|
29
พ.ย. ปารีสเอาคืน! เนย์มาร์หวดหักปีกหงส์ ลิเวอร์พูลเครียดบู๊นาโปลีนัดท้ายลุ้นเข้า 16 ทีม
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ล้างแค้นได้สำเร็จ หลังเปิดรังไล่บดเอาชนะ "หงส์แดง" ไปอย่างสนุก 2-1 ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ตกที่นั่งลำบากนัดสุดท้ายต้องเอาชนะ นาโปลี ด้วยสกอร์ที่มากกว่าหนึ่งประตูถึงจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี เมื่อคืนวันพุธที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา สนาม : ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ (ปารีส, ฝรั่งเศส) เกมแรกที่แอนฟิลด์ เป็น ลิเวอร์พูล ที่เฉือนเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาได้ก่อน 3-2 ซึ่งก่อนแข่ง นาโปลี นำเป็นจ่าฝูง มี 6 คะแนน ส่วน "หงส์แดง" อยู่อันดับ 2 มี 6 คะแนนเท่ากัน (เฮดทูเฮดเป็นรองนาโปลี) ส่วน เปแอสเช อยู่ที่ 3 มี 5 คะแนน ข่าวดีของเจ้าถิ่นคือได้ทั้ง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ และ เนย์มาร์ หายเจ็บจากทีมชาติกลับมาช่วยทีม ส่วนทางฝั่ง ลิเวอรืพูล ได้ โจ โกเมซ กลับมายืนหลัง ส่วนแนวรุกไร้ปัญหายังเป็น 3 หอกอันตรายเหมือนเดิมทั้ง มาเน่, โม ซาลาห์ และฟีร์มีโน่ เปิดฉากมาได้แค่ 3 นาทีแรก ดิ มาเรีย แทงบอลสุดสวยทะลุให้ เอ็มบั๊ปเป้ หลุดเข้าไปซัดทักทายก่อนแต่บอลไปแฉลบ เดยัน ลอฟเรน แนวรับหงส์แดงได้เตะมุม เกมรุกของ เปแอสเช ได้น้ำได้เนื้อกว่า นาที 7 หวิดได้ประตูขึ้นนำ เมือ่ ดิ มาเรีย วอลเลย์นอกกรอบด้วยซ้ายบอลพุ่งจะเสียบเสาสองอยู่แล้วแต่ อลีสซง ยังพุ่งปัดออกหลังหวุดหวิด จนแล้วจนรอด "หงส์แดง" มาเสียประตูจนได้ นาที 13 จากจังหวะที่ เอ็มบั๊ปเป้ ปาดบอลเข้ากลาง ฟาน ไดค์ เคลียร์บอลไม่ดีไปเข้าทาง เบร์นาต จับบอลด้วยซ้ายก่อนอัดด้วยขวาบอลพุ่งเลียดเสียบเสาแรกเข้าไปให้ เปแอสเช ขึ้นนำ 1-0 โอกาสยิงหนแรกของ ลิเวอร์พูล ต้องรอถึงนาที 22 ซาลาห์ รับบอลในกรอบ 18 หลาก่อนยิงด้วยซ้าย แต่บอลเบาไปพุ่งเข้าข้างตาข่ายเสาแรก เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง แนวรุกของ ปารีสฯ ยังเล่นได้อย่างคึกคัก คราวนี้ เนย์มาร์ เลี้ยงแหวกทะลุขึ้นมาก่อนออกซ้ายให้ เอ็มบั๊ปเป้ ปาดเลียดมาในกรอบ 6 หลา บอลจะถึง คาวานี่ อยู่แล้วแต่ อลีสซง ยังออกมาบล็อกบอลจากเท้าได้ทัน แม้จังหวะต่อมา เนย์มาร์ จะชิพเล่นทางแต่บอลก็เบาไปเข้ามืออดีตนายด่านโรม่า นาที 34 โจ โกเมซ รับใบเหลืองเป็นคนที่ 2 ต่อจาก ไวนัลดุม หลังเอาเนย์มาร์ไม่อยู่ไปดึงเสื้ออย่างน่าเกลียด แนวรับ "หงส์แดง" เอาไม่อยู่จริงๆ นาที 37 เปแอสเช ทะยานนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับไว เนย์มาร์ ออกบอลเร็วไปทางซ้ายให้ เอ็มบั๊ปเป้ ควบบอลเข้าไปก่อนดีดด้วยขวาติดไซด์ก้อยให้คาวานี่ยิงไปติดเซฟ อลีสซง แต่บอลยังมาเข้าทาง เนย์มาร์ ยิงซ้ำเข้าไปไม่พลาด นาทีสุดท้ายครึ่งแรก มาเน่ ควบบอลเข้าไปเขตโทษปารีสฯ ก่อนโดน ดิ มาเรีย พุ่งมาเสียบจากด้านหลัง ผู้ตัดสินเป่าหนแรกชี้ไปที่ลูกเตะมุม ก่อนจะปรึกษากับไลน์แมน แล้วเปลี่ยนคำตัดสินแจกจุดโทษให้ทีมเยือน และเป็น เจมส์ มิลเนอร์ จะยิงเสียบมุมซ้ายมือตัวเองเข้าไป หมดสิทธิ์ที่ บุฟฟ่อน ที่พุ่งผิดทางจะเซฟ จบครึ่งแรก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 2-1 กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง แค่นาที 47 แฟนหงส์เสียวแว๊บเลย หลัง มาร์กินโญส ส่งบอลเข้าซุกก้นตาข่ายไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน "หงส์แดง" ค่อนข้างบีบเร็วเพรสซิ่งสูง ทำให้จังหวะต่อบอลของเจ้าถิ่นขาดๆ หายๆ และเป็นลูกทีมของ คล็อปป์ ที่เริ่มน่ากลัวขึ้น นาที 60 โรเบิร์ตสัน ครอสบอลมาเสาแรกให้ ฟีร์มีโน่ แต่หอกบราซิเลี่ยนโขกหลุดกรอบไปแบบไม่ได้ลุ้น นาที 64 ปารีสฯ เปลี่ยนผู้เล่นรวดเดียวสองคน ส่ง ดานี่ อัลเวส ลงมาเล่นแทน อังเคล ดิ มาเรีย และถอด เอดินสัน คาวานี่ ออกแล้วส่ง เอริค มักซิม ชูโป-โมติง เล่นแทน ส่วนทางฝั่ง ลิเวอร์พูล แก้เกมบ้าง นาที 66 ส่ง นาบี เกอิต้า ลงไปคุมกลางเล่นแทน จอร์จินโย่ ไวนัลดุม นาที 70 แฟนเปแอสเชเกือบได้เฮอีก หลัง มาร์กินโญส ทะยานโถมตัวขึ้นโขกบอลลงพื้น แต่ดีที่ อลีสซง นายด่านเลื่อดบราซิเลี่ยนพุ่งปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล เปลี่ยนคนที่สองส่ง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงไปเล่นแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก่อนที่นาที 77 จะถอดเอา เจมส์ มิลเนอร์ ออกแล้วส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่ ลงเล่นแทน นาที 83 โอกาสเจ้าถิ่นได้ลุยขึ้นมาบ้าง เอ็มบั๊ปเป้ จี้บอลดวลกับ โรเบิร์ตสัน แม้จะสปีดบอลกระชากเข้าไปยิงแต่ยังโดนแบ็กซ้ายเลือดสกอตต์เบียดเอาไว้ได้ทำให้ยิงบอลไม่ถนัดออกข้างไป ช่วงท้ายเกมไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม เปแอสเช เอาชนะ หงส์แดง ไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1 เก็บสามแต้มมี 8 คะแนน รั้งอันดับ 2 ส่วนลิเวอร์พูลมี 6 แต้ม เกมสุดท้ายต้องไปวัดกับนาโปลีจ่าฝูงของกลุ่ม เพื่อลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (4-2-3-1): จานลุยจิ บุฟฟ่อน - ธิโล เคห์เลอร์, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), เพรสแนล คิมเปมเบ้, ฆวน เบร์นาต - มาร์กินโญส, มาร์โก แวร์รัตติ - คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (อาเดรียง ราบิโอต์ น.85) , เนย์มาร์, อังเคล ดิ มาเรีย (ดานี่ อัลเวส น.65) - เอดินสัน คาวานี่ (เอริค มักซิม ชูโป-โมติง น.65) ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง - โจ โกเมซ, เดยัน ลอฟเรน, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - เจมส์ มิลเนอร์ (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.77), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม), จอร์จินโย่ ไวนัลดุม (นาบี เกอิต้า น.66) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.71), ซาดิโอ มาเน่ ผู้ตัดสิน : ซีมอน มาร์ซิเนียค (โปแลนด์) |
|