|
9
ต.ค. "คัลเวิร์ต-ลูวิน" โขกเปิดซิง, "อิงส์" ตีลังกาซัด!อังกฤษโชว์หรูไล่ต้อนเวลส์นิ่มเกือก
โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน ทำประตูแรกให้ตัวเองในนามทีมชาติชุดใหญ่ ขณะที่ แดนนี่ อิงส์ ตีลังกายิงสุดสวยช่วย "สิงโตคำราม" อังกฤษ เปิดเวมบลีย์ไล่ต้อนสอนเชิง "มังกรแดง" เวลส์ 3-0 ในศึกฟุตบอล กระชับมิตรทีมชาติ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม (ลอนดอน) "สิงโตคำราม" อังกฤษ ภายใต้การคุมทัพของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ใช้งานแข้งดาวรุ่งหลายราย นัดนี้มาในระบบ 3-4-3 โดย บูคาโย่ ซาก้า ได้ลงประเดิมชุดใหญ่แดนกลาง ขณะที่แผงรุก โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน ดาวยิงฟอร์มร้อนแรงยืนแดนหน้าล่าสกอร์โดยมี แดนนี่ อิงส์ และ แจ็ค กรีลิช พร้อมประสานคมล่าตาข่าย ฝั่ง "มังกรแดง" เวลส์ โดย ไรอัน กิ๊กส์ พาทีมโชว์ผลงานได้ดีจัดทีมมาในระบบ 4-2-3-1 ไม่มีทั้ง ไม่มี แกเร็ธ เบล และ อารอน แรมซี่ย์ สองสตาร์ดังซึ่งจะใช้ คีฟเฟอร์ มัวร์ จากคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ยืนศูนย์หน้าตัวเป้าปิดสกอร์ เริ่มครึ่งแรก นาทีที่ 7 เป็นทัพสิงโตคำรามจะมีโอกาสก่อนจากลูกเตะมุมโดย คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลลอยโค้งมาเข้าหัว ไมเคิ่ล คีน แต่เจ้าตัวเหมือนจะโหนโหม่งทำให้โดนไม่ดีบอลเสยออกข้างไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 13 อังกฤษ ได้ลุ้น โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษแล้วได้แตะบอลหลบ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ นายด่านเวลส์ แต่ดูเหมือนน้ำหนักจะแรงเกินไปทำให้เลยไปถึงสุดริมเส้นฝั่งขวาก่อนที่ คัลเวิร์ต-ลูวิน จะพยายามส่งบอลย้อนเข้าไปหาเพื่อนร่วมทีมแต่ไปเข้าทางแข้งเวลส์ที่ยืนดักรอและเคลียร์ออกไปได้ นาทีที่ 20 ทัพมังกรแดง ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาระยะประมาณ 30 หลา เมื่อ คาลวิน ฟิลลิปส์ ไปเตะตัดเกมใส่ขาทางด้าน เทย์เลอร์ โรเบิร์ต และต่อเนื่อง จากจังหวะลูกฟรีคิก เวลส์ เปิดบอลทำเกมจากทางด้านข้างก่อนจะได้ลุ้นจบสกอร์จากการยืนซัดเหน่งๆ ของ คีฟเฟอร์ มัวร์ แต่บอลดันเหินข้ามคานออกไป แต่แล้วนาทีที่ 26 อังกฤษ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะโจมตีด้านข้างทางฝั่งขวาบอลไปอยู่ที่ แจ็ค กรีลิช ใช้ความสามารถเฉพาะตัวโยกหลอกแข้งเวลส์ก่อนจะเปิดด้วยเท้าขวาบอลลอยโค้งไปเข้าหัว โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน ที่สอดเข้ามาได้โขกเน้นๆ ไม่ถึง 10 หลาบอลพุ่งแรงลงพื้นผ่านมือ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ เข้าไปตุงตาข่าย นับเป็นการเปิดซิงยิงตุงแรกของ คัลเวิร์ต-ลูวิน ในนามทีมชาติชุดใหญ่อีกด้วย สองนาทีถัดมา เวลส์ สร้างโอกาสทวงประตูคืนจากลูกเตะมุม คริส เม็ฟฟัม เบียดแย้งโหม่งได้บอลพุ่งเข้ากรอบแต่ไปตรงตัว นิค โป๊ป ที่ยืนรับไว้ไร้ปัญหา นาทีที่ 30 เวลส์ ทำเสียวไส้เมื่อ คีฟเฟอร์ มัวร์ ได้กระชากบอลจี้หลุดเข้าไปในเขตโทษเจ้าถิ่นแต่ยังไม่ผ่าน นิค โป๊ป ที่ออกมาไวและล้มตัวตะครุบบอลเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ผ่านมาถึงนาทีที่ 38 อังกฤษเกือบจดสกอร์ที่สองจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายเป็น คอเนอร์ เคาดี้ ที่ได้จบจังหวะสุดท้ายด้วยการพักบอลลงในกรอบเขตโทษเวลส์ก่อนจะหวดเต็มข้อแต่บอลเจ้ากรรมดันเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 40 คีฟเฟอร์ มัวร์ ศูนย์หน้ามังกรแดงมีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวทำให้ ไรอัน กิ๊กส์ ต้องเปลี่ยนตัวออกทันทีแล้วส่ง เนโก้ วิลเลี่ยมส์ ลงมาเล่นแทน นาทีที่ 42 มีใบเหลืองแรกเกิดขึ้นเป็นของฝั่งเวลส์โดย คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ ไปหวดหนักเข้าใส่ บูคาโย่ ซาก้า ที่กำลังทำเกมรุก บ็อบบี้ แมดเดน ท่านเปาชาว สกอตแลนด์ ควักใบเหลืองคาดโทษ โรเบิร์ตส์ ทันที จบครึ่งแรก อังกฤษ เปิดเวมบลีย์นำ เวลส์ ผู้มาเยือน 1-0 มาลุ้นต่อครึ่งเวลาหลัง ทัพสิงโตคำรามยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิม ขณะที่ เวลส์ เปลี่ยนเพิ่มอีก 2 คน คือ ดีแลน เลวิตต์ แข้งดาวรุ่งจากแมนยู ลงมาแทน โจ มอร์เรลล์ และ เบนจามิน คาบังโก้ ลงมาแทน โจ โรดอน นาทีที่ 54 สิงโตคำรามลั่นอีกครั้งเมื่อทำประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลลอยโด่งโค้งผ่านแผงหลังเวลส์ก่อนเลยมาเข้าทาง คอเนอร์ เคาดี้ ที่เติมขึ้นมาใช้เท้าขวาแหย่จิ้มแบบเผาขนเข้าไปไม่เหลือซาก ทำให้ คอเนอร์ มีชื่อทำประตูในนามทีมชาติชุดใหญ่ตุงแรกของเขา นาทีที่ 58 แกเร็ธ เซาธ์เกต เปิดโอกาสให้แข้งสำรองลงสนามโดยเปลี่ยนพร้อมกันถึง 3 คืน คือ ไทโรน มิงส์ แทน โจ โกเมซ, รีซ เจมส์ แทน คีแรน ทริปเปียร์ และ เมสัน เมาท์ แทน โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน นาทีที่ 63 อังกฤษ นำห่าง 3-0 จากลูกเตะมุม ไทโรน มิงส์ ขึ้นโขกทางเสาไกลย้อนตั้งมาให้ แดนนี่ อิงส์ ได้ตีลังกากลับหลังตะบันสุดสวยเข้าไปทำเอาตาข่ายสั่นสะเทือนเรียกเสียงเฮจากเพื่อนร่วมทีมได้ดั่งสนั่นลั่นสนาม และนับเป็นการจารึกประตูเปิดซิงของ อิงส์ ในนามทีมชาติชุดใหญ่ประตูแรกอีกด้วย นาทีที่ 66 แจ็ค กรีลิช โชว์ความเร็วกระชากพาบอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนตัดสินใจกึ่งยิงกึ่งผ่านหวังเข้าเสาไกลแต่ถูกปฏิเสธโดย เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ที่พุ่งปัดไว้ได้ด้วยปลายมือเป็นลูกเตะมุมและเป็น รีซ เจมส์ ที่เปิดมุมต่อเนื่องแต่ไม่ผ่านแข้งเวลส์ที่ช่วยกันป้องกันออกไปได้ ทัพสิงโตคำราม ครองเกมไว้ได้มากกว่าได้ลุ้นอีกครั้งนาทีที่ 70 บูคาโย่ ซาก้า หลุดเข้าไปกดด้วยเท้าซ้ายเน้นๆ บอลไปแฉลบแข้งเวลส์ทำท่าจะเปลี่ยนทางเข้าประตูแต่ถูกปัดไว้ได้ด้วยปลายมือของ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ นายด่านมังกรแดงที่โชว์เซฟสวยๆ ได้อีกครั้ง ผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 84 อังกฤษ ยังได้ลุ้นผลิตสกอร์เพิ่ม เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ต่อบอลสั้นให้ แดนนี่ อิงส์ ได้ตั้งป้อมปั่นโค้งบอลทำท่าจะมุดลงเสียบใต้คานแต่ยังคงติดเซฟของ เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ที่ลอยตัวปัดไว้ได้อีกหน ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อังกฤษ โชว์ฟอร์มหรูเปิดบ้านไล่ต้อน เวลส์ 3-0 รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม อังกฤษ (3-4-3): นิค โป๊ป - โจ โกเมซ (ไทโรน มิงส์ น.58), คอเนอร์ เคาดี้, ไมเคิ่ล คีน - คีแรน ทริปเปียร์ (รีซ เจมส์ น.58), แฮร์รี่ วิงค์ส (เจมส์ วอร์ด-เพราส์ น.76), คาลวิน ฟิลลิปส์, บูคาโย่ ซาก้า (เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส น.76) - แดนนี่ อิงส์, แจ็ค กรีลิช (ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ น.76), โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน (เมสัน เมาท์ น.58) เวลส์ (4-2-3-1) : เวย์น เฮนเนสซี่ย์ - เบน เดวิส, คริส เม็ฟฟัม, โจ โรดอน (เบนจามิน คาบังโก้ น.46), คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ (คริส กันเทอร์ น.3) - อีธาน อัมพาดู (วิลล์ วอล์คส์ น.62), โจ มอร์เรลล์ (ดีแลน เลวิตต์ น.46) - เทย์เลอร์ โรเบิร์ต, โจนาธาน วิลเลี่ยมส์ (แม็ทธิว สมิธ น.73), แรบบี้ มาทอนโด้ - คีฟเฟอร์ มัวร์ (เนโก้ วิลเลี่ยมส์ น.40) ผู้ตัดสิน : บ็อบบี้ แมดเดน (สกอตแลนด์ ) |
|