แฟร้งค์ เดอ บัวร์ คว้าชัยชนะเกมแรกของตัวเองได้แล้วนับแต่มาคุมทีมชาติฮอลแลนด์ หลังเปิดบ้านไล่ถล่ม บอสเนียฯ ทีมบ๊วยของกลุ่ม 3-1 ขึ้นนำจ่าฝูงก่อนชั่วคราวมีเพิ่มเป็น 8 คะแนน โดยต้องไปลุ้นเข้ารอบไฟน่อล 4 ทีมสุดท้าย ในแมตช์สุดท้ายที่จะพบกับ โปแลนด์ในวันพุธนี้ ในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สนาม : โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม

เกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขัน นัดที่ 5 ของลีก เอ กลุ่ม 1 ระหว่าง เจ้าบ้าน ฮอลแลนด์ ที่ไม่ชนะมา 3 เกมติดล่าสุดเสมอกับ อิตาลี 1-1 แมตช์นี้กลับมาเฝ้ารังรับการมาเยือนของ บอสเนียฯ ทีมบ๊วยของกลุ่มที่ยังไม่ชนะทีมใดโดยฟอร์มล่าสุดบุกไปพ่าย โปแลนด์ 0-3

แฟร้งค์ เดอ บัวร์ เกมนี้พัก ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค เป็นแค่สำรองจัดสามแนวรุกเป็น สตีเว่น เบิร์กฮุส, ลุค เดอ ย็อง และ เมมฟิส เดอปาย ส่วน ดูซาน บาเยวิช กุนซือ บอสเนียฯ มี มิราเล็ม ปานิช ปั้นเกมแดนกลาง โดยทิ้ง อาร์มิน ฮ็อดซิช เป็นหน้าเป้า

เปิดฉากมาได้แค่ 3 นาทีแรก เจ้าบ้านได้ทักทายก่อนเลยหลัง โอเว่น ไวน์ดาล ครอสบอลจากด้านซ้ายแต่บอลลึกไปชนสามเหลี่ยมเสาไกลเกือบเข้าประตู ถัดมานาทีเดียว บอสเนีย ได้สวนกลับและมีลุ้นจาก มิราเล็ม ปานิช ที่วิ่งมากดด้วยขวาแถวสองบอลพุ่งเลียดถากเสาออกไป

นาทีที่ 6 "อัศวินสีส้ม" มาพังประตูขึ้นนำไปก่อนจนได้ สตีเฟ่น เบิร์กฮุส ไหลออกขวาให้ เดนเซล ดุมฟรีส์ ก่อนที่แบ็กขวาพีเอสวีจะปาดเลียดเข้ากลางให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ที่ยืนโล่งแปด้วยขวาเข้าไปง่ายให้ ฮอลแลนด์ ขึ้นนำบอสเนีย 1-0

ทีมเยือนพยายามทวงประตูตีเสมอ นาที 12 อาเมอร์ โกยัต โยกหลอกล็อกหนีแข้งเจ้าถิ่นก่อนจะหักมากลางประตูให้ ปานิช กัปตันทีมวิ่งมาซัดด้วยขวาแบบไม่จับแต่บอลก็ยังโด่งเหินคานไปแบบหมดลุ้น

และในนาทีถัดมา นาที 13 เมื่อบอสเนียทวงคืนไม่ได้ กลายมาเสียประตูที่สองให้ ฮอลแลนด์ ออกนำห่าง 2-0 ทันที เมมฟิส เดอปาย วางบอลยาวมาเสาสองให้ เฟร็งกี้ เดอ ย็อง โขกตั้งเข้ากลาง ก่อนจะเป็น จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ยิงด้วยขวาจ่อๆไม่ถึง 5 หลาเข้าไปอย่างง่ายดาย เป็นประตูที่สองของห้องเครื่อง "หงส์แดง" ในเกมนี้มีลุ้นแฮตทริกอีกด้วย

นาที 27 สตีเฟ่น เบิร์กฮุส ปาดเข้ากลางโล่งๆ ให้ ลุค เดอ ย็อง แท็ปอินส่งบอลเข้าก้นตาข่ายไป แต่ผู้ตัดสินปฎิเสธไม่ให้ประตู เนื่องจาก เบิร์กฮุส โดนยกธงว่าล้ำหน้าไปก่อนหน้านี้ ทำให้กังหันลมชวดได้ประตูที่สามอย่างน่าเสียดาย

นาที 36 ลูกทีมของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ พลาดได้เม็ดที่สามนำห่าง บอลขึ้นทางซ้าย เมมฟิส เดอปาย ครอสมากลางประตูให้ ไวนัลดุม ก่อนจะดีดเร็วให้ สตีเว่น เบิร์กฮุส พยายามจะซัดหน้ากรอบแต่บอลไปโดนหน้าแข้งบอลก่อนลอยโด่งไปเข้ามือนายด่านบอสเนีย

จบครึ่งแรก ฮอลแลนด์ นำห่าง บอสเนียฯ 2-0

ครึ่งหลัง นาที 47 เมมฟิส เดอปาย โชว์สกิลเทพดีดบอลข้ามหัวแข้งบอสเนียฯก่อนพลิกบอลแล้วแทงขึ้นหน้าให้ สตีเว่น เบิร์กฮุส หลุดเข้าไปซัดในกรอบแต่บอลยังไปติดเซฟของ อิบราฮิม เซฮิช ถัดมาอีก 2 นาที เบิร์กฮุส ได้โอกาสอีกแต่คราวนี้โยกเข้าซ้ายยิงบอลออกหลังไปเอง

กระนั้น นาที 55 สกอร์ของเจ้าบ้านนำโด่งเป็น 3-0 จนได้ หลัง บอลออกขวาให้ เดนเซล ดุมฟรีส์ ปาดเข้ามาหน้าประตูให้ เมมฟิส เดอปาย ยิงด้วยซ้ายเข้าไปง่ายๆ

นาที 63 ทีมเยือน บอสเนียฯ มาพังประตูตีไข่แตก ไล่มาเป็น 1-3 บอลขึ้นทางซ้ายก่อนที่ เอดิน วิสก้า จะถึงเส้นหลังแล้วครอสมาหน้าประตูให้ ซเมล เพรวัลยัก ตัวสำรองยิงเข้าไปง่ายๆ

นาที 71 สตีเว่น เบิร์กฮุส ที่วันนี้เล่นได้ค่อนข้างเด่น แต่ยังไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด คราวนี้รับบอลจาก ดาวี่ คลาสเซ่น แต่จังหวะซัดด้วยซ้ายยังไม่ผ่านมือ อิบราฮิม เซฮิช

ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ฮอลแลนด์ เปิดบ้านเอาชนะ บอสเนียฯ 3-1 คว้าชัยชนะในรอบ 4 เกมได้สำเร็จ พร้อมเก็บสามแต้มมีเพิ่มเป็น 8 คะแนน แซงขึ้นนำจ่าฝูงก่อนชั่วคราว โดยแมตช์สุดท้ายจะบุกไปเยือน โปแลนด์ ซึ่งเป็นแมตช์ชี้ชะตาของ "อัศวินสีส้ม" ว่าจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบไฟน่อล 4 ทีมสุดท้ายได้หรือไม่

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ฮอลแลนด์ (4-2-3-1) : ทิม ครูล - เดนเซล ดุมฟรีส์ (ฮันส์ ฮาเตบัวร์ น.64), สเตฟาน เดอ ฟราย, ดาเล่ย์ บลินด์, โอเว่น ไวน์ดาล (แพทริก ฟาน อันโฮลท์ น.79) - ดาวี่ คลาสเซ่น, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม (ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค น.64), เฟร็งกี้ เดอ ย็อง - สตีเว่น เบิร์กฮุส (คัลวิน สเตงส์ น.89), ลุค เดอ ย็อง, เมมฟิส เดอปาย (ควินซี่ โพรเมส น.79)

บอสเนียฯ (4-3-3) : อิบราฮิม เซฮิช - บรานิเมียร์ ซิเปติช, เดนนิส ฮัดซิคาดูนิช, ซินิซ่า ซานิชานิน, เซอัด โคลาซินัช - มิราเล็ม ปานิช (อัลเมดิน ซิลคิช น.89), กอยโก้ ซิมิร็อต - ราเด้ ครูนิช (เอมาร์ ราห์มาโนวิช น.78), เอดิน วิสก้า (เบนจามิน ทาตาร์ น.78), อาเมอร์ โกยัต (วลาดาน ดานิโลวิช น.62) - อาร์มิน ฮ็อดซิช (ซเมล เพรวัลยัก น.61)

ผู้ตัดสิน : ฟรองซัวส์ เลเตเซียร์ (ฝรั่งเศส)

www.siamsport.co.th