|
14
มี.ค. ฟานไดค์โขก-มาเน่เบิ้ล ลิเวอร์พูลบุกตบบาเยิร์น ลิ่ว8ทีมชปล.
"หงส์แดง" งัดฟอร์มสุดยอดหลังบุกไปคว้าชัยเหนือ บาเยิร์น มิวนิค แบบสนุก 3-1 จาก เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่เหมาคนเดียวสองประตูให้ทีมบุกตบเสือใต้ ฉลุยรอบ 8 ทีม แชมเปี้ยนส์ ลีก และเป็นหนแรกในรอบ 10 ปี นับแต่ฤดูกาล 2008-09 เลยทีเดียวที่มี 4 สโมสรจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ทว่าเกมหน้าจะไร้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายตัวเก่งที่ติดโทษแบน สนาม : อลิอันซ์ อารีน่า (ผลการแข่งขันนัดแรก เสมอกัน 0-0) ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ได้กลับมาเฝ้ารังรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บ้างหลังเกมแรกทำอะไรกันมาไม่ได้ เสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 นิโก้ โควัช นำ "เสือใต้" กลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังล่าสุดไล่ถล่ม โวล์ฟสบวร์ก 6-0 ทะยานนำจ่าฝูง บุนเดสลีกา เรียบร้อยแล้ว เกมนี้เจ้าถิ่นจะขาด โยชัว คิมมิช และโธมัส มุลเลอร์ ที่ติดโทษแบน กระนั้นไม่มี ปัญหาแนวรุกยังเป็นชุดเดิม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยืนหน้าเป้า ขณะที่ ฟร้องค์ ริเบรี่ ออกสตาร์ทตัวจริงปั้นเกมรุกสนับสนุนร่วมกับ แซร์จ นาบรี้ และฮาเมส โรดริเกซ ส่วนทางฝั่ง "หงส์แดง" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่แพ้ทีมใดมา 10 เกมติดทุกรายการแล้ว ล่าสุดเอาชนะเบิร์นลี่ย์ 4-2 ไล่จี้จ่าฝูง แมนฯซิตี้ แต้มเดียวเท่านั้น ขณะที่ความพร้อมวันนี้ได้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ พ้นโทษแบนมาบัญชาเกมรับ แต่ข่าวร้ายคือ นาบี เกอิต้า เจ็บทำให้ไม่มีชื่อเดินทางมาเยอรมัน ทำให้แดนกลาง มีเจมส์ มิลเนอร์ ทำหน้าที่ร่วมกับจอร์แดน เฮนเดอร์สัน และจอร์จินโย่ ไวนัลดุม ส่วน 3 ประสานแดนหน้ายังเหมือนเดิม โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่และซาดิโอ มาเน่ เกมครึ่งแรก ต้องรอถึง นาทีที่ 9 เป็นโอกาสแรกของ "เสือใต้" ที่ได้ทักทายทีมเยือนก่อน หลังแนวรับหงส์แดงเล่นกันผิดพลาดปล่อยให้บอลมาเข้าเท้า ติอาโก้ วิ่งมาแปด้วยขวานอกกรอบแต่บอลเหินโด่งข้ามคานไป อีกสองนาทีต่อมา แฟนบอลเสือใต้ส่งเสียงโห่ หลังผู้ตัดสินไม่เป่าให้ จุดโทษ จากจังหวะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบก่อนจะโดน ฟาน ไดค์ มาเบียดล้มลงไป นาที 13 เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็ว หลัง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ฟาบินโญ่ ลงมาเล่นแทน "หงส์แดง" เริ่มครองบอลได้มากขึ้น นาที 25 โอกาสยิงครั้งแรกของทีมได้ลุ้นทีเดียว เมื่อ ฟีร์มีโน่ พลิกตัวตะบันด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งแรงหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว แต่แล้ว นาทีถัดมา เสียงแฟนบอลเจ้าถิ่นต้องเงียบกันกริบเลย เมื่อ ลิเวอร์พูล ทะลวงตาข่ายชิงขึ้นนำก่อนทันที บอลวางยาวจาก ฟาน ไดค์ มาถึง ซาดิโอ มาเน่ เอาบอลลงด้วยขวาอย่างเหนือชั้นก่อนจะหมุนหลบ มานูเอล นอยเออร์ ที่ออกมาเร็ว แล้วพลิกตัวชิพบอลเข้าไปโล่งๆ อย่างเยือกเย็น ให้ "หงส์แดง" ขึ้นนำ 1-0 สกอร์นี้ทำให้ "เสือใต้" ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เพราะโดนมายิงถึงบ้านเป็นอเวย์โกลของลิเวอร์พูล แน่นอนไม่มีการต่อเวลาฯเกิดขึ้น เกมรุกของ เร้ด แมชีน ได้ลุ้นเรื่อยๆ นาที 34 มาเน่ แทงบอลให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หลุดเข้าไปอัดด้วยซ้ายข้างถนัด บอลพุ่งไปชนแขน นอยเออร์ ออกหลังไป กระนั้น นาที 39 บาเยิร์น มิวนิค มาทวงประตูไล่ตีเสมอ 1-1 จนได้ บอลยาวจากแนวรับเสือใต้ทิ้งมาให้ แซร์จ นาบรี้ หลุดเข้าไปกึ่งยิงกึ่งผ่านบอลไปโดน โฌแอล มาติป ที่วิ่งมาจิ้มบอลเข้าประตูตัวเองไป ทว่ารวมสองนัดสกอร์ 1-1 แต่ "หงส์แดง" ยังได้เปรียบที่จะเข้ารอบตามกฎอเวย์โกล นาที 43 ฟาบินโญ่ มาตัดฟาวล์ใส่ ฮาเมส โรดริเกซ หน้ากรอบกว่า 25 หลา จนได้ใบเหลืองไป แม้จังหวะฟรีคิกของ อลาบา ปั่นข้ามกำแพงไปเข้ามือของ อลีสซง ช่วงนาทีสุดท้ายครึ่งแรก "เสือใต้" ทิ้งโอกาสทองในการพลิกแซงขึ้นนำแบบน่าเสียดาย เมื่อ นาบรี้ แทงบอลจากด้านขวาให้ เลวานดอฟสกี้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแตะบอลหนี อลีสซง ได้แล้วแต่บอลมันพุ่งแรงไปกลิ้งเฉียดเสาออกไปชนิดทำให้แฟนหงส์ใจหายใจคว่ำ จบครึ่งแรก บาเยิร์น มิวนิค ยังเสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง แค่นาที 50 แฟนหงส์หวิดได้กรี๊ดลั่นเลย เมื่อ โม ซาลาห์ พาบอลกระชากเข้าไปอัดด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลพุ่งไปตรงตัว นอยเออร์ ที่ช่วยเซฟไว้ได้ เกมเข้าสู่นาที 60 เป็นโอกาสของ "เสือใต้" บ้าง คราวนี้ แซร์จ นาบรี้ ได้บอลทะลุถึงเส้นหลังก่อนครอสบอลมาหน้าปากประตูให้ เลวานดอฟสกี้ พุ่งเข้าชาร์จไม่ทันก่อนไหลผ่านหน้าประตูออกข้างไป นาที 61 บาเยิร์น มิวนิค ถอดเอา ฟร้องค์ ริเบรี่ ออกแล้วส่ง คิงส์ลี่ย์ โกมัน ลงเล่นแทน นาที 67 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เรียกเสียงฮือฮา หลังเปิดคอนเนอร์เกือบจะโค้งเสียบเสาสองดีที่ นอยเออร์ พุ่งถอยหลังมาปัดบอลออกทัน และจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่องอีกนาทีเดียวต่อมา "หงส์แดง" มาแซงขึ้นนำเป็น 2-1 อีกครั้ง บอลจาก เจมส์ มิลเนอร์ส เปิดบอลโค้งมากลางประตูให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ทะยานขึ้นโขกเต็มหัวส่งบอลซุกก้นตาข่าย ชนิดที่ นอยเออร์ ได้แต่ยืนขาตาย นาที 75 โอกาสกาสของ ลิเวอร์พูล อีกครั้งเกือบจะได้ประตูหนีห่างเจ้าถิ่น หลัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตะลุยเลี้ยงบอลแหวกแนวรับเจ้าถิ่นเข้าไปจะยิงด้วยซ้ายอยู่แล้ว แต่โดน ซือเล่ จิ้มบอลไว้ได้ทัน ก่อนที่ นอยเออร์ จะสกัดบอลพ้นระยะอันตรายอีกที โอกาสเข้าทำดูจะเป็นของฝั่งทีมเยือนมากกว่า นาที 80 โรแบร์โต้ ฟรี์มีโน่ จับบอลนอกกรอบก่อนจะวางเท้าส่องไกลแต่บอลยังไม่ดีพอจะผ่านมือ นอยเออร์ ที่รับไว้ได้ไม่มีปัญหา นาที 84 แฟนเสือใต้ใจสลาย เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 บอลเริ่มจาก โอริกี้ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาถ่ายบอลออกทางขวาให้ ซาลาห์ เปิดด้วยซ้ายติดไซด์ก้อย บอลข้ามหัวแนวรับมาถึง ซาเน่ เทกตัวโขกเต็มกบาลเสียบมุมตาข่าย เป็นประตูที่สองของดาวยิงชาวเซเนกัลในเกม ช่วงทดเวลาเจ็บ น. 90+2 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายหงส์แดงต้องมาโดนใบเหลือง ทำให้ครบโควต้าสองใบเหลืองติดโทษแบนเกมต่อไป ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาคว้าชัยเหนือ บาเยิร์น มิวนิค 3-1 สกอร์รวมสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยประตูรวม 3-1 โดยถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เลยทีเดียวที่มี 4 ทีมจากอังกฤษ ทั้ง แมนฯซิตี้, แมนฯยูฯ, สเปอร์ส และลิเวอร์พูล ต่างทะยานเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้ รายชื่อผู้เล่นลงสนาม บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ - ราฟินญ่า, นิคลาส ซือเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาวิด อลาบา - ฆาบี มาร์ติเนซ (ลีออน กอเร็ตซ์ก้า น.72), ติอาโก้ อัลกันตาร่า - แซร์จ นาบรี้, ฮาเมส โรดริเกซ (เรนาโต้ ซานเชซ น.79), ฟร้องค์ ริเบรี่ (คิงสลี่ย์ โกมัน น.61) - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เทรนเนอร์ : นิโก้ โควัช ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ฟาบินโญ่ น.13), เจมส์ มิลเนอร์ (อดัม ลัลลาน่า น.87), จอร์จินโย่ ไวนัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.83), ซาดิโอ มาเน่ เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้ตัดสิน : ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ (อิตาลี) |
|