|
8
พ.ย. ซิเย็คจ่าย2-ซิลวายิงได้แล้ว! เชลซีรัว4เม็ดแซงดับเชฟยู ขึ้นที่3ก่อน
"สิงห์บลูส์" ฟอร์มสุดแจ่มเพิ่มสถิติเฮ 4 นัดติดทุกรายการ หลังล่าสุดเปิดบ้านไล่ถลุง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 4-1 ทั้งที่โดนยิงนำไปก่อน แต่มาตะบัน 4 เม็ดรวด โดย ติอาโก้ ซิลวา ยิงประตูแรกให้ทีมได้สำเร็จ ก่อนพา เชลซี คว้าสามแต้มแซง เลสเตอร์ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ก่อน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน เชลซี ทีมอันดับ 8 เปิดรังรับการมาเยือนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วยของตาราง โดยฟอร์มล่าสุด "สิงห์บลูส์" ยอดเยี่ยมมากไร้พ่ายมา 7 เกมติดทุกรายการ แถมไม่เสียประตูมาถึง 5 เกมติดต่อกันแล้ว ฟอร์มล่าสุดบุกไปถล่ม เบิร์นลี่ย์ ในลีกถึง 3-0 ก่อนจะต้อน แรนส์ 3-0 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ "ดาบคู่" เชฟฯยูฯผลงานแย่ยังไม่ชนะทีมใดในลีกเลย เกมล่าสุดพ่ายคาบ้านให้ แมนฯซิตี้ 0-1 เปิดฉากมาแค่ 4 นาที "สิงห์บลูส์" ได้ลุ้นทันทีหลัง รีซ เจมส์ ครอสเลียดมาเสาแรกให้ แทมมี่ อบราฮัม ไขว้ยิงบอลเลยไปเสาไกลถึง เบน ชิลเวลล์ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเน้นๆแต่ยังไปติดเซฟของ แอรอน แรมส์เดล ทว่า นาทีที่ 9 กลายเป็น "ดาบคู่" ที่บุกมาขึ้นนำเจ้าถิ่น 1-0 บอลเล่นสั้นที่มุมธงก่อนที่ จอร์จ บัลด็อค จะปาดมากลางประตูให้ ซานเดอร์ เบิร์ก ล้มตัวยิงไปโดนขา เดวิด แม็คโกลดริก เปลี่ยนทางเข้าประตู ชนิดที่ เอดูอาร์ เมนดี้ หมดสิทธิ์ป้องกัน ทำให้ลูกทีมของ แลมพาร์ด เสียประตูแรกในรอบ 6 เกมทุกรายการ นาที 14 เชลซี มีโอกาลุ้นทวงประตูตีเสมอ คราวนี้ แทมมี่ อบราฮัม ได้บอลนอกกรอบก่อนจะเลี้ยงแหวกแนวรับดาบคู่เข้าไปซัดด้วยขวา แต่บอลยังไม่ห่างตัว แรมส์เดล ที่ล้มตัวรับไว้ได้ นาที 23 "สิงห์บลูส์" มาตีเสมอ 1-1 จนได้ บอลขึ้นทางฝั่งขวา ฮาคิม ซิเย็ค ตักบอลขึ้นไปให้ มาเตโอ โควาซิช ก่อนที่ห้องเครื่องชาวโครแอตจะตวัดเข้ากลางมาให้ แทมมี่ อบราฮัม วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่เต็มเท้าแต่บอลกระดอนตกพื้นหนีมือ แอรอนแรมส์เดล เสียบมุมเข้าไป นาที 31 เชลซี พลาดโอกาสแซงขึ้นนำ หลัง ฮาคิม ซิเย็ค ปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายมาเสาไกล บอลโค้งเกือบเสียบเสาแต่โดน แอรอน แรมส์เดล พุ่งปัด บอลไปเข้าทาง ติโม แวร์เนอร์ ตามมาซ้ำแต่ไปชนคานอย่างน่าเสียดาย "สิงห์บลูส์" โหมบุกอย่างหนัก และนาที 34 มาได้ประตูแซงขึ้นนำ "ดาบคู่" 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ ฮาคิม ซิเย็ค ปั่นมาเสาไกลให้ เบน ชิลเวลล์ วิ่งมาชาร์ตไม่ถึง 5 หลา โดนต้นขาตัวเองเข้าไป นาที 39 ทีมเยือนเกือบเสียประตูที่สาม หลังบอลชุลมุนหน้ากรอบ ก่อนบอลมาเข้าทาง เบน ชิลเวลล์ ซัดเสาแรกแต่ยังไปติดเซฟของ แรมส์เดล แต่ นาที 43 "ดาบคู่" เกือบได้ลุ้นตีเสมอบ้างบอลต่อเนื่องจากลูกเตะมุม จอร์จ บัลด็อค ผ่านบอลมาให้ จอห์น ลุนด์สแตรม ซัดด้วยซ้ายแต่ยังไม่ผ่านมือของ เมนดี้ ที่เซฟไว้ได้ จบครึ่งแรก เชลซี แซงขึ้นนำ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 ครึ่งหลัง นาที 47 "ดาบคู่" เกือบมาพลาดเสียประตู หลัง เอ็นดา สตีเว่นส์ โขกบอลคืนหลังไม่ดีโดน มาเตโอ โควาซิช ฉกบอลเข้าไปกำลังจะง้างยิงอยู่แล้ว แต่โดน คริส บาแชม ตามมาสไลด์จิ้มบอลออกหลังชนิดหวุดหวิด นาที 64 ฮาคิม ซิเย็ค ที่วันนี้เล่นได้โดดเด่นเรียกฟรีคิกหน้ากรอบให้ทีมได้ ก่อนที่ รีซ เจมส์ จะขอปั่นด้วยขวาบอลพุ่งข้ามกำแพงแต่ยังไปติดเซฟของ แอรอน แรมส์เดล นาที 71 แลมพาร์ด เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง จอร์จินโญ่ ลงไปเล่นแทน มาเตโอ โควาซิช ที่มีอาการเจ็บ นาที 77 "สิงห์บลูส์" มาได้ฟรีคิกเกือบมุมธงทางด้านขวา ฮาคิม ซิเย็ค เปิดโค้งเข้าไปเสาแรกให้ ติอาโก้ ซิลวา โขกเช็ดเปลี่ยนทางเสียบเสาไกลเข้าไปให้ เชลซี นำห่าง 3-1 และเป็นประตูแรกของแนวรับชาวบราซิเลี่ยนที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม เท่านั้นไม่พอ นาที 81 เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สี่นำโด่ง หลังเอ็นโกโล่ ก็องเต้ เข้าไปปั้มบอลกับแข้งดาบคู่ ก่อนบอลปลิ้นทะลุช่องถึง ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปซัดผ่านตัว แอรอน แรมส์เดล เข้าไปให้ เชลซี นำขาด 4-1 จบเกม เชลซี เปิดรังไล่ถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 4-1 เก็บชัยชนะนัดที่ 4 ในฤดูกาลนี้ พร้อมแซงขึ้นไปอยู่อันดับ 3 มี 15 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ลูกได้เสียดีกว่า ทว่าแข่งมากกว่าทัพจิ้งจอกอยู่หนึ่งเกม ส่วน "ดาบคู่" ยังต้องรอชัยชนะนัดแรกต่อไป หลัง แพ้เป็นเกมที่ 7 หลังลงเล่นมา 8 นัด รั้งอยู่บ๊วยของตาราง รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม เชลซี (4-2-3-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ - รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, คูร์ท ซูม่า, เบน ชิลเวลล์ - มาเตโอ โควาซิช, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เมสัน เม้าน์ท - ฮาคิม ซิเย็ค, แทมมี่ อบราฮัม, ติโม แวร์เนอร์ ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) : แอรอน แรมส์เดล - คริส บาแชม, จอห์น อีแกน, เอ็นดา สตีเว่นส์ - จอร์จ บัลด็อค, ซานเดอร์ เบิร์ก, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, จอห์น ลุนด์สแตรม, แม็กซ์ โลว์ - ริยาน บริวส์เตอร์, เดวิด แม็คโกลดริก ผู้จัดการทีม : คริส ไวล์เดอร์ ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ |
|