|
12
ธ.ค. ลิเวอร์พูลทำได้เขี่ยนาโปลีร่วง ควงปารีสฯเข้า16ทีมชปล.
"หงส์แดง" ทำได้สำเร็จ หลังเปิดแอนฟิลด์บดเอาชนะนาโปลีแบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมพาทีมซิวสามแต้มมี 9 คะแนนเท่ากับนาโปลีแต่ประตูยิงได้มากกว่า คว้าตั๋วเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ตามหลังแชมป์กลุ่ม เปแอสเช ที่บุกไปทุบเซอร์เวน่ามาได้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี นัดสุดท้าย เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา สนาม : แอนฟิลด์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี ทั้ง นาโปลี, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และลิเวอร์พูล ต้องลุ้นเข้ารอบเกมสุดท้ายนัดนี้ เพื่อหาสองทีมเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป โดย "หงส์แดง" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เกมนี้ต้องชนะให้ได้สถานเดียวเพื่อการการันตีเข้ารอบต่อไป แนวรรับเกมนี้จะขาด โจ โกเมซ ที่มีอาการบาดเจ็บข้อเท้าต้องพักยาวกว่า 6 สัปดาห์ ทำให้ต้องส่ง โฌแอล มาติป ยืนเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ขณะที่แนวรุกยังเป็นสามประสานชุดเก่งทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และซาดิโอ มาเน่ ส่วนทางฝั่ง นาโปลี เกมนี้หลักๆเลยแค่ไม่แพ้จะทะยานเข้ารอบน็อคเอาท์ร่วมกับ ปารีสฯ ทันที เกมนี้ คาร์โล อันเชลอตติ เทรนเนอร์มากประสบการณ์ยังจัดแนวรุกชุดเก่งเหมือนเดิม 3 อันตรายทั้ง โฆเซ่ กาเยฆอน, ดรีส์ เมอร์เท่นส์ และ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ร่วมล่าตาข่าย ออกสตาร์ทเกมมาได้แค่ 7 นาที "หงส์แดง" หวิดชิงขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะที่ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลเข้ากลางมาให้ ซาลาห์ ที่ยืนโล่งๆ แต่ดาวยิงชาวอียิปต์ดันจับบอลยาวไปเลยไปเข้าซองออสปิน่าที่ออกมาตะครุบได้ทัน ถัดมานาทีเดียว เป็นโอกาสของทีมเยือนที่ตอบโต้ทันควัน บอลมาถึง มาเร็ค ฮัมซิค กัปตันทีมได้โอกาสยิงวอลเลย์แต่บอลเหินคานออกไป เกมเริ่มเดือด นาที 13 ฟาน ไดค์ รับใบเหลืองไปเป็นคนแรก หลังเข้าไปเสียบ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ จนดาวยิงชาวเบลเยียมมีอาการเจ็บ นาที 22 แฟนหงส์ต้องเฮกันเก้อ หลัง ซาลาห์ ไหลออกข้างให้ เทรนท์ ปาดมาเสาสองให้ ซาดิโอ มาเน่ อัดด้วยซ้ายเข้าไป แต่ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน "หงส์แดง" ครองบอลได้เหนือกว่า โหมบุกเป็นชุดๆ นาที 32 เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมได้ลองส่องไกลบ้างแต่บอลหลุดเสาแรกออกไป กระนั้นอีกสองนาทีต่อมา นาที 34 คราวนี้ แฟนหงส์ได้เฮสนั่นลั่นแอนฟิลด์กันเลย เมื่อเจมส์ มิลเนอร์ แทงบอลให้ ซาลาห์ พลิกหนี รุยซ์ ก่อนกระชากหลบ คูลิบาลี่ เข้าไปซัดมุมแคบผ่านตัว ออสปิน่า เข้าไปอย่างเหนือชั้น ให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ นาโปลี 1-0 นาโปลี แทบจะหาโอกาสจะๆเข้าไปยิงในเขตอันตรายของ "หงส์แดง" ไม่ได้เลย ช่วงทดเจ็บ เมอร์เท่นส์ ได้ยิงไกลร่วม 40 หลาจากครึ่งสนาม แต่บอลก็เบาไปและไม่เข้ากรอบ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ นาโปลี 1-0 กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง แค่นาที 48 "หงส์แดง" ได้ลุ้นก่อนเลย เมื่อ ซาลาห์ ตักบอลมาให้ ไวนัลดุม ยิงด้วยขวาบอลซัดโด่งออกหลังไปแบบหมดลุ้น นาที 50 เจ้าถิ่นหวิดนำห่างอีกหนึ่งเม็ด หลัง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้บอลก่อนแทงบอลออกขวาให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปยิงมุมแคบแต่บอลบดหลุดเสาออกไป หงส์แดง โจมตีเป็นระลอกๆ นาที 58 ฟาน ไดค์ ที่เติมขึ้นสูงตะบันไกลกว่า 35 หลาบอลพุ่งแรงติดไซด์ก้อยหลุดกรอบไปแบบได้เสียวเช่นกัน เกมเจ้าถิ่นค่อนข้างไหลลื่น นาโปลี ตั้งรับอยุ่ฝ่ายเดียว นาที 61 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จ่ายบอลมาให้ เฮนเดอร์สัน แต่กัปตันทีมหงส์แดง ยิงบอลเบาไม่พ้นมือออสปิน่าเซฟไว้ได้ เท่านั้นไม่พอ นาทีต่อมา มิลเนอร์ ได้ปั่นด้วยขวานอกกรอบอีกบอลพุ่งติดไซด์แต่โค้งไม่พอหลุดเสาสองออกไปแบบได้ลุ้น นาที 73 เป็นโอกาสของ นาโปลี บ้าง มิลิค ไหลบอลให้ ซีลินสกี้ ได้หวดด้วยซ้ายแต่บอลเหินโด่งข้ามคานออกไป 5 นาทีต่อมา แฟนเจ้าถิ่นได้เสียวอีกหน เมื่อเฮนเดอร์สันเปิดฟรีคิกมาในกรอบเขตโทษ ฟาน ไดค์ วอลเลย์แต่ยิงไม่ถนัดบอลไต่เท้าหลุดกรอบออกไป ท้ายเกม นาที 82 เจ้าถิ่นได้ลูกเตะมุม มิลเนอร์ เล่นสั้นกับ เทรนด์ ก่อนที่่จะเปิดบอลเข้ากรอบมาให ้ไวนัลดุม ขึ้นโขกบอลเฉียดเสาสองออกไป ช่วงทดเจ็บ "อัซซูร์ร่า" หวิดตีเสมอจนได้ หลัง มิลิค ซัดเต็มข้อแต่บอลไปติดเซฟของ อลีสซง ที่ช่วยทีมเอาไว้ได้ จบเกม ผู้ตัดสินชาวสโลวีเนียเป่าหมดเวลาเป็นอันว่า ลิเวอร์พูล ทำได้เปิดรังบดเอาชนะ นาโปลี แบบหวุดหวิด 1-0 ทะยานเข้ารอบ 16 ทีมหลังมี 9 คะแนนเท่ากับ นาโปลี แม้เฮดทูเฮดจะเท่ากันแต่ "หงส์แดง" ประตูยิงได้มากกว่า เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ตามแชมป์กลุ่มอย่าง เปแอสเช ที่เก็บได้ 11 คะแนนหลังนัดสุดท้ายบุกไปคว้าชัยเซอร์เวน่าฯ มาได้ รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม ลิเวอร์พูล : (4-3-3) อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม), เจมส์ มิลเนอร์ - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์ นาโปลี :(4-3-3) ดาวิด ออสปิน่า - นิโคล่า มัคซิโมวิช, ราอูล อัลบิโอล, คาลิดู กูลิบาลี่, มาริโอ รุย - อัลลัน, มาเร็ค ฮัมซิค (กัปตันทีม), ฟาเบียน รูอิซ - โฆเซ่ กาเยฆอน, ดรีส์ เมอร์เท่นส์, ลอเรนโซ่ อินซินเย่ เทรนเนอร์ : คาร์โล อันเชลอตติ ผู้ตัดสิน: ดามีร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย) |
|