|
|
|
23
ธ.ค. แชมป์สมัย4! เรอัลมาดริดฟอร์มดุถล่มเจ้าภาพอัลไอน์ครองจ้าวสโมสรโลก
![]() "ราชันชุดชาว" เถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์สโมสรโลกตามคาด หลังงัดฟอร์มสุดเจ๋งไล่ต้อนเอาชนะเจ้าภาพ อัล ไอน์ 4-1 คว้าแชมป์ 3 สมัยติด และทีมแรกที่ทำได้ถึง 4 สมัยเหนือบาร์เซโลน่า ในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2018 ที่ประเทศยูเออี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.นี้ สนาม: ชีค ซายิด สปอร์ต ซิตี้ สเตเดี้ยม, (อาบูดาบี, ยูเออี) "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เจ้าของตำแหน่งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยหลังสุด และแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 3 สมัย จากสเปน ลงทำศึกในนัดชิงชนะเลิศพบกับ อัล ไอน์ สโมสรจากชาติเจ้าภาพที่พลิกล็อคดวลจุดโทษปราบ ริเวอร์ เพลท แชมป์อเมริกาใต้ มาได้ในรอบรองชนะเลิศ ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้ 4 นาที เรอัล มาดริด บดหนักทันที โทนี่ โครส จ่ายให้กับ มาร์เซโล่ วิเอยร่า วางเท้ายิงด้วยขวา บอลไม่ตรงกรอบ นาทีต่อมา อัล ไอน์ ดันเกมขึ้นมาบ้าง ฮุสซิน เอล ชาห์ฮัต กระทุ้งด้วยขวา แต่ไม่ผ่านมือของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารเรอัล มาดริด เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 14 เรอัล มาดริด มาได้ประตูออกนำเร็ว 1-0 จากจังหวะที่ ลูกัส บาซเกซ เปิดจากกราบขวาให้กับ คาริม เบนเซม่า พักอกเอาบอลลงก่อนไหลคืนหลังให้กับ ลูก้า โมดริช แต่งแล้วปั่นโค้งด้วยขวาจากหน้าเขตโทษบอลเลี้ยวเสียบมุมซ้ายเข้าไปอย่างสุดงาม ผ่านมา 21 นาที เรอัล มาดริด บุกแทบจะฝ่ายเดียว มาร์เซโล่ ไหลให้กับ แกเร็ธ เบล กดด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายติดเซฟของ คาห์หลิด ไอซ่า นายทวารอัล ไอน์ ปัดออกหลังไป นาทีต่อมา ราชันชุดขาว ได้เตะมุม โทนี่ โครส โยนให้กับ เซร์คีโอ รามอส กัปตันทีมขึ้นโขกเฉี่ยวเสาซ้ายออกไป กระเถิบมานาทีที่ 35 เรอัล น่าจะได้ประตูเพิ่ม เมื่อ ลูกัส บาซเกซ จ่ายจากกราบขวาเข้าในให้กับ คาริม เบนเซม่า ซัดด้วยขวาจากกลางกรอบเขตโทษ บอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย สี่นาทีต่อมา ทัพชุดขาว ได้โอกาสอีก โทนี่ โครส โยนลูกเตะมุมให้กับ แกเร็ธ เบล ขึ้นโขก แต่ คาห์หลิด ไอซ่า นายทวารของอัล ไอน์ ปัดทิ้งออกหลังได้ทัน หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำอยู่แค่ 1-0 มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 8 นาที เรอัล บดต่อ แกเร็ธ เบล โยนให้กับ คราริม เบนเซม่า หวดด้วยขวาจากกลางกรอบเขตโทษ บอลถากเสาขวาไป หนึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน ราชันชุดขาว มาได้ประตูที่สองจากจังหวะที่ โทนี่ โครส เปิดมุมจากทางด้านขวา โมฮาเหม็ด อาห์เหม็ด กองหลังของอัลไอน์ โหม่งสกัดออกมาเข้าทางของ มาร์กอส ยอเรนเต้ วิ่งเข้ามาวอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่จับจากหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งวาบตกลงพื้นเสียบมุมซ้ายเข้าไปอย่างเด็ดขาดและสวยงามมากๆ ช่วยให้ เรอัล มาดริด นำห่าง 2-0 แล้ว จากนั้นนาทีที่ 65 เรอัล มาดริด ยังเดินเครื่องบดต่อเนื่อง โทนี่ โครส จ่ายจากกราบขวาให้กับ แกเร็ธ เบล สอดมายิงด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย โดนเฉือนๆบอลเลยหลุดเสาซ้ายไป ล่วงเลยมานาทีที่ 76 เรอัล น่าจะได้ประตูที่สาม เมื่อ ดาเนียล การ์บาฆาล ตักบอลข้ามแนวรับของอัล ไอน์ ให้ แกเร็ธ เบล หลุดเดี่ยวเข้าไป แต่จังหวะจะยิง โดน อิสมาอิล อาเหม็ด กองหลังกัปตันทีมของอัล ไอน์ แหย่ไว้นิดหนึ่ง ทำให้เสียจังหวะไป แต่ เบล ยังยิงด้วยขวาติดตัวของคาห์หลิด ไอซ่า นายทวารของอัล ไอน์ ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย สองนาทีต่อมา เรอัล มาดริด นำขาด 3-0 เมื่อ ลูก้า โมดริช โยนลูกเตะมุมจากทางด้านขวาให้ เซร์คีโอ รามอส ปราการหลังกัปตันทีมวิ่งสลัดหนีตัวประกบ มาเทคตัวขึ้นขวิดเสียบมุมซ้ายบนเข้าไปอย่างงดงาม ท้ายเกมนาทีที่ 86 อัล ไอน์ ไม่ท้อไล่ตีไข่แตกตามมาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ ไคโย่ เปิดฟรีคิกจากทางด้านขวาให้กับ ซึกาซะ ชิโอตานิ แบ็คซ้ายวัย 30 ปี ชาวญี่ปุ่น วิ่งมาสะบัดโหม่งกลางกรอบเขตโทษบอลย้อยลอยเสียบสามเหลี่ยมซ้ายเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+1 ราชันชุดขาว มาได้ประตูที่สี่ จากจังหวะที่ มาร์เซโล่ วิเอยร่า เปิดฟรีคิกขึ้นหน้าให้กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวรุ่งชาวบราซิล ที่ลงมาเป็นสำรอง กระชากบอลหลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจิ้มด้วยขวาผ่าน คาห์หลิด ไอซ่า นายทวารอัล ไอน์ ไปได้แล้ว บอลมาโดนขาของ ยาเฮีย นาเดอร์ ผู้เล่นของอัล ไอน์ ที่ลงมาช่วยเกมรับ เข้าประตูตัวเองไป ช่วยให้ เรอัล มาดริด ทิ้งกระจุย 4-1 เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มอีกไม่ได้ จบเกม เรอัล มาดริด ถล่ม อัล ไอน์ ไปยับเยิน 4-1 ผงาดครองแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ (สโมสรโลก) เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นแชมป์สมัยที่ 4 ในรอบ 5 ปีหลังสุด พร้อมกับกลายเป็นทีมที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดเหนือกว่า บาร์เซโลน่า อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน ที่ได้ไป 3 สมัย รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม เรอัล มาดริด: ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ดาเนียล การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เซโล่ วิเอยร่า - ลูก้า โมดริช, มาร์กอส ยอเรนเต้ (คาเซมีโร่ น.82), โทนี่ โครส (ดานี่ เซบาโยส น.71) - ลูกัส บาซเกซ (วินิซิอุส จูเนียร์ น.84), คาริม เบนเซม่า, แกเร็ธ เบล อัล ไอน์: คาห์หลิด ไอซ่า - โมฮาเหม็ด อาห์เหม็ด (บานดาร์ อัล อาห์บาบี น.64), อิสมาอิล อาเหม็ด (กัปตันทีม), โมฮาเหม็ด ฟาเยซ, ซึกาซะ ชิโอตานิ - รายาน อัล-จาเบรี่, โมฮัมเหม็ด อับดุลราห์มาน (อาเมอร์ อับดุลราห์มาน น.67), ตงโก้ ดุมเบีย - ฮุสซิน เอล ชาห์ฮัต, ไคโย่ - มาร์คุส เบิร์ก (ยาเฮีย นาเดอร์ น.75) ผู้ตัดสิน: แจร์ มาร์รูโฟ่ (สหรัฐอเมริกา) ทำเนียบแชมป์ฟุตบอลฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ (ตั้งแต่ปี 2010-2018) แชมป์ รองแชมป์ อันดับ 3 2018 เรอัล มาดริด (สเปน) อัล ไอน์ (ยูเออี) ริเวอร์ เพลท (อาร์เจนตินา) 2017 เรอัล มาดริด (สเปน) เกรมิโอ (บราซิล) ปาชูก้า (เม็กซิโก) 2016 เรอัล มาดริด (สเปน) คาชิม่า แอนท์เลอร์ส (ญี่ปุ่น) แอต.นาซิออนนาล (โคลอมเบีย) 2015 บาร์เซโลน่า (สเปน) ริเวอร์ เพลท (อาร์เจนตินา) ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า (ญี่ปุ่น) 2014 เรอัล มาดริด (สเปน) ซาน โลเรนโซ่ (อาร์เจนตินา) อ็อคแลนด์ ซิตี้ (นิว ซีแลนด์) 2013 บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) ราย่า คาซาบลังก้า (โมร็อกโก) แอต.มิเนยโร่ (บราซิล) 2012 โครินเธียนส์ (บราซิล) เชลซี (อังกฤษ) มอนเตอร์เรย์ (เม็กซิโก) 2011 บาร์เซโลน่า (สเปน) ซานโต๊ส (บราซิล) อัล ซาดด์ (กาตาร์) 2010 อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) มาเซมเบ้ (สาธารณรัฐ คองโก) อินเตอร์นาซิออนนาล (บราซิล) |
|