพยายามทะยานตัวไปรับแต่ไม่ถึง ทัพหงส์แดงยังคงครองเกมบุกได้มากกว่าอย่างเห็นไดัชัด นาทีที่ 10 เกือบได้ประตูที่สองโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดบอลโด่งตัดหลังแข้งวิลล่าไปถึง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุ ได้หลุดเดี่ยวแล้วพยายามแปบอลเล่นทางไปเสาไกลแต่เหมือนจะคุมน้ำหนักไม่ดีทำให้หลุดออกข้างเสาอย่างน่าเสียดาย เคลื่อนมาถึงนาทีที่ 21 ซาดิโอ มาเน่ แตะบอลส่งต่อด้วยข้างเท้าให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ที่เติมขึ้นมารับก่อนจะตัดสินใจหวดด้วยเท้าขวาเต็มข้อหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลกลับหลุดออกหลังไปไม่น่าเชื่อ สองนาทีถัดมาวิลล่าตอบโต้กลับขึ้นมาบ้างเป็น ลู แบร์รี่ ที่ได้โอกาสเปิดบอลสุดริมเส้นฝั่งขวาหวังยัดไปให้เพื่อนร่วมทีมในเขตโทษลิเวอร์พูลแต่ไม่ผ่าน เจมส์ มิลเนอร์ ที่ยืนดักแล้วหวดเคลียร์ออกหลังไปได้ นาทีที่ 26 จากลูกเตะมุม ไวจ์นัลดุม ได้จังหวะลอยตัวโขกเหน่งๆ แต่คุมทิศทางไม่ดีบอลเหินข้ามคานออกไปพลาดโอกาสเพิ่มประตูอีกครั้ง นาทีที่ 29 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นบวกสกอร์เพิ่มอีกครั้งเมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ เติมเกมขึ้นมาก่อนพาบอลไปสุดริมเส้นฝั่งซ้ายแล้วเปิดไปเสาไกลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้โหม่งแต่ดูเหมือนจะโดนไม่เต็มแถมน้ำหนักเบาเกินไปทำให้ลอยไปเข้ามือ อากอส โอโนดี้ รับไว้ไร้ปัญหา ผ่านมาถึงนาทีที่ 32 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พยายามกระชากบอลตัดริมเส้นกรอบเขตโทษก่อนจะจ่ายด้วยการดีดลูกหลังส่งให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ตั้งป้อมเปิดบอลลอยโด่งแต่ลึกเกินไปกลับกลายเป็นส่งเข้ามือ โอโนดี้ กระโดดคว้าไว้เข้ามือไม่พลาด สามนาทีต่อมาหงส์แดงหวิดได้ประตูที่สองอีกครั้งจากจังหวะกระชากเดี่ยวของ ซาลาห์ บริเวณกรอบเขตโทษทางฝั่งขวาก่อนโยกหลอกแข้งวิลล่าแล้วกดเลียดด้วยเท้าซ้ายเน้นๆ แต่ไม่ผ่าน อากอส โอโนดี้ ที่ล้มตัวปัดออกไว้ได้อีกครั้ง ลิเวอร์พูลที่บุกเพลินๆ และดันเกมสูงเกือบครึ่งสนามกลับมาโดนตีเสมอเป็น 1-1 นาทีที่ 41 เมื่อถูกแข้งวิลล่าตัดบอลได้ไปอยู่ที่ คัลลัม โรว์ ก่อนเจ้าตัวจะจ่ายบอลตัดหลัง รีห์ส วิลเลียมส์ ไปให้ ลู แบร์รี่ ที่เบียดเอาชนะได้และใช้ความเร็วควบแซงหลุดเดี่ยวเข้าไปแปเลือกมุมสวนตัว ควีวิน เคลเลเฮอร์ เข้าไปไม่เหลือซาก ท้ายเกมนาทีที่ 45+1 ทัพหงส์แดงพยายามโหมบุกอย่างหนัก มิลเนอร์ เปิดลูกเตะมุมยัดเข้าไปในกรอบเขตโทษวิลล่าก่อนจะถูกเคลียร์ออกไปได้แต่ดันไปเข้าทาง เฮนเดอร์สัน ได้หวดสวนเน้นๆ แต่บอลก็ยังไปติดแข้งเจ้าถิ่นกระดอนออกไปพ้นเขตอันตราย เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ซีซั่นล่าสุดยังได้บุกต่อเนื่องนาทีที่ 45+2 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้กดเน้นๆ กลางกรอบเขตโทษบอลทำท่าจะโค้งเสียบเสาแต่ถูกปฏิเสธโดย อากอส โอโนดี้ ที่พุ่งปัดเอาไว้ได้ด้วยปลายมือเรียกได้ว่านายด่านวิลล่าเกมนี้รับศึกหนักและโชว์ฟอร์มได้อย่างเข้าตา จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 มาลุ้นต่อก่อนเริ่มครึ่งเวลาหลัง ลิเวอร์พูลมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยส่ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นาทีที่ 49 ทัพหงส์แดงได้ลุ้นจากจังหวะหมุนตัวยิงบริเวรณกลางกรอบเขตโทษของ ทาคุมิ มินามิโนะ แต่ไม่ผ่าน โดมินิค เรวาน แผงหลังวิลล่าที่ล้มตัวเข้ามาขวางบล็อกเอาไว้ได้ ลิเวอร์พูล ครองเกมไว้ได้แทบจะทั้งหมดยังคงสร้างสรรคโอกาสทำประตูขึ้นนำ นาทีที่ 52 ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา มิลเนอร์ เปิดไปเข้าหัว ฟาบินโญ่ ที่เติมขึ้นมาได้โขกเต็มหัวแต่ดันไปตรงตัว โอโนดี้ รับเข้ามือไม่กระฉอก นาทีที่ 54 ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสได้ประตูที่สองจากจังหวะต่อบอลสุดสวยของ ติอาโก้ ที่จ่ายให้ เนโก้ วิลเลี่ยมส์ ที่เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาได้เปิดบอลไปให้ ซาลาห์ ยิงจ่อๆ ไปติดเซฟของ โอโนดี้ จังหวะแรกแต่บอลยังกระดอนมาเข้าทาง ซาลาห์ ซ้ำดาบสองเข้าไปแต่กลับมีธงจากผู้ช่วยผู้ตัดสินยกให้เป็นลูกล้ำหน้าในจังหวะรับบอลของ วิลเลี่ยมส์ ก่อนหน้า แต่แล้ว นาทีที่ 61 ความพยายามของลิเวอร์พูลก็มาประสบความสำเร็จเมื่อได้ประตูออกนำ 2-1 จากจังหวะทำเกมสุดเหนือชั้นโดย เนโก้ วิลเลี่ยมส์ จ่ายบอลไปให้ ซาลาห์ ทางฝั่งขวาก่อนเจ้าตัวกระชากตัดเข้าไปในกรอบเขตโทษวิลล่าแล้วส่งให้ มินามิโนะ ที่เกี่ยวบอลไว้ได้ก่อนจะจ่ายย้อนหลังไปให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ได้เลือกมุมแปเน้นๆ เสียบโคนเสาเข้าไปทำเอาตาข่ายสนั่นหวั่นไหว ในจังหวะถัดมาทัพหงส์แดงเปลี่ยนผู้เล่นคนที่สองของเกมโดยส่ง เชอร์ดาน ชากิรี่ ลงมาแทน ทาคุมิ มินามิโนะ ที่โชว์ฟอร์มได้ดีแถมเป็นคนแอสซิสต์ให้ ไวจ์นัลดุม ซัดลูกที่ 2 อีกด้วย และถอด เคอร์ติส โจนส์ ออกโดยส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงมาเล่นแทน เหมือนบอลได้ใจทัพหงส์แดงนำห่าง 3-1 นาทีที่ 63 ติอาโก้ จ่ายบอลให้ ชากิรี่ ที่ยืนอยู่ตรงกลางกรอบเขตโทษได้ชิพบอลสุดเหนือชั้นย้อยไปถึง ซาดิโอ มาเน่ ได้สะบัดหัวโหม่งส่งบอลย้อยข้าม อากอส โอโนดี้ ผู้รักษาประตูวิลล่าพี่พยายามกระโดดปัดแต่ไม่ถึงเสียบใต้คานเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม ยิงได้ยิ่งไหลเป็นน้ำ นาทีที่ 65 ลิเวอร์พูล นำห่าง 4-1 เชอร์ดาน ชากิรี่ จ่ายบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้หมุนตัวหวดด้วยเท้าซ้ายหักข้อในกรอบเขตโทษวิลล่าส่งบอลสวนตัว โอโนดี้ นายด่านเจ้าถิ่นบอลเสียบโคนเสาเข้าไปไม่เหลือ ผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 74 เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดงเหมือนจะเห็นว่าเกมขาดลอยตัดสินใจเปลี่ยนอีก 2 แข้ง โดยส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาแทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และส่ง ดิว็อค โอริกี้ ลงมาแทน ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 84 โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้กดบอลในเขตโทษทางฝั่งซ้ายแต่บอลหลุดไปเข้าข้างตาข่ายทำเอาเจ้าตัวถึงกับออกอาการสุดผิดหวังในจังหวะนี้ นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล เกือบจารึกสกอร์ไว้ ณ วิลล่า พาร์ค อีกตุงเมื่อ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ได้กดเต็มข้อกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 19 หลาบอลโค้งพุ่งแรงไปชนคานอย่างจังก่อนจะหลุดออกหลังไปอย่างเสียวไส้ ช่วงเวลาที่เหลือยังคงเป็นยอดทีมอย่างลิเวอร์พูลที่ครองเกมได้แทบทั้งหมดแต่ไม่สามารถผลิตสกอร์เพิ่มได้จบเกมบุกมาไล่อัด แอสตัน วิลล่า ชุดเด็กไป 4-1 ส่งผลให้ทัพหงส์แดงผ่านเข้าสู่รอบต่อไปตามคาด รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม แอสตัน วิลล่า (4-5-1) : อากอส โอโนดี้ - มุนโก บริดจ์, โดมินิค เรวาน, เจค วอล์คเกอร์ (เอ็ดเวิร์ด โรว์ น.75), คัลลัม โรว์ (สิล สวินเคิ่ลส์ น.75) - ไคน์ เฮย์เดน, เบนจามิน คริสเซน (บาร์ด ยัง น.61), อาร์ยาน ไลกี้ห์ (แฮร์ริสัน โชน่าห์ น.65), ลามาร์ โบการ์เด (ฮายเด้น ลินด์เล่ย์ น.66), มามาดู ซิลล่า - ลู แบร์รี่ ผู้จัดการทีม : ดีน สมิธ ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ - เนโก้ วิลเลี่ยมส์, รีห์ส วิลเลียมส์, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ติอาโก้ อัลกันตาร่า น.46), เคอร์ติส โจนส์ (โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ น.61), จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม - ทาคุมิ มินามิโนะ (เชอร์ดาน ชากิรี่ น.61), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.74), ซาดิโอ มาเน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.74) ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน |
|