|
19
ก.พ. ซาอูลซัดชัย! ลิเวอร์พูลทื่อบุกพ่ายแอตมาดริด-พร้อมสถิติไม่น่าจำ
ซาอูล ญิเกซ กลายเป็นฮีโร่ของ "ตราหมี" หลังซัดประตูชัยตั้งแต่ 4 นาทีแรกก่อนพา แอตเลติโก มาดริด บดเอาชนะแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล แบบหวุดหวิด 1-0 ซึ่งเกมนี้ "หงส์แดง" ทำสถิติที่ไม่น่าจดจำเมื่อยิงไม่เข้ากรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นหนแรกนับแต่ต้นเดือนตุลาคม ปี 2018 ที่พบกับนาโปลี ทำให้ทัพหงส์ต้องไปลุ้นเข้ารอบในนัดที่สองที่แอนฟิลด์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา สนาม : ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แอตเลติโก มาดริด เปิดรังรับการมาเยือนของแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล โดยทั้งคู่เคยเจอกันที่นี่เมื่อ 22 เม.ย. 2010 ซึ่งเป็น "ตราหมี" ที่เบียดเอาชนะหงส์แดงไปได้หวุดหวิด 1-0 ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ สถิติยอดเยี่ยมไม่เคยพาทีมแพ้ในบ้านในรอบน็อคเอาท์ แชมเปี้ยนส์ ลีก นับแต่มาคุมตราหมี แมตช์นี้แม้สภาพทีมจะไม่สมบูรณ์ ขาดตัวหลักอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ และชูเอา เฟลิกซ์ ที่บาดเจ็บ แต่ยังได้ ดีเอโก้ คอสต้า หายเจ็บมีชื่อเป็นสำรอง โดยแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ อัลบาโร่ โมราต้า และ อังเคล กอร์เรอา ส่วนทางฝั่ง "หงส์แดง" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สภาพทีมสมบูรณ์พร้อมใช้ชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำโดยสามประสาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ เริ่มเกมมาได้แค่ 4 นาที แฟนตราหมีได้เฮกันลั่นอย่างรวดเร็ว เมื่อเจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โกเก้ เปิดเตะมุมมากลางประตู บอลตกพื้นมาโดน ฟาบินโญ่ ไปเข้าทาง ซาอูล ญิเกซ แปด้วยขวาผ่าน อลีสซง เข้าไป เกมรุกของตราหมีบุกได้น้ำได้เนื้อกว่า นาที 21 ซาอูล ญิเกซ ครอสบอลเลียดไปเสาไกล บอลจะถึง โมราต้า ที่เตรียมจะง้างเท้ายิงอยู่แล้วแต่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จะพุ่งมาสไลด์สกัดบอลออกหลังได้ทัน นาที 26 เจ้าถิ่นเกือบได้เม็ดที่สองนำห่าง โธมัส ปาร์เตย์ ตักบอลขึ้นหน้าโดน ฟาน ไดด์ เคลียร์ไปเข้าทาง อัลบาโร่ โมราต้า หลุดเข้าไปก่อนดึงหลบ ฟาบินโญ่ แล้วซัดด้วยขวาไปติดขาของอลีสซง จากนั้นไม่ถึงนาที ยาน โอบลัค ออกบอลพลาดเตะขึ้นหน้าไปเข้าเท้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แตะบอลยาวก่อน ฟีร์มีโน่ จะไหลคืนให้ ซาลาห์ ยิงเข้าไป ทว่าไม่ได้ประตูเนื่องจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงมาช้ายืนในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนทำให้ "หงส์แดง" ชวดทวงประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย นาที 36 ลิเวอร์พูล เกือบได้ลุ้นตีเจ๊า หลัง มาเน่ แหวกบอลเข้ามาในเขตโทษก่อนบอลถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หักเข้ากลางให้ โม ซาลาห์ หวดด้วยซ้ายกลางประตูแต่บอลยังไปติดหัว เฟลิเป้ ออกหลัง จบครึ่งแรก แอตเลติโก มาดริด ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 1-0 กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น โดย เจ้าบ้านถอดเอา โตมาส์ เลอมาร์ ออกแล้วส่ง มาร์กอส ยอเรนเต้ ส่วนทางฝั่ง "หงส์แดง" ส่ง ดิว็อก โอริกี้ ลงไปเล่นแทน ซาดิโอ มาเน่ ลูกทีมของคล็อปป์บุกกดดันอย่างหนัก นาที 53 พลาดได้ลูกตีเสมออีกหน หลัง โจ โกเมซ เปิดบอลยาวมาเสาไกลให้ โม ซาลาห์ ยืนโล่งๆเทกตัวโขกบอลถากเสาออกไปแบบได้เสียว ซาอูลซัดชัย! ลิเวอร์พูลทื่อบุกพ่ายแอตมาดริด-พร้อมสถิติไม่น่าจำ นาที 68 เจ้าบ้านโต้ขึ้นมาคราวนี้เกือบได้ลุ้นประตูที่สอง เรนาน โรดี้ ไหลเข้ากลางให้ อัลบาโร่ โมราต้า วิ่งมาจะยิงแต่เจ้ากรรมดันลื่นก่อนโดนเคลียร์ออกไป นาที 71 เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีก คราวนี้ โธมัส ปาร์เตย์ จ่ายบอลออกซ้ายให้ เรนาน โลดี้ วิ่งมากดด้วยซ้าย ถัดมาอีกนาที เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนคนที่สองส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงไปเล่นแทนโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทีมเยือนพยายามอย่างหนักหวังจะตีเจ๊าให้ได้ นาที 83 แชมเบอร์เลน ทีเพิ่งลงมาได้ลองซัดไกลยิงบ้างแต่บอลก็เหินคานสูงไปไกล ท้ายเกม แม้ลูกทีมของ คล็อปป์ จะโหมโจมตีกดดันแต่ยังไม่สามารถเจาะกำแพงแนวรับของเจ้าถิ่นได้ หมดเวลาผู้ตัดสินเป่าจบเกม แอตเลติโก มาดริด เบียดเอาชนะ ลิเวอร์พูล แบบหวุดหวิด 1-0 กุมความได้เปรียบในเกมแรกไปได้ก่อน นัดที่สองจะกลับมาเล่นที่แอนฟิลด์รังเหย้าของ "หงส์แดง" ในวันที่ 11 มีนาคม นี้ รายชื่อผู้เล่นที่ทั้งสองทีม แอตเลติโก มาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค - ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้, สเตฟาน ซาวิช, เฟลิเป้, เรนาน โลดี้ - โตมาส์ เลอมาร์ (มาร์กอส ยอเรนเต้ น.46), โธมัส ปาร์เตย์, โกเก้, ซาอูล ญีเกซ - อัลบาโร่ โมราต้า (บิโตโล่ น.71), อังเคล กอร์เรอา (ดีเอโก้ คอสต้า น.77) เทรนเนอร์ : ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เจมส์ มิลเนอร์ น.80), ฟาบินโญ่, จอร์จินโอ ไวนัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.72), โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ (ดิว็อก โอริกี้ น.46) เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ตัดสิน : ซีมอน มาร์ซิเนียค (โปแลนด์) |
|