28
ก.ย.
"วาร์ดี้" แฮตทริก!เลสเตอร์เร่งเครื่องยิงแซงดับแมนซิตี้คารังพร้อมขยับยึดบัลลังก์ฝูง

cddebc345f393265e13923876f824a1c.jpg

เจมี่ วาร์ดี้ ระเบิดสุดแจ่มหลังกดคนเดียวสามตุงช่วย "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ บุกยิงแซงเก็บชัยเหนือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าบ้านไปอย่างสุดมัน 5-2 และทำให้ เลสเตอร์ ที่เก็บสามแต้มสำคัญได้ขยับขึ้นไปนำจ่าฝูงลีกทันที ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 5 เลสเตอร์ ซิติ้


สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม


เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือคนเก่งของ แมนฯ ซิตี้ พร้อมส่งแนวรุกหลัก เควิน เดอ บรอยน์ และราฮีม สเตอร์ลิง ลงสนาม โดยมี ริยาด มาห์เรซ ยืนล่าตาข่ายหน้าเป้า

ทางฝั่งผู้มาเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้ จอนนี่ อีแวนส์ ที่พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีม พร้อมนำทีมแนวรุกโดย ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ เจมี่ วาร์ดี้

เริ่มครึ่งแรกมาเพียง 4 นาที เจ้าถิ่น "เรือใบสีฟ้า" ก็มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ลูกเตะมุม เควิน เดอ บรอยน์ เปิดโด่งมาที่หน้าประตู เจมส์ จัสติน โหม่งเคลียร์ไม่ขาด บอลมาทาง ริยาด มาห์เรซ ที่เก็บตกในกรอบเขตโทษได้ ก่อนซัดเปรี้ยงเดียว ส่งบอลตุงตาข่ายไปอย่างสวยงาม แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ 1-0

10นาทีต่อมา เจ้าถิ่นที่ครองบอลมากกว่าได้โอกาสจบสกอร์อีกครั้ง แต่ลูกยิงของ โรดรี เอร์นานเดซ ที่ซัดมุมแคบในกรอบเขตโทษ เหินโด่งออกหลังไปนิดเดียว

นาทีที่ 18 ลูกทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า ยังบุกใส่และได้โอกาสอีกครั้ง จากจังหวะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษของ ราฮีม สเตอร์ลิง ยังดีที่ คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยังทำได้เยี่ยม เซฟช่วย เลสเตอร์ ไม่ให้เสียประตูเพิ่มได้

นาทีที่ 26 แมนฯซิตี้ พลาดได้ประตูนำห่างไม่น่าเชื่อ เมื่อได้ลูกฟรีคิกรอกกรอบ เควิน เดอ บรอยน์ หยอดเข้าไปที่หน้าประตู แฟร์นันดินโญ่ ได้โขกเหน่งๆคนเดียว แต่กองกลางบราซิเลี่ยน กลับโหม่งเบาและตรงตัว คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล ไปเอง

นาทีที่ 35 เควิน เดอ บรอยน์ เปิดฟรีคิกนอกกรอบอีกครั้ง ก่อนหยอดให้ โรดรี โขกส่งบอลตุงตาข่ายไปแล้ว แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินตีธงล้ำหน้า ทำให้ แมนฯซิตี้ ชวดได้ประตูที่สอง

และก็เหมือนโดนลงโทษทันที เมื่อ เลสเตอร์ ใช้โอกาสโต้กลับก่อนมาได้ลูกจุดโทษ เมื่อ เจมี่ วาร์ดี้ ไปโดน ไคล์ วอล์คเกอร์ เหนี่ยวล้มในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ชี้เป็นลูกจุดโทษให้ทีมเยือนทันที ก่อนนาทีที่ 38 เจมี่ วาร์ดี้ จะรับหน้าที่สังหารไม่พลาด ยิงให้ เลสเตอร์ ตีเสมอได้สำเร็จ 1-1

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก แมนฯซิตี้ เปิดบ้านเสมอกับ เลสเตอร์ 1-1


มาลุ้นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 51 เรือใบสีฟ้า เปลี่ยนตัวผู้เล่นหวังเพิ่มแนวรุกโดยส่ง เลียม ดีแลป ศูนย์หน้าดาวรุ่งลงไปแทน แฟร์นันดินโญ่

นาทีที่ 53 แมนซิตี้ มีลุ้นบวกสกอร์ขึ้นนำเมื่อ ริยาด มาห์เรซ ได้โอกาสกระชากตัดหน้ากรอบเขตโทษก่อนกดด้วยเท้ายซ้ายเต็มๆ บอลพุ่งแรงหลุดออกข้างเสาประตูไปนิดเดียว

และนาทีถัดมากลับเป็น เลสเตอร์ ที่ออกนำ 2-1 จากจังหวะโตกลับไว ยูริ ตีเลอมันส์ จ่ายบอลอย่างสวยให้ ติโมธี คาสตานเญ่ ได้หลุดขึ้นไปผ่านบอลหักข้อสุดริมเส้นฝั่งขวายัดเข้ามาในเขตโทษและเป็น วาร์ดี้ ที่ใช้ความไววิ่งปาดหน้าแข้งซิตี้ก่อนยิงลูกไขว้ระยะเผาขนเข้าไปที่เสาแรกทำเอา โมราเอส ที่หวังดักทางรับบอลป้องกันได้เพียงสายตาเท่านั้น

นาทีที่ 57 เลสเตอร์ ดูเหมือนจะได้ใจเกือบได้จดสกอร์เพิ่มอีกครั้ง วาร์ดี้ คืนบอลให้ เดนนิส ปราต วิ่งเข้ามาตะบันเต็มข้อระยะประมาณ 25 หลากลางกรอบเขตโทษบอลพุ่งทำท่าจะเสียบโคนเสาแต่ไม่ผ่านมือ โมราเอส ที่พุ่งปัดไว้ได้อย่างหวุดหวิด

นาทีถัดมาทีมเยือนมาได้จุดโทษ เอริก การ์เซีย เสียท่าไปตัดฟาวน์ใส่ วาร์ดี้ ด้านหลังล้มลงในเขตโทษผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก และเป็น วาร์ดี้ ที่ลุกขึ้้นมารับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ เลสเตอร์ ออกนำห่าง 3-1 และนับเป็นการทำแฮตทริกของ เจมี่ วาร์ดี้ อีกด้วย

นาทีที่ 64 แมนซิตี้ น่าจะได้ประตูตีตื้นเมื่อ เลียม ดีแลป ได้โขกเต็มๆ หัวแต่บอลกลับพุ่งไปชนคานอย่างจังแถมไร้โชคหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

เลสเตอร์ มาได้ประตูนำห่าง 4-1 นาทีที่ 77 จากลูกยิงสุดสวยของ เจมส์ แมดดิสัน ที่เปลี่ยนตัวลงมาแทน เดนนิส ปราต ไม่ถึง 10 นาที โดย แมดดิสัน ได้จังหวะบรรจงปั่นโค้งด้วยเท้าขวาบริเวรฝั่งขวาของกรอบเขตโทษระยะประมาณ 20 หลาบอลพุ่งมุดเสียงใต้คานเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 83 แมนซิตี้ ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 19 หลากลางกรอบเขตโทษเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งเข้ามาซัดแตไปติดกำแพงกระดอนออกหลังเป็นลูกเตะมุม

และจากจังหวะนี้เอง แมนซิตี้ ได้ประตูขยับขึ้นมาเป็น 2-4 เมื่อ มาห์เรซ เปิดมุมทางฝั่งซ้ายบอลลอยโค้งมาเข้าหัว นาธาน อาเก้ ได้โขกเต็มๆ บอลเข้าไปกองก้นตาข่าย

สามนาทีถัดมาจิ้งจอกสีน้ำเงินได้ประตูนำห่างเป็น 5-2 จากลูกจุดโทษจากการทำฟาวน์ด้านหลังเข้าใส่ เจมส์ แมดดิสัน ของ แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ และเป็น ยูริ ตีเลอมันส์ รับหน้าที่ซัดเข้าไปไม่พลาด ในนาทีที่ 88

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกมเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ เร่งเครื่องยิงแซง แมนซิตี้ ถึงถิ่น 5-2 คว้าสามแต้มสำคัญพร้อมขยับขึ้นไปยึดตำแหน่งจ่าฝูงลีกได้สำเร็จ โดยมี 9 คะแนนเท่ากับเอฟเวอร์ตัน แต่มีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า


รายชือผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริก การ์เซีย, นาธาน อาเก้, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ - แฟร์นันดินโญ่ (เลียม ดีแลป น.51), โรดรี เอร์นานเดซ - ฟิล โฟเด้น ( เฟร์ราน ตอร์เรส น.64), เควิน เดอ บรอยน์, ริยาด มาห์เรซ - ราฮีม สเตอร์ลิง

ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


เลสเตอร์ (5-4-1) : คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ติโมธี คาสตานเญ่, จอนนี่ อีแวนส์ (คริสเตียน ฟุคส์ น.80), แดเนียล อมาร์ตี้, ซากลาร์ โซยุนชู, เจมส์ จัสติน - น็อมปาลิส เมนดี้ , ยูริ ตีเลอมันส์, เดนนิส ปราต (เจมส์ แมดดิสัน น.69), ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ - เจมี่ วาร์ดี้ (เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ น.85)

ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.