|
3
ก.ค. แชมป์หมดสภาพ!ลิเวอร์พูลโดนแมนซิตี้ถล่มเละ "สเตอร์ลิง" ยิงทีมเก่า
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แชมป์ลีกซีซั่นนี้ถึงกับหมดสภาพเมื่อโดน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มโหดไล่ถล่มยับ 4-0 นัดนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง อดีตแข้งทีมเยือนซัดประตูได้อีกด้วย ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันพฤหัสบดีที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฏาคม 2563 แมนฯ ซิตี้ 4 - 0 ลิเวอร์พูล สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม ก่อนเริ่มเกมผู้เล่น แมนซิตี้ ยืนตั้งแถวบริเวณทางเดินลงสนามพร้อมกับปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้เล่นลิเวอร์พูลในฐานะแชมป์ลีกสูงสุดซีซั่นนี้ที่การันตีไปก่อนหน้านี้แล้ว เริ่มเกมนาทีที่ 4 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะวางบอลยาวของ ฟาน ไดค์ ไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พักอกแล้วตวัดยิงทันที แต่ยังไปติดเซฟของ เอแดร์ซอน ที่พุ่งปัดไว้ได้แต่บอลกลับไหลไปเข้าทง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ตามมาซ้ำดาบสองแต่น้ำหนักเบาเกินไปทำให้ เอแดร์ซอน ยังตามมารับไว้ได้อีกครั้ง ผ่ามมาถึงนาทีที่ 10 เควิน เดอ บรอยน์ ได้โอกาสกระชากบอลก่อนหวดเต็มข้อในกรอบเขตโทษลิเวอร์พูล แต่ดันไปติดบล็อกของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา นาทีที่ 14 แมนซิตี้ทำเสียวจากการเปิดบอลของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ทางฝั่งซ้ายพุ่งเลยผ่านแผงหลังหงส์แดงไปทางเสาไกลมี ฟิล โฟเด้น ที่พยายามล้มตัวแหย่เท้าแต่ไม่ถึงส่งผลให้บอลหลุดออกหลังไป นาทีที่ 19 ลิเวอร์พูล หวิดได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะสวนกลับไว ฟีร์มิโน่ หักข้อส่งบอลให้ ซาลาห์ พาบอลกระชากตัดเข้าในบริเวณกรอบเขตโทษก่อนกดด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อบอลพุ่งแรงผ่านมือ เอแดร์ซอน ไปชนเสาอย่างจังแต่ยังไหลไปเข้าทาง มาเน่ ที่ตามมาเก็บบอลแต่เจ้าตัวดันจับไม่ดีบอลหลุดออกเส้นหลังไปอย่งน่าเสียดาย "ทัพเรือใบสีฟ้า" ขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 25 เมื่อได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ใช้ความสามารถเฉพาะตัวบังบอลพาเข้าไปในกรอบเขตโทษทีมเยือนก่อนถูก โจ โกเมซ ดึงล้มลง แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ผู้ตัดสินนัดนี้ไม่รอช้าเป่าฟาวล์แถมให้ใบเหลืองกับ โจ โกเมซ อีกด้วย และเป็น เควิน เดอ บรอยน์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือซาก นาทีที่ 33 เอแดร์ซอน โมราเอส นายด่านแมนซิตี้โชว์การอ่านเกมด้วยการวิ่งออกมาตัดบอลนอกกรอบเขตโทษทางฝั่งซ้ายก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะถึงบอลแล้วมีโอกาสหลุดเข้าไปยิงประตู นาทีที่ 35 แมนซิตี้นำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะไหลบอลแบบงามหยดของ ฟิล โฟเด้น บริเวณกลางกรอบเขตโทษไปให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดขึ้นไปแต่งบอลเข้าเท้าขวาก่อนจิ้มผ่านตัว อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้าไปกองก้นตาข่าย เกมรุกของซิตี้ยังคงดุดันแถมฉีกแนวรับทัพหงส์แดงแบบขาดกระจุย นาทีที่ 45+1 ทำประตูทิ้งห่างเป็น 3-0 จากจังหวะทำชิ่งของ ฟิล โฟเด้น ที่พลิกตัวส่งให้ เดอ บรอยน์ ก่อน โฟเด้น วิ่งไปรับบอลอีกครั้งแล้วกระชากเข้าไปซัดผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ทำเอาตาข่ายสั่นสะเทือน จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ โชว์ฟอร์มเกินคาดเปิดบ้านนำ ลิเวอร์พูล 3-1 มาลุ้นต่อครึ่งเวลาหลัง ลิเวอร์พูลปรับแผนโดนส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงเล่นแทน โจ โกเมซ นาทีที่ 49 กาเบรียล เชซุส เกือบบวกสกอร์เพิ่มให้แมนซิตี้ได้จากความผิดพลาดของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่จะทุ่มให้เพื่อนร่วมทีมแต่ไม่ถึงเลยถูก เชซุส ใช้ความเร็วตัดบอลกระชากจี้เข้าหาเขตโทษก่อนตัดสินใจแปเล่นทางแต่ไม่ดีพอบอลไหลเข้ามือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ รับเข้ามือ นาทีที่ 52 แมนซิตี้ ยังคงเปิดเกมบุกขึ้นมาอีกครั้ง เควิน เดอ บรอยน์ ได้หลุดไปเปิดบอลทางฝั่งขวาให้ โฟเด้น ที่จุดนัดพบวิ่งเข้ามาแปเน้นๆ แต่ไปติดแข้งหงส์แดงตัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสได้ประตูไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 54 เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตัดบอลได้แล้วแทงทะลุช่องให้ มาเน่ หลุดเดี่ยวเข้าไปแต่แข้งเซเนกัลกลับจับบอลไม่อยู่ปล่อยให้ไหลหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 57 ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิก มาเน่ ถูก เอริค การ์เซีย เบียดล้มลงตรงเส้นกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเรียกดูวีเออาร์เพื่อความชัวร์และยืนยันให้เป็นการทำฟาวล์นอกเขตโทษ และ เป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รับหน้าที่สังหารแต่ควบคุมทิศทางไม่ดีบอลหลุดออกข้างเสาไป ผ่านมาถึงนาทีที่ 66 แมนซิตี้ ไม่ยอมผ่อนเกมได้ประตูนำขาด 4-0 เควิน เดอ บรอยน์ จ่ายบอลตัดแนวรับหงส์แดงให้ สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปหักหลอกหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ บอลทำท่าจะไม่ตรงกรอบแต่กลับไปถูกขา อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่พยายามยื่นมาสกัดเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง นาทีที่ 76 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นประตูจาก ซาลาห์ ที่ปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายนอกกรอบเขตโทษแต่น้ำหนักดูเหมือนจะเบาเกินไปทำให้ เอแดร์ซอน กระโดดรับไว้ไร้ปัญหา ช่วงทดเวลานาทีที่ 90+4 แมนซิตี้ เกือบได้ประตูที่ 5 เมื่อ ริยาด มาห์เรซ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดประตูผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้าไปแต่เมื่อย้อนดูวีเออาร์แล้วเกิดการแฮนด์บอลก่อนในจังหวะที่ มาห์เรซ จะหลุดเดี่ยวจึงทำให้ไม่ได้ประตู จบเกม แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม ลิเวอร์พูลยับเยิน 4-0 รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์ ( ชูเอา คันเชโล่ น.73), นิโกลัส โอตาเมนดี้, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ (์นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.79), เอริค การ์เซีย - อิลคาย กุนโดกัน, โรดรี้ - เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น, ราฮีม สเตอร์ลิง (แบร์นาร์โด้ ซิลวา น.79) - กาเบรียล เชซุส (ริยาด มาห์เรซ น.58) ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เนโก วิลเลี่ยมส์ น.76), โจ โกเมซ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.46), เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม (นาบี เกอิต้า น.62) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.62), ซาดิโอ มาเน่ (ทาคูมิ มินามิโนะ น.85) ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์ |
|