|
1
ก.ย. ลิเวอร์พูลเฮ4นัดติดบุกสอยเบิร์นลี่ย์ พร้อมทำสถิติใหม่
ลิเวอร์พูล ฟอร์มยังสุดยอดเยี่ยมกระเทียมดองหลังบุกไปอัดเบิร์นลี่ย์แบบไม่ยาก 3-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา คว้าชัย 4 นัดติดมี 12 คะแนนเต็ม แซง "เรือใบสีฟ้า" ขึ้นไปนั่งจ่าฝูงเหมือนเดิม อีกทั้งยังสร้างสถิติใหม่ของสโมสร เมื่อคว้าชัยในลีก 13 นัดติดต่อกันนับแต่ปี 1990 สนาม : เทิร์ฟ มัวร์ "หงส์แดง" ชนะรวดมา 3 แมตช์ติดต่อกันในลีก มี 9 คะแนนเต็ม แมตช์นี้บุกมาเยือน เบิร์นลี่ย์ ซึ่งฟอร์มล่าสุดไม่ชนะใครมา 3 เกมติดต่อกันรวมทั้งล่าสุดที่เพิ่งร่วง คาราบาว คัพ คาบ้านให้แก่ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ฌอน ไดช์ กุนซือเจ้าถิ่นยังวางแนวรุกตัวเด็ดทิ้ง คริส วู้ด และแอชลี่ย์ บาร์นส์ ขณะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังใช้ขุมกำลังชุดเดิมจากเกมที่ไล่ถลุง อาร์เซน่อล มาเมื่อวีกที่แล้ว แนวรุกสามหน้ายังใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ เริ่มเกมมาไม่ถึงนาที "หงส์แดง" ได้ทักทายเจ้าถิ่นก่อนเลย หลังฟาบินโญ่เก็บบอลแถวสองก่อนตะบันไกลแต่บอลเหินคานไปไกล จากนั้น นาที 2 แฟนเบิร์นลี่ย์เกือบได้เฮบ้าง เมื่อบอลวางยาวจาก แม็ทธิว โลว์ตัน ข้ามหัวแนวรับหงส์แดงให้ คริส วู้ด สปีดตามไปเก็บแล้วล็อกบอลหนี ฟาน ไดจ์ค ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเล่นทางเสาไกลแต่ดีที่ อาเดรียน ยังพุ่งปัดปลายนิ้วช่วยทีมไว้ได้ บอลแลกกันสนุก ถัดมา นาทีที่ 5 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสชิงขึ้นนำหลัง ซาดิโอ มาเน่ เก็บบอลได้ก่อนไหลออกขวาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมาปั่นด้วยซ้ายบอลพุ่งติดปลายนิ้วของ นิค โพ๊พ ก่อนไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย นาที 18 บอลสวนกลับของเจ้าถิ่นได้ลุ้นอีก คราวนี้ ดไวท์ แม็คนีล ได้บอลนอกกรอบก่อนจะตั้งป้อมซัดไกลแต่บอลยังไปติดบล็อก โฌแอล มาติป ก่อนไปเข้ามือ อาเดรียน นาที 22 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พาบอลขึ้นมาเองฝากเล่นชิ่งกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก่อนบอลหลุดเข้าไปถึงดาวเตะชาวอียิปต์แต่จับบอลห่างก่อนจะโดน นิค โพ๊พ ออกมาขวางและบอลมาโดนหน้าแข้งของ ซาลาห์ พุ่งเฉียดเสาแบบหวุดหวิด แต่แล้ว นาที 34 ลิเวอร์พูล มาไดประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 บอลสวนกลับขึ้นมาทางขวา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไหลคืนหลังให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตั้งใจครอสเข้าหน้าประตูแต่บอลไปแฉลบไหล่ คริส วู้ด ก่อนจะเปลี่ยนทางย้อยเสียบเสาเหลี่ยมเสาไกลเข้าประตูตัวเองไปชนิดที่ นิค โพ๊พ ได้แต่ยืนมอง อีก 4 นาทีต่อมา แฟนเบิร์นลี่ย์เงียบกริบอีกรอบ หลัง เบน มี ทำพลาดง่ายเมื่อจ่ายบอลไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก่อนดาวเตะทีมชาติบราซิลจะควบจากกลางสนามแล้วแอสซิสต์นิ่มๆ ให้ ซาดิโอ มาเน่ วิ่งมาแปด้วยขวาผ่านนิค โพ๊พ เข้าประตูไป ลิเวอร์พูล หนีเจ้าถิ่น 2-0 จบครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-2 ครึ่งหลัง นาที 59 "หงส์แดง" มาได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบทางซ้ายหลัง ฟาบินโญ่ โดนเจมส์ ทาร์คอฟสกี้ขวางไม่ให้ไป และจากลูกฟรีคิก เทรนท์ ไหลเลียดเข้าไปให้ โม ซาลาห์ อัดไปติดบล็อกเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย ก่อนอีก 3 นาที ซาลาห์ จะได้ลุ้นอีกจากจังหวะพาบอลเข้ามาแล้วเลี้ยงตัดเข้าหน้าปากประตูก่อนจะขืนเล่นล็อกเข้าขวาข้างไม่ถนัดแล้วยิงแต่บอลน้ำหนักเบาไปเข้ามือ นิค โพ๊พ นาที 71 เยอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง อเล็กซ์ อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน ลงมาแล้วแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วนเจ้าถิ่นเปลี่ยนบ้างอีกหนึ่งนาทีต่อมาถอดเอา แอชลี่ย์ บาร์นส์ ออกแล้วส่ง เจย์ โรดริเกซ ลงไปเล่นแทน นาที 78 บอลสวนกลับของ "หงส์แดง" ตอบโต้ขึ้นมาไวบอลไหลมาถึง อเล็กซ์ อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน ได้กดกว่า 30 หลา บอลพุ่งแรงทว่าไปตรงตัว นิค โพ๊พ รับเข้ามือไว้ได้ กระนั้น นาที 80 แฟนเดอะ ค็อปได้เฮลั่นสมใจอีก เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูที่สาม บอลจากแดนหลัง โฌแอล มาติป คลายบอลฝากเข้ากลางให้ ฟีร์มิโน่ ก่อนจะแทงออกขวาให้ ซาลาห์ ตามไปเก็บบอลก่อนจะเลี้ยงตัดเข้ากลางบอลยาวไปเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ วิ่งมาซัดด้วยขวาลอดขา ทาร์คอฟสกี้ เข้าไป ให้ "หงส์แดง" ทะยานนำโด่ง 3-0 ช่วงนาทีสุดท้าย หงส์แดง เกือบโดนตีไข่แตก เมื่อ เจย์ โรดริเกซ ได้โอกาสยิงในกรอบแต่บอลจังหวะสุดท้ายไปติดเซฟของ อาเดรียน ไว้ก่อน จบเกม ลิเวอร์พูล บุกถล่ม เบิร์นลี่ย์ 3-0 เก็บคลีนชีตได้เป็นเกมแรก อีกทั้งคว้าชัยรวด 4 ในติด มี 12 แต้มเต็ม แซง แมนฯซิตี้ ขึ้นนำจ่าฝูงเหมือนเดิม พร้อมทำสถิติคว้าชัยในลีกติดต่อกันเป็นเกมที่ 13 นับแต่ปี 1990 รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โพ๊พ - แม็ทธิว โลว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, เอริค ปีเตอร์ส - อารอน เลนน่อน, แจ็ค คอร์ค, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, ดไวท์ แม็คนีล - คริส วู้ด, แอชลี่ย์ บาร์นส์ ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์ ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ ผู้จัดการทีม : เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ตัดสิน : คริส คาวานาห์ |
|