15
พ.ย.
'เคน' แฮตทริก!อังกฤษโหดจัดอัดมอนเตเนโกรยับลิ่วศึกยูโร2020


แฮร์รี่ เคน กดสามตุงเกม "สิงโตคำราม" อังกฤษ เปิดบ้านไล่ถล่มโหดใส่ มอนเตเนโกร 7-0 คว้าสามแต้มเต็มพร้อมผ่านเข้ารอบ 24 สุดท้ายเรียบร้อยแล้วในศึกฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป 2020 (คัดยูโร คัดเลือก กลุ่มเอ) เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป 2020
(คัดยูโร คัดเลือก กลุ่มเอ)
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2562
อังกฤษ 7 - 0 มอนเตเนโกร


สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม

สิงโตคำรามโหมบุกตั้งแต่ต้นเกมผ่านมาถึงนาทีที่ 6 อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หลุดขึ้นไปเปิดบอลริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ามาหวังให้ แฮร์รี่ เคน ที่ยืนรอที่จุดนัดพบ แต่ถูก มิลาน มิจาโตวิช นายด่านทีมเยือนตัดบอลไว้ได้
อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 11 อังกฤษ ออกนำ 1-0 จากจังหวะเปิดบอลโด่งของ เบน ชิลเวลล์ ตัดแผงหลังมอนเตเนโกรเลยไปถึง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่บรรจงดึงบอลลงด้วยเท้าขวาแล้วหวดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบมุมเสาไกลไปอย่างสวยงาม

นาทีที่ 17 สิงโตเกือบคำรามลั่นอีกครั้ง เมื่อ แฮร์รี่ เคน หักข้อส่งไปให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แล้วแทงบอลหลุดกับดักล้ำหน้าต่อไปถึง มาร์คัส แรชฟอ ที่ใช้ความเร็วควบขึ้นมารับบอลก่อนกดด้วยขวาเต็มข้อแต่ด้วยมุมที่มีไม่มากนักทำให้ไปติดเซฟ มิลาน มิจาโตวิช นายด่านมอนเตเนโกรที่รับศึกหนักในนัดนี้

นาทีถัดมา อังกฤษนำห่าง 2-0 จนได้เมื่อได้ลูกฟรีคิกทางกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายระยะประมาณ 24 หลา เป็น เบน ชิลเวลล์ ที่รับหน้าที่เปิดบอลลอยโค้งมาเข้าหัว แฮร์รี่ เคน ที่ใช้ความแข็งแกร่งเบียดเอาชนะแข้งทีมเยือนก่อนสะบัดโหม่งระยะเผาขนเข้าไปไม่เหลือซาก

ดูเหมือนว่าอังกฤษจะครองเกมไว้ได้เกือบทั้งหมด นาทีที่ 25 นำห่างออกไปอีกเป็น 3-0 จากลูกเตะมุม โดย เบน ซิลเวลล์ เจ้าเก่าเปิดไปเข้าหัว แฮร์รี่ เคน วิ่งปาดหน้าแผงหลังมอนเตเนโกรเข้าไปโขกเต็มหัวตรงเส้นกรอบประตูพอดิบพอดีเข้าไปไม่เหลือเล่นเอาตาข่ายถึงกับสั่นสะเทือน นับเป็นประตูที่สองของ เคน ในเกมนี้ และเป็นแฮตทริกแอสซิสต์ของ ซิลเวลล์ ในเกมนี้อีกด้วย

สองนาทีต่อมา มอนเตเนโกร น่าได้ประตูตีไข่แตก จากลูกฟรีคิก ซีด ฮาคซาบาโนวิค เปิดบอลเข้าไปกรอบเขตโทษของอังกฤษ ไปเข้าหัว มาร์โก ซิมิช ที่เติมเกมขึ้นมาโขกเต็มๆ บอลทำท่าจะพุ่งเสียบมุมเสาแรกแต่ถูกปฏิเสธสกอร์โดย จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่โชว์บินปัดออกไปได้

นาทีที่ 30 อังกฤษ ได้ประตูนำ 4-0 เมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เติมเกมขึ้นมาแล้วได้โขกจ่อๆ ไม่ถึง 10 หลาบอลไปตรงตัวและถูก มิลาน มิจาโตวิช เซฟออกมาได้จังหวะแรก แต่โชคไม่ดีบอลกระดอนมาเข้าทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ยืนอยู่โล่งๆ เจ้าตัวไม่รอช้าจับบอลแล้วกดเต็มข้อบอลพุ่งดุจจรวดเสียบเสาไกลเข้าไปสุดบรรยาย

สิงโตคำราม ยังคงไม่ผ่อนเกมและโหมบุกอย่างหนักต่อเนื่อง นาทีที่ 37 ออกนำขาด 5-0 จากการเปิดบอลสุดคมของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทางฝั่งขวาบอลลอยโด่งแล้วมุดลงไปถึง แฮร์รี่ เคน ใช้หน้าเท้าจับบอลลงแล้วหมุมตัวซัดทันทีด้วยระยะที่ไม่ถึง 8 หลาหมดปัญญาที่ มิจาโตวิช จะป้องกันได้

นาทีที่ 40 มอนเตเนโกร โต้กลับและได้ลุ้นทวงประตูเมื่อ ฟาตอส เบกิไร หลุดเดี่ยวเข้าไปดีดบอลด้วยข้างเท้าด้านขวาหวังหนีมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด แต่ด้วย พิคฟอร์ด ออกมาปิดมุมดีทำให้ปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

นาทีที่ 42 อังกฤษ หวิดได้ประตูอีกครั้งจากความสามารถเฉพาะตัวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ใช้ความเร็วกระชากบอลจากฝั่งซ้ายตัดเข้าไปทำชิ่งกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แล้วรับบอลมาอีกครั้งก่อนตัดสินใจซัดด้วยเท้าขวาหักข้อแต่บอลไปถูกแข้งทีมเยือนออกหลังไป

จบครึ่งแรก อังกฤษ เหนือกว่าทุกด้านนำห่าง มอนเตรเนโกร 5-0

มาลุ้นต่อครึ่งเวลาหลัง มาถึงนาทีที่ 55 ทีมชาติอังกฤษส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่าย มอนเตเนโกร จากจังหวะเติมเกมขึ้นไปเปิดบอลทางฝั่งขวาของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เลยไปถึงจุดนัดพบเข้าทาง แฮร์รี่ เคน ซัดเต็มๆ แต่บอลไปติด

แข้งมอนเตเนโกรเปลี่ยนทางเลยไปถึง เมสัน เมาน์ท แปเข้าไปจ่อๆ แต่ลูกนี้มีสัญญานจากผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้า

นาทีต่อมา อังกฤษ เปลี่ยนตัวคนแรกโดยถอด อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ออกและส่ง เจมส์ แมดดิสัน ลงมาเล่นแทน

นาทีที่ 57 อังกฤษ ตัดสินใจให้ แฮร์รี่ เคน ออกมาพักโดยส่ง แทมมี่ อบราฮัม ลงไปเล่นแทน โดยเกมนี้ เคน กดไปถึงสามประตู

อังกฤษได้ประตูนำ 6-0 นาทีที่ 66 จากจังหวะใช้ความเร็วกระชากไปสุดริมเส้นฝั่งซ้ายของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก่อนพลิกตัวเปิดบอลมาถึง จาดอน ซานโช ที่พยายามโหม่งจ่อๆ แต่ดันไปโดนตัวกระดอนย้อนมาเข้าทาง เมสัน เมาน์ท วิ่งเข้ามาหวังหวดเต้มข้อแต่โดนไม่ดีบอลเปลี่ยนทำท่าจะหลุดออกเสาไกลแต่ดันไปโดนขา อเล็กซานดาร์ โซฟาร์นัค กองหลังมอนเตเนโกรอย่างจังส่งผลให้บอลเปลี่ยนทางอีกครั้งเข้าประตูไป

ล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 84 ทัพสิงโตคำรามผลิตประตูนำขาด 7-0 จาดอน ซานโช หลุดขึ้นไปเปิดบอลสุดเส้นหลังทางฝั่งซ้ายเลยมาถึง แทมมี่ อบราฮัม ล้มตัวแปบอลจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย

เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม อังกฤษ ถล่ม มอนเตเนโกร 7-0 คว้าสามแต้มเต็มพร้อมกับผ่านเข้าไปอวดแข้งในรอบ 24 ทีมสุดท้ายปีหน้าเรียบร้อยแล้ว



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อังกฤษ (4-3-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด - แฮร์รี่ แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เบน ชิลเวลล์ - เมสัน เมาน์ท (โจ โกเมซ น.70), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ( เจมส์ แมดดิสัน น.56), แฮร์รี่ วิงส์ - มาร์คัส แรชฟอร์ด, จาดอน ซานโช, แฮร์รี่ เคน (แทมมี่ อบราฮัม น.57)
สำรองไม่ได้ใช้ : แดนนี่ โรส, ฟิกาโย โทโมรี่, ไทรอน มิงส์, คีแรน ทริปเปียร์, คัลลั่ม วิลสัน, นิค โป๊ป, ดีแคลน ไรซ์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, ดีน เฮนเดอร์สัน
เทรนเนอร์ : แกเร็ธ เซาธ์เกต

มอนเตเนโกร (4-3-2-1) : มิลาน มิจาโตวิช - มาร์โก ซิมิช, อเล็กซานดาร์ โซฟาร์นัค, ริสโต้ ราดูโนวิช (มอมคิโล่ ลาสโปโปวิช น.46), มาร์โก เวโซวิช - ดูซาน ลากาตอร์, เดนี่ ฮอกโก้, นิโคล่า วุคเซวิช - วาดิเมียร์ โยโววิช (มาร์โก ยานโควิช น.5), ซีด ฮาคซาบาโนวิค (อเล็กซานดาร์ โบลเยวิช น.74) - ฟาตอส เบกิไร
เทรนเนอร์ : ฟารุค ฮัดซิเบกิช

ผู้ตัดสิน : อันโตนิโอ มาเตว ลาออซ (สเปน)

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.