|
|
|
|
3
พ.ย. ฟูแล่มชนะนัดแรกแล้ว! ถลุงเวสต์บรอมฯ หนีรองบ๊วยพรีเมียร์ลีกสำเร็จ
 ทัพ "เจ้าสัวน้อย" ของ สกอตต์ พาร์เกอร์ คว้าชัยชนะนัดแรกซีซั่นนี้ได้แล้วหลังเปิดบ้านไล่บดเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-0 ซิวสามแต้มล้ำค่ามีเพิ่มเป็น 4 คะแนน หนีจากรองบ๊วยขึ้นไปรั้งอันดับ 17 ส่วน "เดอะ แบ็กส์กี้" รั้งอันดับ 18 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา สนาม : คราเวน ค็อตเทจ เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 7 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นการพบกันของสองทีมท้ายตารางที่ยังไม่มชนะทีมใด ระหว่างเจ้าบ้าน ฟูแล่ม ทีมอันดับ 19 พบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทีมอันดับ 17 สกอตต์ พาร์เกอร์ เกมล่าสุดพ่ายคาบ้านให้ คริสตัน พาเลซ 1-2 แมตช์นี้ใช้ 3 ประสานแดนหน้าเป็น บ็อบบี้ รีด, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช และอเดโมล่า ลุคแมน ส่วนทางฝั่ง สลาเวน บิลิช นายใหญ่ของ "แบ็กกี้ส์" เกมล่าสุดต้งเป็นฝ่ายไล่ตีเสมอ ไบรท์ตัน 1-1 แมตช์นี้ยังยึดแนวรุกชุดเดิมมี คาร์แลน แกรนท์ หน้าเป้า โดยใช้ มาเตอุส เปเรยร่า ปั้นเกมร่วมกับ ฟิลิป โครวิโนวิช และ เกรดี้ เดียนกาน่า ออกสตาร์ทมาแค่ 2 นาทีเศษๆ ทีมเยือนเกือบได้ลุ้นขึ้นนำหลัง คอเนอร์ ทาวน์เซนด์ ครอสบอลจากซ้ายเข้าไปหน้ากรอบ แต่บอลลึกโค้ชไปชนเสามเหลี่ยมอย่างน่าเสียดาย เจ้าบ้านตอบโต้ขึ้นมาเช่นกัน นาทีที่ 7 บอลขึ้นทาง อเดโมล่า ลุคแมน สับขาโยกเข้าไปในกรอบก่อนจะครอสเลียดเข้าไปติดบล็อค เซมี่ อเจยี่ บอลกระดอนมาเข้าทาง ลุคแมน อีกครั้งก่อนจะวอลเลย์ไปตรงตัว แซม จอห์นสตัน นายด่านของ "เดอะ แบ็กกี้ส์" นาที 19 อเดโมล่า ลุคแมน สร้างโอกาสให้เจ้าถิ่นอีกครั้งหลังลากจากซ้ายตัดเข้าหน้ากรอบ แล้วตะบันด้วยขวาแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปไกล ฟูแล่มยังครองบอลได้เหนือกว่า กระทั่ง นาที 27 มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ จากการเซ็ตบอลจากแดนกลางขึ้นมาอย่างสวยงาม แซมโบ อ็องกิสซ่า พาบอลขึ้นมาหน้ากรอบแล้วไหลออกซ้ายให้ แอนโทนี โรบินสัน ครอสยาวไปเสาไกลให้ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช โขกชงย้อนไปเสาแรก ก่อนจะเป็น บ็อบบี้ รีด ที่เทกตัวโขกจ่อๆ ตุงตาข่ายเข้าไป เท่านั้นยังไม่พอ อีก 3 นาทีต่อมา ลูกทีมของ สกอตต์ พาร์เกอร์ มาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 อย่างรวดเร็ว บอลขึ้นทางขวาเริ่มจาก โอล่า ไอน่า ที่เติมเกมสูงก่อนจ่ายให้ บ็อบบี้ รีด ทางริมเส้นก่อนชิ่งเข้าในกรอบให้ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ก่อนที่อดีตหัวหอกนิวคาสเซิ่ลจะจ่ายสั้นๆให้ ไอน่า ที่เติมขึ้นมาตะบันด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลเข้าไปอย่างงามหยด นาที 36 เจ้าบ้านเกือบเล่นกันพลาดเองหลังบอลจ่ายเข้ากลางให้ แซมโบ อ็องกิสซ่า โดน ฟิลิป โครวิโนวิช จิ้มแย่งบอลได้ก่อนหลุดเข้าไปให้ คาร์แลน แกรนท์ ที่ใจร้อนซัดนอกกรอบหลุดเสาออกไปแบบไม่ได้ลุ้น นาที 45 เจ้าถิ่นเกือบได้เม็ดที่สามนำโด่ง หลัง ฟร้องค์ แซมโบ อ็องกิสซ่า ซัดด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลยังพุ่งไปตรงตัว แซม จอห์นสตัน ทุบออกไป จบครึ่งแรก ฟูแล่ม ขึ้นนำ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-0 กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง เกมเริ่มเล่นกันหนักขึ้น แต่โอกาสลุ้นต้องรอถึงนาที 62 เป็นจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมของเจ้าถิ่น แซม จอห์นสตัน นายด่านแบ็กกี้ส์ออกมาชกบอล โจอาคิม แอนเดอร์เซ่น ยิงสวนด้วยขวาเข้าไปแต่บอลพุ่งหลุดกรอบ นาที 66 เวสต์บรอมฯ ตอบโต้มาเช่นกัน บอลออกขวาให้ ดาร์เนลล์ เฟอร์ลอง ครอสไปเสาไกลให้ คาร์แลน แกรนท์ โขกบอลไม่แรงบอลไปเข้ามือ อัลฟงส์ อเรโอล่า นาที 80 ฟูแล่ม ชวดได้ประตูที่สามหลัง แซม จอห์นสตัน ออกมาตัดบอลนอกกรอบ ก่อนจะไปเข้าเท้า ทอม แคร์นี่ย์ ยิงสวนเข้าไปในกรอบจะเข้าอยู่แล้วแต่โดน คอเนอร์ ทาวน์เซนด์ เคลียร์จากบนเส้น แต่บอลยังไปเข้าทางปืน บ็อบบี้ รีด วิ่งมาซัดเต็มแรงบอลพุ่งไปติด เซมี่ อเจยี่ แม้แข้งเจ้าสัวน้อยจะฟ้องว่าเป็นแฮนด์บอล แต่หลังจาก ผู้ตัดสินเช็กกับ VAR แล้วไม่ว่าอะไรให้เล่นต่อไป ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ฟูแล่ม ไล่บดเอาชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0 คว้าชัยชนะเกมแรกของซีซั่นนี้ได้สำเร็จ มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน หนีรองบ๊วยขึ้นไปรั้งอันดับ 17 แทน ส่วน "เดอะ แบ็กกี้นส์" แพ้เป็นเกมที่ 4 มีแค่ 3 คะแนนรั้งอันดับ18 ของตาราง รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ฟูแล่ม (4-3-3) : อัลฟงส์ อเรโอล่า - โอล่า ไอน่า, โทซิน อดาราบิโอโย่, โจอาคิม แอนเดอร์เซ่น, แอนโทนี โรบินสัน - ฟร้องค์ แซมโบ อ็องกิสซ่า, มาริโอ เลอมิน่า (แฮร์ริสัน รีด น.46), ทอม แคร์นี่ย์ - บ็อบบี้ รีด (อีวาน คาวาเลียโร่ น.85), อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช, อเดโมล่า ลุคแมน (โจ ไบรอัน น.90) ผู้จัดการทีม : สกอตต์ พาร์เกอร์ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (4-1-4-1) : แซม จอห์นสตัน - ดาร์เนลล์ เฟอร์ลอง, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, เซมี่ อเจยี่, คอเนอร์ ทาวน์เซนด์ - เจค ลิเวอร์มอร์ (โรแม็ง ซอว์เยอร์ส น.56) - มาเตอุส เปเรยร่า (คัลลัม โรบินสัน น.56), คอเนอร์ กัลลาเกอร์, ฟิลิป โครวิโนวิช (แม็ตต์ ฟิลลิปส์ น.70), เกรดี้ เดียนกาน่า - คาร์แลน แกรนท์ ผู้จัดการทีม : สลาเวน บิลิช ผู้ตัดสิน : ไซม่อน ฮูเปอร์ |
|
