26
มี.ค.
บาร์คลี่ย์เบิ้ล-สเตอร์ลิงก็ยิงอีก! อังกฤษโดนก่อนรัว5เม็ดถล่มมอนเตเนโกรเละ



"สิงโตคำราม" ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ แม้จะเป็นฝ่ายตามหลัง แต่ฟอร์มของแข้งผู้ดียังยอดเยี่ยมช่วยกันเอาคืนห้าเม็ดรวด ก่อนบุกถล่มมอนเตเนโกรขาดลอย 5-1 เกมนี้ รอสส์ บาร์คลี่ย์ โชว์ฟอร์มร้ายกาจซัดสองเม็ด แถมจ่ายให้เพื่อนอีกหนึ่ง พาทีมซิวชัยสองนัดติด ยึดจ่าฝูง กลุ่ม เอ ศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

สนาม : สตาดิโอน พอด กอริกอม

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก เป็นการแข่งขันนัดที่สอง ของกลุ่ม เอ เจ้าถิ่น มอนเตเนโกร ที่เล่นแรกโดนบัลแกเรียไล่ตีเสมอ 1-1 ทำได้แค่แบ่งแต้มแบบน่าเจ็บใจ รับการมาเยือนของทีมแรงอย่าง "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่นัดที่แล้วประเดิมหรูไล่ถล่มเอาชนะ เช็ก 5-0

เกมนี้เจ้าถิ่นของ ลูบิซ่า ตุมบาโควิช กุนซือเล่นหน้าคู่ส่ง ฟาตอส เบกิราจ์ ยืนล่าตาข่ายร่วมกับ สเตฟาน มูโกซ่า โดยมี อดัม มารูซิช และนิโกล่า วุคเซวิช คุมเกมแดนกลาง

ส่วนทางฝั่งทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การคุมทัพของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เกมนี้ไร้ เอริค ดายเออร์ ที่บาดเจ็บและถอนตัวจากทีมไปแล้ว ทำให้มิดฟิลด์ตัวรับเกมนี้เลือกใช้ เดแคลน ไรซ์ เช่นเดียวกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย หอกดาวโรจน์จากเชลซีที่เกมที่แล้วลงมาสำรองแล้วทำผลงานได้ดี โดยจะประสานงานร่วมกับ แฮร์รี่ เคน และราฮีม สเตอร์ลิง ที่ทำแฮตทริกได้ในเกมที่แล้ว

เกมช่วง 15 นาทีแรก ทัพสิงโตคำรามแม้จะเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า แต่ยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันหลังไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าถิ่นที่เล่นกันอย่างรัดกุม

กลายเป็น มอนเตเนโกร ที่อาศัยลูกโต้กลับและใช้โอกาสไม่เปลืองกระทั่งเป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะตะลุยบอลเข้ามาของ มาร์โก้ เวโซวิช ก่อนจะผ่านทั้ง ไมเคิ่ล คีน และฮัดสัน-โอดอย หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาผ่านมือ พิคฟอร์ด อย่างเฉียบขาด

กระนั้น นาที 30 ทีมชาติอังกฤษ มาตีเสมอ 1-1 จนได้ จากลูกฟรีคิกนอกกรอบ รอสส์ บาร์คลี่ย์ เปิดบอลมาเสาสองให้ ไมเคิ่ล คีน ขึ้นโขกย้อนตัว เพ็คโควิช เข้าไป

เจ้าถิ่นหลังเสียประตูก็กลับมาเปิดเกมแลก นาที 33 สเตฟาน มูโกซ่า พักบอลลงแล้ววอลเลย์เต็มแรงกว่า 25 หลาบอลพุ่งตรงกรอบแต่ยังไม่ห่างตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่รับไว้ได้ไม่มีปัญหา

แฟนบอลมอนเตเนโกรต้องเงียบกันกริบบ้าง เมื่อนาที 39 กลายเป็น "สิงโตคำราม" ที่แซงขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ เคน ไหลบอลออกข้างให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เลี้ยงบอลตัดเข้ามาในกรอบแล้วอัดด้วยขวา บอลพุ่งไปเข้าทาง รอสส์ บาร์คลี่ย์ แปด้วยขวาเปลี่ยนทางเข้าประตูไป

จบครึ่งแรก อังกฤษ เป็นฝ่ายบุกมาแซงนำเจ้าถิ่น มอนเตเนโกร 2-1

กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 51 อังกฤษ ได้ลุ้นเลยเมื่อ แฮร์รี่ เคน จ่ายบอลต่อให้ ฮัดสัน-โอดอย กดด้วยขวาแต่บอลยังไปติดเซฟของ เพ็คโควิช

อีกสามนาทีต่อมา เจ้าถิ่นได้เสียวบ้าง แนวรับผู้ดีเคลียร์กันไม่เด็ดขาด มีร์โก้ อิวานิช กระชากบอลถึงเส้นหลังแล้วปาดมาเสาแรกให้ ฟาตอส เบกิราจ์ ล้มตัวยิงเข้าหน้าต่างเสาแรกไป

นาที 59 อังกฤษ ทะยานนำห่างเจ้าถิ่นเป็น 3-1 จนได้ บอลเริ่มจาก ราฮีม สเตอร์ลิง ในกรอบทางด้านขวาเลี้ยงบอลถึงเส้นหลังแล้วตบเข้ากลางมาติด สเตฟาน ซาวิช ที่เคลียร์บอลไม่ดี กลายเป็นตั้งให้ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ตะบันอัดเข้าไปไม่เหลือ เป็นประตูที่สองของห้องเครื่องจากเชลซีในเกมนี้อีกด้วย

เกมผ่านไปครบหนึ่งชั่วโมง นาที 61 เจ้าถิ่นส่ง มาร์โก้ ยานโควิช ลงเล่นแทน ฟาตอส เบกิราจ์ ถัดมาอีกสามนาที เซาธ์เกต เปลี่ยนตัวบ้างส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปคุมกลางแทน เดเล่ อัลลี่

อีก 10 นาทีต่อมา อังกฤษ ทะยานนำโด่งเป็น 4-1 ราฮีม สเตอร์ลิง กระชากบอลขึ้นทางกราบขวาของสนามก่อนปาดเลียดมาหน้าประตูให้ แฮร์รี่ เคน ที่ยืนโล่งๆ ตั้งเท้าแปบอลด้วยซ้ายเข้าป

เท่านั้นไม่พอ นาที 80 อังกฤษ หนีห่างเป็น 5-1 คราวนี้ต้องยกลูกคิลเลอร์พาสของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่แทงทะลุช่องสุดเนียนให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปยิงเบาๆ ผ่านตัวเพ็คโควิชเข้าไป

จบเกม "สิงโตคำราม" อังกฤษ เอาคืนห้าประตูรวดด้วยการบุกถล่ม มอนเตเนโกร 5-1 คว้าชัยสองเกมติด มี 6 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

มอนเตเนโกร (4-2-3-1) :
ดานิเยล เพ็ตโควิช - ฟิลิป สตอยโควิช, สเตฟาน ซาวิช, มาร์โก ซิมิช (วลาดิเมียร์ โยโววิช น.74), ซาร์โก้ โตมาเซวิช - อดัม มารูซิช, มีร์โก อิวานิช, นิโกล่า วุคเซวิช, มาร์โก เวโซวิช (อเล็กซานดาร์ โบลเยวิช น.70) - ฟาตอส เบกิราจ์ (มาร์โก ยานโควิช น.61), สเตฟาน มูโกซ่า

เทรนเนอร์ : ลูบิซ่า ตุมบาโควิช

อังกฤษ (4-3-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด - ไคล์ วอล์คเกอร์, ไมเคิ่ล คีน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, แดนนี่ โรส - เดเล่ อัลลี่ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.64), เดแคลน ไรซ์ , รอสส์ บาร์คลี่ย์ (เจมส์ วอร์ด-พราวส์ น.82) - ราฮีม สเตอร์ลิง ,แฮร์รี่ เคน (คัลลั่ม วิลสัน น.83), คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

เทรนเนอร์ : แกเร็ธ เซาธ์เกต

สยามสปอร์ต

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.