|
3
พ.ย. ตีเลมันส์เบิ้ล-วาร์ดี้ก็ยิง! เลสเตอร์บุกทุบลีดส์ แซงขึ้นรองฝูงตามหงส์แต้มเดียว
"จิ้งจอกสยาม" โชว์ฟอร์มแกร่งหลังบุกไปอัด ลีดส์ ยูไนเต็ด ถึง เอลแลนด์ โร้ด 4-1 เกมนี้ ยูริ ตีเลมันส์ ยิงคนเดียวสองประตู ขณะที่ เจมี่ วาร์ดี้ ทั้งยิงและจ่ายพาทีมคว้าสามแต้มสำคัญ พร้อมแซงขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงมี 15 คะแนน ตามหลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงแค่แต้มเดียว ส่วน "ยูงทอง" มีแค่ 10 คะแนน รั้งอันดับ 12 เหมือนเดิม ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา สนาม : เอลแลนด์ โร้ด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายของวีกที่ 7 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนแข่งรั้งอันดับ 12 เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 8 เกมนี้หาก "ยูงทอง" คว้าชัยจะขึ้นไปรั้งท็อปไฟว์ทันที เช่นเดียวกับ "จิ้งจอกสยาม" หากบุกมาชนะจะแซงขึ้นรั้งรองจ่าฝูงตามหลัง "หงส์แดง" แค่แต้มเดียวทันที มาร์เซโล่ บิเอลซ่า นายใหญ่ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังไม่มี คาลวิล ฟิลลิปส์ ห้องเครื่องตัวเก่งของทีมที่ยังเจ็บ ขณะที่เกมรุกใช้ ปาโบล เอร์นานเดซ ปั้นเกมร่วมกับ เอลแดร์ คอสต้า และแจ็ค แฮร์ริสัน โดยทิ้ง พาทริค แบมฟอร์ด เป็นหน้าเป้า ด้าน เบรนแด้น ร็อดเจอร์ส ส่ง เจมี่ วาร์ดี้ ล่าตาข่ายโดยมีตัวปั้นเกมอย่าง เดนนิส ปราต และฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ รวมทั้ง ยูริ ตีเลม็องส์ สนับสนุน ออกสตาร์เกมแค่ 2 นาทีแรก "ยูงทอง" ทักทายทันทีหลังบอลครอสไปเสาไกลให้ แจ็ค แฮร์ริสัน โขกตั้งเข้ากลางให้ พาทริก แบมฟอร์ด โหม่งจ่อๆ แต่ไปตรงตัว แคมสเปอร์ ชไมเคิ่ล และจากจังหวะต่อเนื่อง ชไมเคิ่ล ออกบอลให้ คริสเตียน ฟุคส์ วางบอลยาวจากหลังไปหน้าบอลตรงพื้น โรบิน คอช พยายามคืนหลังให้ อัลล็อง เมซิเย่ร์ แต่โดน เจมี่ วาร์ดี้ ที่อ่านเกมวิ่งไปฉกมาได้ก่อนล็อกหนีนายด่าน "ยูงทอง" ก่อนไหลเข้ากลางประตูให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ยิงด้วยขวาเข้าไปง่ายๆ เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมานำเจ้าถิ่น ลีดส์ฯ 1-0 ในนาทีที่ 3 นาที 11 "จิ้งจอกสยาม" เกือบได้ลุ้นเม็ดที่สอง เจมี่ วาร์ดี้ จ่ายยัดเข้ากลางให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ บรรจงซัดเสาแรกแต่ยังโดน อัลล็อง เมซิเย่ร์ นายด่านยูงทองพุ่งปัดออกหวุดหวิด นาที 21 เลสเตอร์ หนีห่างเจ้าบ้านเป็น 2-0 จากจังหวะที่แข้ง "ยูงทอง" ทำเสียบอลกลางสนาม ยูริ ตีเลมันส์ พาบอลขึ้นมาก่อนออกขวาให้ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ครอสมาให้ เจมี่ วาร์ดี้ พุ่งโขกไปติดเซฟของ อัลล็อง เมซิเย่ร์ ทว่ายังไปเข้าทาง ยูริ ตีเลมันส์ ตามซ้ำเข้าไปไม่เหลือ นาที 38 พาทริก แบมฟอร์ด ปล่อยโอกาสทองตีไข่แตกให้หลุดมือหลังมีโอกาสได้ยิงในกรอบไม่ถึง 10 หลาแต่ซัดไปตรงตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จบครึ่งแรก ลีดส์ เจ้าถิ่นตามหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ 0-2 ครึ่งหลังเริ่มมาแค่ นาที 48 ยูงทอง มาตีไข่แตกไล่เลสเตอร์มาเป็น 1-2 จากจังหวะครอสเข้าไปในกรอบของ สจ๊วร์ต ดัลลัส บอลไม่โดนใครตกพื้นเสียบเสาไกล นาที 56 ลีดส์ เกือบได้ประตูที่สองตีเสมอ ปาโบล เอร์นานเดซ ได้ปั่นนอกกรอบบอลพุ่งจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่ไปชนคานอย่างน่าเสียดาย กลายเป็นเจ้าบ้านที่ครองบอลได้เหนือกว่า นาที 60 มาเตอุสซ์ คลิช ลองตั้งป้อมซัดไกลแต่บอลยังไม่แรงพอก่อนพุ่งไปเข้ามือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นาที 70 เลสเตอร์ เซ็ตบอลขึ้นมาข้างหน้าและเกือบได้ลุ้นเม็ดที่ 3 หนีห่าง คราวนี้เป็น ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ซัดนอกกรอบแต่บอลก็ยังไม่พ้นมือ อัลล็อง เมซิเย่ร์ รับเข้าซองไว้ได้อีกและเป็นชอตสุดท้ายของเจ้าตัวก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออก แล้วให้ เซนกิซอุนเดอร์ ลงเล่นแทน นาที 76 กลายเป็น "จิ้งจอกสยาม" ที่มาได้ประตูที่สามนำห่าง 3-1 จากจั้งหวะที่ เจมส์ แมดดิสัน แทงบอลทะลุให้ เซนกิซ อุนเดอร์ หลุดเข้าไปก่อนเจ้าตัวจะปาดเข้ากลางให้ เจมี่ วาร์ดี้ ที่วิ่งมาซัดโล่งๆเข้าไปไม่พลาด เป็นประตูที่ 7 ของเจ้าตัวในซีซั่นนี้อีกด้วย นาที 90 อังเดร มาร์ริเนอร์ หยุดเกมเพื่อไปดู VAR ข้างสนามถึงจังหวะความเป็นไปได้ที่ทีมเยือนจะได้จุดโทษ และตัดสินให้ "จิ้งจอก" ได้ลูกที่จุดโทษ หลัง มาเตอุสซ์ คลิช ไปเข้าฟาวล์ข้างหลังใส่ เจมส์ แมดดิสัน บนเส้นประตูพอเดียว ก่อนที่จะเป็นยูริ ตีเลมันส์ ยิงเข้าไปไม่พลาดให้ เลสเตอร์ บุกมานำห่าง 4-1 และเป็นประตูที่สองของห้องเครื่องชาวเบลเยียมในเกมนี้อีกด้วย จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมาปราบ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-1 เก็บสามแต้มพร้อมแซงขึ้นรองจ่าฝูงมี 15 คะแนน ตามหลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงแค่แต้มเดียว ส่วน "ยูงทอง" ยังรั้งอันดับ 12 เหมือนเดิม มี 10 คะแนน รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด (4-1-4-1) : อัลล็อง เมซิเย่ร์ - ลุค อายลิ่ง, โรบิน คอช, เลียม คูเปอร์, สจ๊วร์ต ดัลลัส (เอซยัน อลิโอสกี้ น.81) - มาเตอุสซ์ คลิช - เอลแดร์ คอสต้า, เจมี่ ชัคเคลตัน (เอียน โปเวด้า น.46), ปาโบล เอร์นานเดซ (ไทเลอร์ โรเบิร์ตส น.67), แจ็ค แฮร์ริสัน - พาทริก แบมฟอร์ด ผู้จัดการทีม : มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เลสเตอร์ (3-4-2-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - เจมส์ จัสติน, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, คริสเตียน ฟุ๊คส์ - มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ยูริ ตีเลมันส์, นัมปาลิส เมนดี้, ลุค โธมัส - ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ (เซนกิซ อุนเดอร์ น.70), เดนนิส ปราต (เจมส์ แมดดิสัน น.63)- เจมี่ วาร์ดี้ (เวส มอร์แกน น.85) ผู้จัดการทีม : เบรนแด้น ร็อดเจอร์ส ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์ |
|