|
20
มิ.ย. ป็อกบาเรียกโทษ-บรูโน่ซัดเจ๊า! แมนยูชวดขึ้นที่4แค่บุกแบ่งแต้มสเปอร์ส
สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น แม้จะซัดให้เจ้าถิ่น สเปอร์ส ขึ้นนำไปก่อน แต่ครึ่งหลัง ปอล ป็อกบา ตัวสำรองลงมาเรียกจุดโทษก่อนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะซัดให้ทีมบุกมาแบ่งแต้ม 1-1 โดย "ปีศาจแดง" ยังอยู่อันดับ 5 เหมือนเดิมมี 46 แต้มตามหลัง อันดับ 4 เชลซี สองคะแนน ส่วน "ไก่เดือยทอง" รั้งอันดับ 8 ศึกรีสตาร์ท พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา สนาม : ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม "บิ๊กแมตช์" รีสตาร์ท พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน สเปอร์ส อันดับ 8 รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 5 ของตาราง เกมนี้หากลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา บุกมาคว้าสามแต้มได้จะแซง เชลซี ขึ้นอันดับ 4 ทันที โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ของทัพ "ไก่เดือยทอง" จัดแนวรุกอย่าง แฮร์รี่ เคน, สตีเว่น เบิร์กไวจ์น และซน ฮึง-มีน ขณะที่ "ปีศาจแดง" พัก ปอล ป็อกบา ไว้ข้างสนามส่ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ปั้นเกมโดยมี มาร์คัส แรชฟอร์ด และอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ล่าตาข่าย เริ่มครึ่งแรก นาที 13 สเปอร์ส ได้โอกาสส่องเข้ากรอบทักทายก่อนเลย จาก ซน ฮึง-มิน หวดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลไม่แรงพอพุ่งไปเข้ามือ ดาบิด เด เคอา "ปีศาจแดง" ต้องรอถึง นาที 22 ถึงจะได้ส่องเข้ากรอบเป็นหนแรก หลัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดบอลเข้ามา ดาวินซอน ซานเชซ สกัดบอลผิดเหลี่ยมไปเข้าทาง แรชฟอร์ด ยิงแบบไม่จับแต่บอลยังไปโดน อูโก้ โยริส เซฟออกมาได้ ถัดมาไม่ถึงนาที ลุค ชอว์ ตัดบอลได้ก่อนหักเข้ากลางแล้วจิ้มให้ เฟร็ด ดึงเข้าซ้ายข้างถนัดแล้วซัดไปเสาไกลแต่บอลยังเบาไปเข้ามือ โยริส แต่กลายเป็นลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เฮก่อน หลังซัดประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ แซร์จ โอริเย่ร์ ตัดบอลขึ้นหน้าให้ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ ใช้สปีดและความแข็งแรงเบียดแนวรับผีแดงเข้าไปตะบันด้วยขวาบอลพุ่งแรงจน ดาบิด เด เคอา ปัดไม่อยู่ก่อนปลิ้นเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด นาที 31 สตีเว่น เบิร์กไวจ์น ครอสมาเสาแรก ซน ฮึง มิน ขึ้นโขกบอลพุ่งเกือบจะเป็นประตูอยู่แล้วแต่ เด เคอา ยังเหินปัดมือเดียวออกไป นาที 41 แดเนียล เจมส์ ต้องรับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม หลังตามไปเสียบข้างหลังใส่ เอริค ดายเออร์ อย่างน่าเกลียด ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาที 45+2 ทีมเยือนเกือบได้ลุ้นตีเสมอ หลัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส พาบอลขึ้นมาหน้ากรอบก่อนสับไกยิงกว่า 25 หลาบอลพุ่งติดไซด์ก้อยก่อนไปเข้าซอง อูโก้ โยริส ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วินาที บรูโน่ จะมีอาการเจ็บแต่ยังลุกมาเล่นต่อได้ จบครึ่งแรก สเปอร์ส ขึ้นนำ แมนฯยูไนเต็ด 1-0 ครึ่งหลังยังไม่มีการเปลี่ยนตัว นาที 54 ฝั่งทีมเยือนเกือบได้ลุ้นตีเสมอ บรูโน่ แฟร์นันด์ส พาบอลขึ้นมาเองก่อนแทงให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลากเข้าหน้ากรอบแล้วจ่ายออกขวาให้ บรูโน่ ที่เติมมาซัดด้วยขวาไปเสาไกลบอลพุ่งเฉียดเสาออกไปแบบได้ลุ้น นาที 63 โซลชา เปลี่ยนทีเดียวสองคน ส่ง ปอล ป็อกบา และเมสัน กรีนวู้ด ลงมาแทน เฟร็ด และแดเนี่ยล เจมส์ เกมรุกของ "ผีแดง" ดูดีและมีมิติมากขึ้นมาเลย อีกสองนาทีถัดมา ป็อกบา จ่ายบอลเข้ากลางให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก่อนจะแทงทะลุให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กดด้วยขวาแต่ยังมี เอริค ดายเออร์ พุ่งมาบล็อคออกไปได้ นาที 67 แมนฯยู พลาดโอกาสตีเสมออีกคราวนี้ ลุค ชอว์ ตะลุยขึ้นมาเองก่อนครอสเลียดไปหน้าประตูให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แต่งบอลเข้าซ้ายแล้วอัดเปรี้ยงไปตรงตัว อูโก้ โยริส เหินปัดออกไปหวุดหวิด เข้าสู่นาทีที่ 70 สเปอร์ส เปลี่ยนตัวบ้างส่ง โจวานนี่ โล เซลโซ่ และเก็ดสัน แฟร์นันด์ส ลงไปเล่นแทนสตีเฟ่น เบิร์กไวน์ และเอริค ลาเมล่า ขณะที่ "ปีศาจแดง" เปลี่ยนอีกสองคนเช่นกันส่งทั้ง โอเดียน อิกาโล่ และเนมานย่า มาติช ลงแทน วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล นาที 81 แมนฯยูไนเต็ด มาได้ลูกที่จุดโทษหลัง ปอล ป็อกบา โชว์สเต็ปหลอกล่อ เอริค ดายเออร์ ก่อนที่สุดท้าย ดายเออร์ จะไปรวบข้างหลัง ผู้ตัดสิน โจนาธาน มอสส์ ชี้เป็นจุดโทษทันทีก่อนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะยิงเข้าไปไม่พลาดให้ "ปีศาจแดง" ไล่ตีเสมอ 1-1 ท้ายเกม นาที 88 สเปอร์ส มาได้ลูกฟรีคิกกว่า 25 หลาหน้ากรอบ ทว่า แฮร์รี่ เคน ยิงไม่ดีไปติดกำแพง ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม สเปอร์ส เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 แบ่งแต้มกันไปทีมละหนึ่งคะแนน รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม สเปอร์ส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส - แซร์ช โอริเย่ร์, เอริค ดายเออร์, ดาวินซอน ซานเชซ, เบน เดวิส - แฮร์รี่ วิงค์ส, มูสซ่า ซิสโซโก้ - สตีเฟ่น เบิร์กไวน์, เอริก ลาเมล่า, ซน ฮึง-มิน - แฮร์รี่ เคน ผู้จัดการทีม : โชเซ่ มูรินโญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด - แดเนียล เจมส์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด - อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์ |
|