|
2
ส.ค. โอบาเบิ้ล! อาร์เซน่อลเจ๋งแซงดับเชลซี10คน ผงาดเอฟเอ คัพ สมัยที่14
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กัปตันทีมของ "ปืนใหญ่" เหมาคนเดียวสองประตูพาทีมแซงเอาชนะ เชลซี ที่เหลือแค่ 10 คน 2-1 ส่งผล มิเกล อาร์เตต้า คว้าโทรฟี่แรกของตัวเองในฐานะกุนซือ และพา อาร์เซน่อล ผงาดคว้าแชมป์รายการนี้สูงสุดเป็นสมัยที่ 14 คว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า ยูโรปาลีก ฤดูกาลหน้าสำเร็จ ในศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม (สนามกลาง) ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2019-20 เป็นการดวลกันของสองทีมจากลอนดอนระหว่าง อาร์เซน่อล แชมป์สูงสุด 13 สมัย ที่รอบตัดเชือกเอาชนะ "เรือใบสีฟ้า" 2-0 เข้ามาชิงดำพบกับ "สิงห์บลูส์" แชมปรายการนี้ 8 สมัย ซึ่งปราบ "ปีศาจแดง" มาในรอบรองชนะเลิศ 3-1 เกมนี้ มิเกล อาร์เตต้า วาง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ เป็นหน้าเป้าและให้ นิโกล่าส์ เปเป้ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กัปตันทีมทำเกมรุกริมเส้น เช่นเดียวกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ของสิงห์บลูส์วางสามประสานแนวรุกเป็น เมสัน เมาน์ท, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ คริสเตียน พูลิซิช สตาร์ทเกมครึ่งแรก มาแค่ 3 นาที อาร์เซน่อล ได้ทักทายก่อนหลัง เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ครอสบอลมาเสาแรกให้ โอบาเมย็อง สะบัดโขกเสาแรกแต่บอลหลุดกรอบออกไป อีกนาทีต่อมา "สิงห์บลูส์" เกือบได้ชิงขึ้นนำก่อนหลัง กรานิต ชาคา เสียบอลโดน เมสัน เมาน์ท แย่งบอลก่อนลากเข้าไปซัดนอกกรอบกว่า 20 หลาบอลพุ่งจะเสียบเสาแรกอยู่แล้วแต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ โชว์ซูเปอร์เซฟบินปัดออกไปได้ กระนั้น แค่นาทีที่ 5 เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้บอลจาก คริสเตียน พูลิซิช ออกซ้ายให้ เมสัน เมาน์ท ปาดเข้ากลางไปแฉลบแข้งไอ้ปืนใหญ่ก่อนมาถึง ชิรูด์ ดีดคืนหลังให้ พูลิซิช ที่ตามมาซัดด้วยขวาผ่านตัว มาร์ติเนซ เข้าไป นาที 17 ดานี่ เซบายอส เรียกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษของเชลซีได้ ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นมาปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงเฉียดคานไปแบบได้เสียว นาที 25 นิโกล่าส์ เปเป้ วิ่งมาปั่นด้วยซ้ายเข้าเสียบมุมตาข่ายอย่างงามหยดไปแล้ว ทว่าผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะที่ เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ล้ำหน้าไปก่อน กระนั้น อีกนาทีถัดมา "ปืนใหญ่" มาได้ลูกที่จุดโทษหลัง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ไปดึง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ในกรอบเขตโทษ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ เป่าให้จุดโทษพร้อมรอสัญญาณจาก VAR ก่อนจะยืนยันให้อาร์เซน่อลได้และเป็น โอบาเมย็อง ที่ยิงเสียบมุมเข้าไปให้ อาร์เซน่อล ไล่ตีเสมอ เชลซี 1-1 ในนาทีที่ 28 นาที 35 แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง อัซปิลิกวยต้า กัปตันทีมเชลซีมีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง อันเดรียส คริสเตนเซ่น นาที 36 "สิงห์บลูส์" โต้กลับขึ้นมาอีกครั้ง อลอนโซ่ แทงบอลลึกให้ เมสัน เมาน์ท จ่ายคืนหลังมาให้ จอร์จินโญ่ วิ่งมาอัดด้วยขวาบอลเหินคานออกไปไกล นาที 45 นิโกล่าส์ เปเป้ เรียกฟรีคิกให้ปืนใหญ่ได้บอลเส้น 18 หลา ก่อนที่ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ จะลองซัดด้วยขวาไปเสาไกลบอลผ่านกำแพงติดไซด์ก้อยออกไป จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล เสมอกับ เชลซี 1-1 กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลัง แค่นาทีที่ 46 สิงห์บลูส์เกือบแซงขึ้นนำหลัง คริสเตียน พูลิซิช ควบพาบอลจากครึ่งสนามเข้าไปซัดด้วยขวาแต่บอลหลุดกรอบออกไป และจากจังหวะนี้ทำให้เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังต้นขาจนเล่นต่อไม่ไหว ก่อนที่นาทีต่อมา แลมพาร์ด จะเปลี่ยนคนที่สองส่ง เปโดร ลงมาเล่นแทน นาที 62 เปโดร ควบบอลเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษไอ้ปืนใหญ่ก่อนจะดึงจังหวะแล้วจ่ายออกขวาให้ รีซ เจมส์ เติมขึ้นมาซัดเต็มแรงบอลเหินคานออกไปไกล นาที 67 กลายเป็น อาร์เซน่อล แซงขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ เอคตอร์ เบเยริน กระชากบอลโซโล่เดี่ยวขึ้นมาก่อนที่บอลจะทะลักไปเข้าทาง เปเป้ แล้วจ่ายขวางมาให้ โอบาเมย็อง ล็อคขวาหนี คูร์ท ซูม่า ก่อนจะชิพด้วยซ้ายผ่านตัว วิลลี่ กาบาเยโร่ เข้าไปอย่างเหนือชั้นเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ นาที 73 สถานการณ์ของ เชลซี ต้องแย่ลงไปอีกหลังต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ มาเตโอ โควาซิช โดนใบเหลืองที่สองจากจังหวะไปย่ำเท้าใส่ กรานิต ชาคา จนเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม ท้ายเกม นาที 88 อาร์เซน่อล ต้องเปลี่ยนเอา ดาวิด ลุยซ์ ออกหลังมีอาการเจ็บก่อนจะส่ง โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ลงไปคุมหลังแทน ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม อาร์เซน่อล แซงเอาชนะ เชลซี ที่เหลือ10คน 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 14 อีกทั้งยังคว้าสิทธิ์ไปเล่นถ้วยยูโรปาลีกในฤดูกาลหน้าสำเร็จ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ - ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์ (โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส น.88), คีแรน เทียร์นี่ย์ (เซอัด โคลาซินัช น.90+13) - เอคตอร์ เบเยริน, ดานี่ เซบายอส, กรานิต ชาคา, เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส - นิโกล่าส์ เปเป้, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง - อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (เอ็ดเวิร์ด เอ็นเคเทียห์ น.82) ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า เชลซี (3-4-3) : วิลลี่ กาบาเยโร่ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (อันเดรียส คริสเตนเซ่น น.35), อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น.78), คูร์ท ซูม่า - รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ - เมสัน เมาน์ท (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.79), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (แทมมี่ อบราฮัม น.78), คริสเตียน พูลิซิช (เปโดร น.49) ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์ สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม (สนามกลาง) ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2019-20 เป็นการดวลกันของสองทีมจากลอนดอนระหว่าง อาร์เซน่อล แชมป์สูงสุด 13 สมัย ที่รอบตัดเชือกเอาชนะ "เรือใบสีฟ้า" 2-0 เข้ามาชิงดำพบกับ "สิงห์บลูส์" แชมปรายการนี้ 8 สมัย ซึ่งปราบ "ปีศาจแดง" มาในรอบรองชนะเลิศ 3-1 เกมนี้ มิเกล อาร์เตต้า วาง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ เป็นหน้าเป้าและให้ นิโกล่าส์ เปเป้ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กัปตันทีมทำเกมรุกริมเส้น เช่นเดียวกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ของสิงห์บลูส์วางสามประสานแนวรุกเป็น เมสัน เมาน์ท, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ คริสเตียน พูลิซิช สตาร์ทเกมครึ่งแรก มาแค่ 3 นาที อาร์เซน่อล ได้ทักทายก่อนหลัง เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ครอสบอลมาเสาแรกให้ โอบาเมย็อง สะบัดโขกเสาแรกแต่บอลหลุดกรอบออกไป อีกนาทีต่อมา "สิงห์บลูส์" เกือบได้ชิงขึ้นนำก่อนหลัง กรานิต ชาคา เสียบอลโดน เมสัน เมาน์ท แย่งบอลก่อนลากเข้าไปซัดนอกกรอบกว่า 20 หลาบอลพุ่งจะเสียบเสาแรกอยู่แล้วแต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ โชว์ซูเปอร์เซฟบินปัดออกไปได้ กระนั้น แค่นาทีที่ 5 เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้บอลจาก คริสเตียน พูลิซิช ออกซ้ายให้ เมสัน เมาน์ท ปาดเข้ากลางไปแฉลบแข้งไอ้ปืนใหญ่ก่อนมาถึง ชิรูด์ ดีดคืนหลังให้ พูลิซิช ที่ตามมาซัดด้วยขวาผ่านตัว มาร์ติเนซ เข้าไป นาที 17 ดานี่ เซบายอส เรียกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษของเชลซีได้ ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นมาปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงเฉียดคานไปแบบได้เสียว นาที 25 นิโกล่าส์ เปเป้ วิ่งมาปั่นด้วยซ้ายเข้าเสียบมุมตาข่ายอย่างงามหยดไปแล้ว ทว่าผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะที่ เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ล้ำหน้าไปก่อน กระนั้น อีกนาทีถัดมา "ปืนใหญ่" มาได้ลูกที่จุดโทษหลัง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ไปดึง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ในกรอบเขตโทษ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ เป่าให้จุดโทษพร้อมรอสัญญาณจาก VAR ก่อนจะยืนยันให้อาร์เซน่อลได้และเป็น โอบาเมย็อง ที่ยิงเสียบมุมเข้าไปให้ อาร์เซน่อล ไล่ตีเสมอ เชลซี 1-1 ในนาทีที่ 28 นาที 35 แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง อัซปิลิกวยต้า กัปตันทีมเชลซีมีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง อันเดรียส คริสเตนเซ่น นาที 36 "สิงห์บลูส์" โต้กลับขึ้นมาอีกครั้ง อลอนโซ่ แทงบอลลึกให้ เมสัน เมาน์ท จ่ายคืนหลังมาให้ จอร์จินโญ่ วิ่งมาอัดด้วยขวาบอลเหินคานออกไปไกล นาที 45 นิโกล่าส์ เปเป้ เรียกฟรีคิกให้ปืนใหญ่ได้บอลเส้น 18 หลา ก่อนที่ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ จะลองซัดด้วยขวาไปเสาไกลบอลผ่านกำแพงติดไซด์ก้อยออกไป จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล เสมอกับ เชลซี 1-1 กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลัง แค่นาทีที่ 46 สิงห์บลูส์เกือบแซงขึ้นนำหลัง คริสเตียน พูลิซิช ควบพาบอลจากครึ่งสนามเข้าไปซัดด้วยขวาแต่บอลหลุดกรอบออกไป และจากจังหวะนี้ทำให้เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังต้นขาจนเล่นต่อไม่ไหว ก่อนที่นาทีต่อมา แลมพาร์ด จะเปลี่ยนคนที่สองส่ง เปโดร ลงมาเล่นแทน นาที 62 เปโดร ควบบอลเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษไอ้ปืนใหญ่ก่อนจะดึงจังหวะแล้วจ่ายออกขวาให้ รีซ เจมส์ เติมขึ้นมาซัดเต็มแรงบอลเหินคานออกไปไกล นาที 67 กลายเป็น อาร์เซน่อล แซงขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ เอคตอร์ เบเยริน กระชากบอลโซโล่เดี่ยวขึ้นมาก่อนที่บอลจะทะลักไปเข้าทาง เปเป้ แล้วจ่ายขวางมาให้ โอบาเมย็อง ล็อคขวาหนี คูร์ท ซูม่า ก่อนจะชิพด้วยซ้ายผ่านตัว วิลลี่ กาบาเยโร่ เข้าไปอย่างเหนือชั้นเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ นาที 73 สถานการณ์ของ เชลซี ต้องแย่ลงไปอีกหลังต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ มาเตโอ โควาซิช โดนใบเหลืองที่สองจากจังหวะไปย่ำเท้าใส่ กรานิต ชาคา จนเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม ท้ายเกม นาที 88 อาร์เซน่อล ต้องเปลี่ยนเอา ดาวิด ลุยซ์ ออกหลังมีอาการเจ็บก่อนจะส่ง โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ลงไปคุมหลังแทน ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม อาร์เซน่อล แซงเอาชนะ เชลซี ที่เหลือ10คน 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 14 อีกทั้งยังคว้าสิทธิ์ไปเล่นถ้วยยูโรปาลีกในฤดูกาลหน้าสำเร็จ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ - ร็อบ โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์ (โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส น.88), คีแรน เทียร์นี่ย์ (เซอัด โคลาซินัช น.90+13) - เอคตอร์ เบเยริน, ดานี่ เซบายอส, กรานิต ชาคา, เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส - นิโกล่าส์ เปเป้, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง - อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ (เอ็ดเวิร์ด เอ็นเคเทียห์ น.82) ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า เชลซี (3-4-3) : วิลลี่ กาบาเยโร่ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (อันเดรียส คริสเตนเซ่น น.35), อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น.78), คูร์ท ซูม่า - รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ - เมสัน เมาน์ท (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.79), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (แทมมี่ อบราฮัม น.78), คริสเตียน พูลิซิช (เปโดร น.49) ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์ |
|