|
18
พ.ย. 'เคน' ซัด - 'เมาน์ท' ยิงปิด!อังกฤษซิวแชมป์กลุ่มหลังอัดโคโซโวคัดยูโร2020
แฮร์รี่ เคน ซัดประตูที่สอง ขณะที่ เมสัน เมาน์ท ยิงปิดฝากล่องช่วย "สิงโตคำราม" อังกฤษ บุกยำ โคโซโว คาบ้าน 4-0 ส่งผลให้อังกฤษคว้าแชมป์กลุ่มไปครองพร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายอย่างสวยงาม ในศึกฟุตบอล ยูโร 2020 (รอบคัดเลือก กลุ่ม เอ) เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย. ศกนี้ ฟุตบอล ยูโร 2020 (รอบคัดเลือก กลุ่ม เอ) วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562 โคโซโว 0 - 4 อังกฤษ สนาม : สตาดิโอน ฟาดิล ว็อครี่ "สิงโตคำราม" อังกฤษ การันตีผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเกมนี้จบเพียงแค่ผลเสมอจะคว้าแชมป์กลุ่มทันที แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือใหญ่จัดทัพโดยใช้ระบบ 4-3-3 โดยผู้รักษาประตูหยิบยื่นโอกาสให้ นิค โป๊ป ลงมาอวดฝีมือ ขณะที่แผงหลัง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนคู่ ไทโรน มิงส์ มี เบน ชิลเวลล์ กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ขนาบฝั่งซ้ายและขวา แดนกลาง ประกอบไปด้วย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, เดแคลน ไรซ์ และ แฮร์รี่ วิงค์ ส่วนกองหน้า คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย และ ราฮีม สเตอร์ลิง ประกบ แฮร์รี่ เคน เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 7 โคโซโว ได้โอกาสทักทายก่อนเมื่อบอมบอลยาวเข้ามาในเขตโทษอังกฤษมาเข้าหัว อัตเฮ นูฮิอู ยื่นสะบัดโขกระยะไม่ถึง 10 หลาแต่น้ำหนักเบาเกินไปเข้ามือ นิค โป๊ป รับไว้ได้สบาย เคลื่อนมาถึงนาทีที่ 15 ทัพ "ทรี ไลออนส์" ทำเกมรุกขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนบอลไปถึง แฮร์รี่ เคน ที่จับบอลในกรอบเขตโทษเจ้าถิ่นแล้วไหลย้อนมาให้ ราฮีม สเอตร์ลิง ง้างเท้าขวาหวดเต็มข้อบอลทำท่าจะพุ่งเข้าประตูแต่ถูกปฏิเสธโดย อริยาเน็ต มูริช ที่ทะยานตัวปัดออกมาได้ก่อนที่แผงหลังโคโซโวจะช่วยกันเคลียร์บอลพ้นขีดอันตราย ผ่านมาถึงนาทีที่ 27 เบนยามิน โคโลลลี่ แข้งโคโซโวเติมเกมขึ้นมซัดไกลระยะเกือบ 35 หลาบอลลอยโด่งข้ามคานออกไปไกล ครบครึ่งชั่วโมงพอดิบพอดี อังกฤษ ที่ดูเหมือนจะไม่ได้เร่งเกมอะไรนักตอบโต้ขึ้นมาบ้างบอลไปอยู่ที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ใช้ความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลตัดขวางตามแนวกรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยเท้าขวาบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ยังไปตรงตัว อริยาเน็ต มูริช รับไว้ได้ไร้ปัญหา นาทีที่ 32 อังกฤษ ออกนำ 1-0 จนได้จากจังหวะจ่ายบอลสุดคมของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไปให้ แฮร์รี่ วิงค์ ที่วิ่งโฉบเข้ามารับบอลก่อนเจ้าตัวหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลเดี่ยวกับ มูริช แล้วโยกหลอกเลือกมุมยิงเข้าไปไม่ยากเย็น 10 นาทีต่อมา โคโซโว ได้ลุ้นทวงประตูคืน ฟลอร็องต์ ฮาเดอร์โกนาจ์ ไหลบอลย้อนมาให้ เบอร์แซนท์ เซลิน่า ซัดจังๆ กลางกรอบเขตโทษอังกฤษแต่เตะใต้บอลเกินไปทำให้ลอยโด่งออกข้ามคานไปอีกหน จบครึ่งแรก อังกฤษ บุกมานำ โคโซโว ไปก่อน 1-0 มาลุ้นต่อครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 48 อังกฤษ ได้ลูกฟรีคิกตรงมุมกรอบเขตโทษฝั่งขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ รับหน้าที่เปิดบอลแต่ไม่ดีลึกไปเข้ามือ นูริช นายด่านเจ้าบ้าน สองนาทีถัดมา โคโซโว ได้ลุ้น วาลอน เบริช่า มีโอกาสหวดเต็มข้อกลางกรอบเขตโทษของฝั่งอังกฤษบอลหลุดออกข้างเสาไปนิดเดียวได้เสียวไส้ นาทีที่ 59 แกเร็ธ เซาธ์เกต ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกโดยส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงมาแทน คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย นาทีที่ 70 โคโซโว ได้เสียวไส้ ฟลอร็องต์ ฮาเดอร์โกนาจ์ มีโอกาสทำสกอร์ตีไข่แตกแต่ไม่ผ่านมือ นิค โป๊ป ที่โชว์เซฟไว้ได้ นาทีที่ 72 อังกฤษเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนที่สอง เมสัน เมาน์ท ถูกส่งลงมาแทน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เลยมาถึงนาทีที่ 80 อังกฤษ นำห่าง 2-0 จากจังหวะกระชากบอลไปสุดริมเส้นฝั่งขวาของ ราฮีม สเตอร์ลิง ก่อนตะวัดเปิดไปติดขา ฟิดาน อลิติ แล้วกระดอนไปเข้าทาง แฮร์รี่ เคน ที่ยืนรออยู่เสาไกลแปเข้าไปไม่เหลือซาก นาทีที่ 83 ทัพสิงโตคำรามได้ประตูนำห่าง 3-0 ราฮีม สเตอร์ลิง กระชากลากจี้ก่อนไหลบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทางฝั่งขวาวิ่งเข้ามาเลือกยิงเล่นทางหนีมือ อริยาเน็ต มูริช เข้าไป นาทีถัดมา อังกฤษ เปลี่ยนผู้เล่นคนสุดท้ายโดยถอด เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ออกแล้วส่ง ฟิยาโก้ โทโมริ ลงมาเล่นแทน นาทีที่ 90+1 อังกฤษ ได้ประตูปิดกล่อง 4-0 เมื่อแผงหลังโคโซโว เสียท่าลื่นล้มทำให้ แฮร์รี่ เคน ที่ยืนตัดบอลได้แล้วส่งต่อให้ เมสัน เมาน์ท แปเน้นๆ ด้วยเท้าซ้ายบอลโค้งผ่านมือ มูริช เสียบโคนเสาเข้าไปไม่เหลือ จบเกม อังกฤษ บุกมาไล่อัด โคโซโว คาถิ่น 4-0 คว้าสามแต้มเต็มพร้อมกับคว้าแชมป์กลุ่ม เอ และผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายตามคาด รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม โคโซโว (4-3-3) : อริยาเน็ต มูริช - ฟิดาน อลิติ, อาเมียร์ ราห์มานี่, เบนยามิน โคโลลลี่, เมอร์กิม โวจ์โวด้า - อิบราฮิม เดร์เซวิช, วาลอน เบริช่า, เบอร์แซนท์ เซลิน่า - มิล็อต ราชิก้า, ฟลอร็องต์ ฮาเดอร์โกนาจ์, อัตเฮ นูฮิอู เทรนเนอร์ : แบร์กนาร์ ชัลล็องเดส์ อังกฤษ (4-3-3) : นิค โป๊ป - แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไทโรน มิงส์, เบน ชิลเวลล์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (ฟิคาโย่ โทโมริ น.84) - เดแคลน ไรซ์, แฮร์รี่ วิงค์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (เมสัน เมาน์ท น.72) - คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.59), ราฮีม สเตอร์ลิง, แฮร์รี่ เคน สำรองไม่ได้ใช้ : ดีน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ แมดดิสัน, จอร์แดน พิคฟอร์ด, จอห์น สโตนส์, แดนนี่ โรส, คัลลั่ม วิลสัน, จาดอน ซานโช, แทมมี่ อบราฮัม, คีแรน ทริปเปียร์ เทรนเนอร์ : แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้ตัดสิน : พาเวล กิล (โปแลนด์) |
|