31
ต.ค.
ลิเวอร์พูลซัดทดเจ็บก่อนดวลเป้าดับอาร์เซน่อล ลิ่ว8ทีมคาราบาวคัพ


ดิว็อค โอริกี้ เหมาคนเดียวสองเม็ดและซัดช่วงทดเจ็บพา ลิเวอร์พูล ไล่เจ๊าอาร์เซน่อล 5-5 อย่างเหลือเชื่อก่อนช่วงดวลจุดโทษเด็กของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะแม่นเป้ากว่าเอาชนะทัพปืนใหญ่ไปได้ 5-4 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ ในศึกคาราบาว คัพ เมื่อคืนวันพุธที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา

สนาม : แอนฟิลด์

ฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบสี่ หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล เปิดศึกรับบิ๊กเนมอย่าง อาร์เซน่อล โดยรอบที่แล้วเจ้าถิ่น "หงส์แดง" ผ่าน เอ็มเค ดอนส์ มาได้ 2-0 ขณะที่ฝั่งไอ้ปืนใหญ่ รอบที่แล้วไล่ถล่ม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มายับเยิน 5-0

แค่นาทีที่ 6 เสียงเชียร์ในแอนฟิลด์ดังกระหึ่ม เมื่อ "หงส์แดง" ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เนโก วิลเลี่ยมส์ แบ็กขวาวัย 18 ปี ครอสบอลมาเสาแรก ชโคดราน มุสตาฟี่ พุ่งมาจะเคลียร์บอลแต่กลายเป็นสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป

กระนั้น นาที 19 ทัพปืนใหญ่ มาไล่ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ เมซุต โอซิล จ่ายเข้ากลางให้ บูกาโย่ ซาก้า ซัดด้วยขวาไปติดเซฟ ควิวีน เคลเลเฮอร์ ก่อนจะมาเข้าทาง ลูกัส ตอร์เรร่า วิ่งไปซ้ำเข้าไป

นาที 26 กลายเป็น อาร์เซน่อล ที่แซงขึ้นนำ 2-1 บ้าง จากจังหวะที่แนวรับหงส์แดงเคลียร์บอลไม่ขาด เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ครอสเข้ามาในกรอบ 6 หลา แม้ เคลเลเลอร์ จะปัดบอลออกมาได้แต่มาโดน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ตามมาซ้ำมุมแคบเสยเพดานตาข่ายเข้าไป

เด็กหงส์ยังเล่นกันได้ผิดพลาดทำเสียบอลหน้ากรอบ ก่อนนาที 36 บูกาโย่ ซาก้า จะได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบโล่งๆก่อนปาดมาหน้าประตูให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แปด้วยขวายิงเข้าไปไม่เหลือ อาร์เซน่อล บุกมานำ ลิเวอร์พูล 3-1

ท้ายครึ่งแรก นาที 43 มาร์ติเนลลี่ ที่ลงมาช่วยเกมรับมาทำเสียจุดโทษ หลังไปสกัดขา ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ เจมส์ มิลเนอร์ กัปตันทีมจะรับบทสังหารจุดโทษเข้าไปไม่พลาดให้ "หงส์แดง" ไล่มาเป็น 2-3 ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลัง นาที 54 กลายเป็นกัปตันทีมอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ที่พลาดหลังส่งคืนให้ ควิวีน เคลเลเฮอร์ สั้นเกินไปจนโดน เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส วิ่งไปจิ้มบอลหนีตัว เมซุต โอซิล โชว์ความขยันวิ่งมาเก็บบอลก่อนจะหยุดบอลดีดมาให้ เมทแลนด์-ไนล์ส ยิงง่ายๆเข้าไป สกอร์นำห่าง 4-2

เกมรุกแลกกันมันส์มาก นาที 58 เจ้าบ้านไม่ยอมง่ายๆ ไล่คืนมาเป็น 3-4 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน จิ้มบอลถึงก่อน เมทแลนด์-ไนล์ส ก่อนจะวอลเลย์ด้วยขวาเต็มแรงบอลติดไซด์ก้อยเสียบตาข่ายอย่างงดงาม

เท่านั้นไม่พอแฟนหงส์ในแอนฟิลด์เฮกันลั่นอีก เมื่อ ลิเวอร์พูล ไล่ตีเสมอ 4-4 ทันควัน ในนาที 62 เคอร์ติส โจนส์ ไหลให้ ดิว็อค โอริกี โชว์ความเหนือพลิกบอลก่อนตะบันด้วยขวาบอลเต็มแรง แม้ เอมิลิอาโน่ มาร์ติเนซ พยายามปัดแต่บอลปลิ้นเข้าไป

ยัง ยังไม่พอ ประตูที่ 9 ของเกมบังเกิด และเป็นทีมเยือนที่หนีห่างเป็น 5-4 อีกครั้ง นาที 71 จากจังหวะที่ มัตเตโอ เกนดูซี่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาจ่ายบอลไปให้ โจ วิลล็อค เลี้ยงบอลเข้าหน้าปากประตูแล้วสับไกยิงกว่า 25 หลาบอลพุ่งโค้งหนีมือ เคลเลเฮอร์ เข้าไปงามหยด

เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยชัยชนะของทัพปืน แต่แล้วช่วงทดเวลาเจ็บนาทีสุดท้าย 90+4 "หงส์แดง" มาทำเหลือเชื่อเมื่อไล่ตีเสมอ 5-5 จากจังหวะที่ เนโก วิลเลี่ยมส์ เปิดบอลมาให้ ดิว็อค โอริกี ล้มตัวยิงด้วยขวาเข้าไปอย่างสุดสวย

จบเกม "หงส์แดง" ไล่ตีเสมอ "ปืนใหญ่" 5-5 ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกที่จุดโทษทันที และเป็นลิเวอร์พูล ที่ยิงได้แม่นกว่าหลังยิงเข้ากันครบทุกคนเอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 5-4 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควิวีน เคลเลเฮอร์ - เนโก วิลเลี่ยมส์, โจ โกเมซ, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, เจมส์ มิลเนอร์ - อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (เปโดร ชิริเบย่า น.81), อดัม ลัลลาน่า, นาบี เกอิต้า (เคอร์ติส โจนส์ น.55) - ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ไรอัน บรูว์สเตอร์, ดิว็อค โอริกี

ผู้จัดการทีม : เยอร์เก้น คล็อปป์

อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : เอมิลิอาโน่ มาร์ติเนซ - เอ็คตอร์ เบเยริน, ชโคดราน มุสตาฟี่, ร็อบ โฮลดิ้ง, เซอัด โคลาซินัช (คีแรน เทียร์นี่ย์ น.83) - ลูกัส ตอร์เรร่า (ดานี่ เซบายอส น.72), โจ วิลล็อค - เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, เมซุต โอซิล (มัตเตโอ เกนดูซี่ น.65), บูกาโย่ ซาก้า - กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

ผู้จัดการทีม : อูไน เอเมรี่

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.