25
ก.ย.
"โฟเด้น" ฮีโร่!แมนซิตี้ทัพสำรองเปิดรังเฉือนหวิวบอร์นมัธศึกคาราบาวคัพ

1ba017cf8f07b8bc8fc50059e5d11b99.jpg

ฟิล โฟเด้น สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยช่วย "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จัดผู้เล่นสำรองลงยกทีมเปิดบ้านเฉือนเก็บชัยเหนือ บอร์นมัธ ไปอย่างสนุก 2-1 ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบสาม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบสาม
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 63
แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) 2 - 1 บอร์นมัธ (แชมเปี้ยนชิพ)


สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

เริ่มเกมมาได้ 3 นาที บอร์นมัธ มีโอกาสทักทายก่อน อดัม สมิธ ได้จังหวะกลับตัวซัดหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลเหินข้ามคานไปไกล แถมผู้ช่วยผู้ตัดสินยังยกธงล้ำหน้าในจังหวะก่อนหน้าอีกด้วย

นาทีที่ 11 แมนซิตี้ตอบโต้กลับมาบ้างและเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ เฟร์ราน ตอร์เรส เข้าไปยิงติดตัว มาร์ค ทราเวอร์ส นายด่านทีมเยือนที่ออกมาปิดมุมได้ดี

จนแล้วจนรอดแมนซิตี้ที่ครองเกมได้มากกว่ามาได้ประตูนำ 1-0 นาทีที่ 18 เมื่อ ฟิล โฟเด้น โชว์การจ่ายบอลเหนือชั้นตัดแผงกองหลังบอร์นมัธเลยไปถึง เลียม ดีแลป ได้กดด้วยเท้าซ้ายระยะเกือบ 18 หลาบอลพุ่งทแยงมุมเสยใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม

แต่แล้วเพียงแค่ 4 นาทีถัดมาบอร์นมัธ ไล่ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จเริ่มจากการพาบอลเกือบครึ่งสนามของ เดวิด บรู๊คส์ จี้เข้าหากรอบเขตโทษแมนซิตี้ก่อนจ่ายให้ แดน กอสลิ่ง ที่จิ้มบอลต่อให้ แซม เซอร์ริดจ์ ทันทีก่อน เซอร์ริดจ์ จะรับบอลด้วยเท้าซ้ายแล้วหมุนตัวหลอก อาเดรียน เบร์นาเบ้ แข้งเจ้าถิ่นที่พยายามตามมาบล็อกแล้วกดเน้นๆ ด้วยเท้าขวาบอลพุ่งทแยงเสียบเสาไกลผ่านมือ แซ็ค สเตฟเฟ่น เข้าไปทำเอาตาข่ายสั่นสะเทือน

เคลื่อนมาถึงนาทีที่ 32 อาเดรียน เบร์นาเบ้ แข้งแมนซิตี้มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง เบนฌาแม็ง เมนดี้ ลงมาเล่นแทน

ท้ายครึ่งแรกทั้งสองทีมต่างเปิดเกมรุกเข้าหากันแต่จังหวะยังขาดๆ เกินๆ ทำให้แทบไม่มีโอกาสจบสกอร์ทั้งคู่ หมดครึ่งแรกจึงทำให้เสมอกันไปที่ผลสกอร์ 1-1


มาลุ้นต่อในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 49 แมนซิตี้ ที่โหมเกมบุกและครองเกมได้มากกว่าได้ลุ้นจากจังหวะกึ่งยิงกึ่งผ่านของ ริยาด มาห์เรซ บริเวณมุมกรอบเขตโทษฝั่งขวาบอลตกลงพื้นแล้วผ่านเสาไกลไปได้แค่หวาดเสียวเท่านั้น

นาทีที่ 51 ยังคงเป็นทัพเรือใบสีฟ้าที่พยายามสร้างโอกาสเจาะประตูเพิ่ม โรดรี้ ได้ตั้งป้อมหวดบอลกลางกรอบเขตโทษถึงสองครั้งสองคราและก็ไม่ติดแข้งทีมเยือนทั้งสองครั้ง ก่อนที่ ริยาด มาห์เรซ จะวิ่งเข้ามาซ้ำดาบสามแต่กดบอลไม่ลงส่งผลให้เหินข้ามคานออกไปไกล

นาทีที่ 54 บอร์นมัธ สวนกลับขึ้นมาบ้างบอลมาอยู่ที่ แซม เซอร์ริดจ์ ได้กดเน้นๆ ในเขตโทษแมนซิตี้แต่ดันไม่พ้นแผงหลังเจ้าถิ่นที่ช่วนกันตามมาบล็อกบอลพ้นเขตอันตราย

นาทีถัดมาทีมเยือนยังทำได้ดี เดวิด บรู๊คส์ จ่ายบอลตัดแผงหลังเรือใบหวังไปให้ แซม เซอร์ริดจ์ ที่วิ่งเกือบไปรับบอลได้แต่ถูก แซ็ค สเตฟเฟ่น นายด่านเจ้าถิ่นที่อ่านเกมดีออกนอกกรอบประตูออกมาล้มตัวหวดบอลออกไปได้

นาทีที่ 59 ไคล์ วอล์คเกอร์ เติมเกมขึ้นมาตะบันไกลหน้าระยะประมาณ 20 บอลไปติดแข้งบอร์นมัธออกหลังไปเป็นลูกเตะมุม

ดูเหมือนว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนซิตี้จะอยู่เฉยไม่ได้ตัดสินใจส่ง เควิน เดอ บรอยน์ ลงมาเสริมแนวรุกและถอด โรดรี้ ออกในนาทีที่ 61

จังหวะถัดมา ฟิล โฟเด้น ได้โอกาสหวดเน้นๆ กลางกรอบเขตโทษบอร์นมัธแต่ทิศทางบอลไม่ดีเหินข้ามคานออกไปอีกครั้ง

นาทีที่ 65 แมนซิตี้ ได้ฟรีคิกทางมุมฝั่งขวาของกรอบเขตโทษเป็น เควิน เดอ บรอยน์ รับหน้าที่เปิดบอลแต่ก็ไม่ผ่านแข้งทีมเยือนที่โหม่งเคลียร์ออกไปได้

สองนาทีถัดมาเรือใบสีฟ้าเสริมเกมบุกเข้าไปอีกโดยเปลี่ยน ราฮีม สเตอร์ลิง ลงมาแทน โทมัส ดอยล์

นาทีที่ 71 เจ้าบ้านได้ฟรีคิดอีกครั้งทางฝั่งขวาและก็เป็น เควิน เดอ บรอยน์ ที่เปิดบอลผ่านหน้าประตูออกไปแบบไมได้ลุ้น

ผ่านมาถึงนาทีที่ 75 แมนซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะหวดเต็มข้อตรงกลางกรอบเขตโทษไปชนเสาอย่างจังของ ริยาด มาห์เรซ แล้วบอลกระเด้งมาเข้าทาง ฟิล โฟเด้น หวดซ้ำดาบสองสวนตูมด้วยเท้าขวาเข้าไปไม่เหลือ

นาทีที่ 79 เกมหยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อ เลียม ดีแลป ดาวยิงเรือใบวิ่งเข้าไปชาร์จ มาร์ค ทราเวอร์ส ผู้รักษาประตูบอร์นมัธ ถึงขั้นแพทย์ประจำทีมต้องลงมาปฐมพยาบาลในสนามแต่ก็สามารถเล่นต่อไปได้ในขณะที่ ดีแลป ถูกใบเหลืองไปตามระเบียบ

บอร์นมัธ ได้ลุ้นทวงประตูตีเสมอนาทีที่ 87 เมื่อได้ลูกฟรีคิดทางฝั่งซ้าย ลูอิส คุก เปิดยัดเข้ามาให้เขตโทษแมนซิตี้เข้าหัว แซม เซอร์ริดจ์ ได้ลอยตัวโหม่งเหน่งๆ แต่กดไม่ลงบอลหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มจบเกม แมนซิตี้ เปิดบ้านเฉือน บอร์นมัธ ไปอย่างสนุก 2-1 ส่่งผลให้ทัพเรือใบสีฟ้าผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ (3-4-2-1) : แซ็ค สเตฟเฟ่น, ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริค การ์เซีย, เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส - ฟิล โฟเด้น, โรดรี้ (เควิน เดอ บรอยน์ น.61), โทมัส ดอยล์ (ราฮีม สเตอร์ลิง น.67), อาเดรียน เบร์นาเบ้ (เบนฌาแม็ง เมนดี้ น.33) - ริยาด มาห์เรซ, เฟร์ราน ตอร์เรส - เลียม ดีแลป

บอร์นมัธ (3-5-1-1) : มาร์ค ทราเวอร์ส - แจ็ค ซิมพ์สัน, เอ็นนัมดี้ โอโฟบอร์, ลอยด์ เคลลี่ (จอร์แดน เซมูร่า น.28) - ดิเอโก้ ริโก้ (สตีฟ คุก น.64), ฟิลิปป์ บิลลิง, แดน กอสลิ่ง, ลูอิส คุก, อดัม สมิธ - เดวิด บรู๊คส์ (กาวิน คิลเคนนี่ น.76) - แซม เซอร์ริดจ์

ผู้ตัดสิน : จอน มอสส์

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.