|
8
พ.ค. ลิเวอร์พูลทำเหลือเชื่อไล่ถล่มบาร์เซโลน่า พลิกนรกเข้าชิงฯ2ปีติด
แอนฟิลด์ทำแตก หลังแข้ง "หงส์แดง" ทำเรื่องเหลือเชื่อหลังเกมแรกพ่ายมา 0-3 แต่รวมพลังไล่ถล่มแชมป์จากสเปน บาร์เซโลน่า ไปแบบขาดลอย 4-0 สกอร์รวมสองนัดทะยานผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศด้วยประตูรวม 4-3 นับเป็นการเข้าชิงดำสองสมัยติดต่อกัน โดยจะรอผู้ชนะระหว่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หรือสเปอร์ส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา สนาม : แอนฟิลด์ (ผลการแข่งขันนัดแรก บาร์เซโลน่า ชนะ 3-0) * งานหนักของ "หงส์แดง" เจ้าถิ่นในเกมนี้เลย หลังแมตช์แรกยกทัพบุกไปพ่าย บาร์เซโลน่า ถึงคัมป์ นู 0-3 ทำให้เกมนี้กลับมาเล่นในแอนฟิลด์ ต้องพึ่งปาฎิหาริย์อย่างเดียวเท่านั้นถึงจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศเป็นสมัยที่สองติดต่อกันได้สำเร็จ ยิ่งเกมนี้พวกเขาไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อย่างแน่นอนแล้วหลังบาดเจ็บจากศรีษะในเกมที่บุกไปชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 เช่นเดียวกับในราย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และนาบี้ เกอิต้า ที่เจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ ทำให้สามประสานเกมรุกของ ลิเวอร์พูล วันนี้ส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่, ดิว็อค โอริกี้ และซาดิโอ มาเน่ ส่วนทางฝั่ง บาร์เซโลน่า กุมความได้เปรียบถึง 3-0 ทำให้เกมนี้บุกมาเยือนเล่นแบบสบายๆ หากไม่ประมาทโอกาสผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศนั้นมีสูง ด้วยสภาพทีมที่สมบูรณ์ทุกตำแหน่ง หลังพักตัวจริงเกือบยกทีมในเกมบุกไปพ่าย เซลต้า บีโก้ มาล่าสุด จะมีเพียงแค่ อุสมาน เดมเบเล่ เท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม แต่ไม่มีปัญหาเพราะทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ พร้อมไล่ล่าสกอร์ ครึ่งแรก ...เปิดฉากมาไม่ถึง สองนาที "หงส์แดง" เกือบได้ลุ้นขึ้นนำก่อนเลย ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลทางซ้ายก่อนเลี้ยงจี้แล้วจ่ายเข้ากลางให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ วิ่งมายิงด้วยซ้ายไม่เต็มใบบอลพุ่งไปเสาสองก่อนโดน จอร์ดี้ อัลบา จิ้มบอลสกัดออกหลัง แต่แล้ว นาที 7 เสียงเชียร์ของ เดอะ ค็อป ในแอนฟิลด์ดังกระหึ่ม เมื่อเจ้าถิ่นมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ที่ต้องการ บอลยาวจากแดนหลังมาถึง มาเน่ จับบอลลงให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งมาฉกบอลก่อนเลี้ยงแหวกแนวรับเข้าไปยิงด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนจะไปติดมือ มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น แต่ปัดบอลไปเข้าทางปืน ดิว็อค โอริกี้ ตามซ้ำเข้าไปอย่างง่ายดาย (สกอร์รวมไล่มาเป็น 1-3) "หงส์แดง" ดาหน้าโหมบุกอย่างหนัก นาที 10 ซาดิโอ มาเน่ เลี้ยงหลบทั้ง อาร์ตูโร่ วิดาล เข้าไปในเขตโทษก่อนจะเบียดกับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ล้มลงไป แต่ผู้ตัดสินชาวตุรกีแบมือให้เล่นต่อ ไม่เป่าเป็นจุดโทษ นาที 15 บาร์เซโลน่า พลาดโอกาสได้ลูกตีเสมออย่างจัง หลัง เมสซี่ ได้ล่อเป้าหน้าบริเวณจุดโทษแต่เจ้าตัวใจเย็นล็อกบอลก่อนโดนแข้งหงส์แดงจิ้มแย่งบอลรอดพ้นอันตราย ถัดมา นาที 17 แฟนเดอะ ค็อปเกือบใจหายอีก เมื่ออดีตเด็กเก่าอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเล่นทางเสาไกลแต่ยังดีที่ อลีสซง นายด่านชาวบราซิเลี่ยนของเจ้าถิ่นยังพุ่งปัดสุดมือออกหลังไปแบบหวุดหวิด เกมรุกของ "เจ้าบุญทุ่ม" ยังเล่นงานอย่างต่อเนื่องคราวนี้ นาทีเดียวถัดมา บอลจากลูกเตะมุม แนวรับหงส์แดงเคลียร์บอลไม่เด็ดขาด บอลเลยมาเข้าเท้าซ้ายของ เมสซี่ วิ่งมายิงเร็วหน้ากรอบ 18 หลา บอลพุ่งถากเสาแบบได้เสียว บอลแลกกันสนุก เปิดเกมตอบโต้กันดุเดือด นาที 23 เป็นโอกาสของ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง คราวนี้ ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลทางซ้ายแต่ครอสไปติด เซร์จี้ โรแบร์โต้ บอลกระดอนมาเข้าทาง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งมากระหน่ำด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเสาแรกจน มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น ต้องผวาทุบบอลออกไป เกมผ่านไปถึง นาที 31 แฟนเจ้าถิ่นใจเสียวเลย หลังเห็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมมีอาการบาดเจ็บ จนต้องปฐมพยาบาลแต่ยังดีที่กลับมาลงสนามเล่นต่อไหว อีกสิบนาทีต่อมา เป็นแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่มาเจ็บบ้างแต่ยังลุกมาเล่นไหวเช่นกัน นาที 43 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งมาเก็บตกแถวสองก่อนยิงไปแฉลบ อาร์ตูโร่ วิดาล บอลเปลี่ยนทางพุ่งถากเสาแรกออกไปแบบได้ลุ้น ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาที 45+3 เซอร์ดาน ชากิรี่ ทำเสียบอลตรงกลาง ก่อนที่ลิโอเนล เมสซี่ จะได้กดด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งเลียดเบียดเสาสองออกไป ถัดมาไม่ถึงนาที เมสซี่ ไหลบอลให้ จอร์ดี้ อัลบา เติมขึ้นมายิงแต่บอลยังไม่พ้นมือของ อลีสซง ช่วยเซฟไว้ได้ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ บาร์เซโลน่า 1-0 (สกอร์รวมสองนัด 1-3) ครึ่งหลัง ..."หงส์แดง" ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เล่นต่อไม่ไหว ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องแก้เกมด้วยการส่ง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ลงมาเล่นแทน แล้วให้ เจมส์ มิลเนอร์ ถ่างไปเล่นแบ็กซ้ายแทน นาที 49 เจ้าถิ่นเกือบได้ลุ้น หลังบอลวางยาวมาให้ มาเน่ พักบอลด้วยหน้าขาบอลจะหลุดเข้าไปดวลกับนายด่านบาร์ซ่าแล้ว แต่ เซร์จี้ โรแบร์โต้ วิ่งมาจิ้มบอลเคลียร์ออกหลังไป และจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง ชากิรี่ เปิดบอลมาในกรอบ 6 หลาให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ดีดบอลในกรอบแต่บอลยังไปติดเซฟของ มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น เช่นเดียวกับทีมเยือนที่ได้ลุ้นตีเสมอบ้าง นาที 51 เมสซี่ แทงบอลให้ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดเข้าไปยิงแต่บอลยังไปติดปลายมือของ อลีสซง หวุดหวิด แต่แล้ว นาที 54 "เดอะ ค็อป" ได้เฮกันลั่นอีกรอบ เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูที่รอคอย ออกนำเจ้าบุญทุ่ม 2-0 บอลจากริมเส้นด้านขวาขึ้นมาทาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสสบอลเข้าไปให้ ไวนัลดุม วิ่งมาซัดบอลผ่านมือ มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น เข้าไป เท่านั้นไม่พอ "หงส์แดง" มาทำสิ่งเหลือเชื่อจนได้ เมื่อสองนาทีต่อมา มานำห่างเป็น 3-0 อย่างรวดเร็ว เจมส์ มิลเนอร์ ไหลบอลสั้นให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ เปิดด้วยซ้ายมาเสาแรกให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ที่ขึ้นสะบัดโขกบอลตุงตาข่าย เป็นประตูที่สองในเกมนี้ของห้องเครื่องชาวฮอลแลนด์ สกอร์รวมตอนนี้ ลิเวอร์พูล ไล่ตีเสมอ บาร์เซโลน่า 3-3 นาที 60 บาร์เซโลน่า แก้เกมบ้างด้วยการส่ง เนลสัน เซเมโด้ ลงมาเล่นแทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ นาที 66 บาร์ซ่า ได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะอันตรายกว่า 30 หลา แต่จังหวะนี้ ลิโอเนล เมสซี่ ยิงไปติดกำแพงของหงส์แดงออกหลังไป เป็นโอกาสของ เจ้าบุญทุ่ม ที่ได้กดดันต่อเนื่อง นาที 68 ได้ลุ้นอีกระลอกเมื่อ ราคิติช ยกบอลให้ ลิโอเนล เมสซี่ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงด้วยซ้ายเต็มแรก แต่บอลยังไม่ผ่านเซฟของ อลีสซง ที่ออกมาปิดมุมเสาแรกก่อนปัดออกหลังไปได้ นาที 79 แฟนหงส์แดงในแอนฟิลด์กรี๊ดกันลั่นในแอนฟิลด์แทบสนามแตก เมื่อ ลิเวอร์พูล ทำเหลือเชื่อมานำห่างเป็น 4-0 จากจังหวะที่ได้ลุกเตะมุมทางด้านขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำแสบหลอกเล่นบอลเร็วในขณะที่แข้งบาร์ซ่าไม่ทันตั้งใจ ด้วยการเปิดเลียดเร็วไปกลางประตูให้ ดิว็อค โอริกี้ วิ่งมายิงด้วยขวาบอลพุ่งเข้าเสาไกล เป็นประตูที่สองในเกมนี้ มีลุ้นแฮตทริกเช่นเดียวกับ ไวนัลดุม ทว่า สกอร์รวมตอนนี้แซงนำ บาร์เซโลน่า เป็น 4-3 แล้ว นาที 85 ลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยนตัวเป็นคนที่สอง หลัง ดิว็อค โอริกี้ เล่นไม่ไหว ก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะส่ง โจ โกเมซ ลงไปเล่นแทน ช่วงท้ายเกม ไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ลิเวอร์พูล ทำเหลือเชื่อสร้างปาฎิหาริย์พลิกนรกกลับมาเอาชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 รวมสองนัดผ่านเข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 4-3 รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ - เซอร์ดาน ชากิรี่, ดิว็อค โอริกี้, ซาดิโอ มาเน่ เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์ บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น - เซร์จี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา - อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์ตูโร่ วีดาล - ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ผู้ตัดสิน : คูเน็ย์ต ชาคีร์ (ตุรกี) |
|