สบายๆ ชิวๆ สำหรับ "เรือใบสีฟ้า" หลังเกมแรกบุกไปคว้าชัยมาก่อน เกมนี้ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ยังไล่ถล่มแบบไม่ไว้หน้าถล่ม ชาลเก้ ไปแบบยับเยิน 7-0 เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน' เหมาสองเม็ด ขณะที่ ลีรอย ซาเน่ ซัดหนึ่ง และจ่ายอีก 3 ใส่ทีมเก่าพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตีตั๋วเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 10-2 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม (ผลนัดแรก แมนฯ ซิตี้ชนะ 3-2)

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์แมนฯ ซิตี้ พาทีมบุกไปชนะชาลเก้มาก่อน 3-2 ในนัดแรก ก่อนถล่มวัตฟอร์ด 3-1 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 5 นัดติด

เกมนี้ไร้ นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ แฟร์นันดินโญ่ ที่ติดโทษแบน ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ บาดเจ็บ แนวรุกจัด ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' และ ลีรอย ซาเน่ โดยมีสามประสานแดนกลางทั้ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกาน และดาบิด ซิลบา

ทางฝาก โดเมนิโก้ เตเดสโก้ เทรนเนอร์ชาลเก้ พาทีมพ่ายมา 4 เกมติดทุกรายการ เกมนี้ได้ เยฟเฮน โคโนเปลียนก้า มาช่วยแดนกลางปั้นเกมร่วมกับ นาบิล เบนตาเล็บ โดยมีคู่หน้าเป็น บรีล เอ็มโบโล่ และกีโด้ บวร์กสตัลเลอร์

ออกสตาร์ทเกม ช่วง 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมเล่นกันแบบระมัดระวัง แม้ทางฝั่ง แมนซิตี้ จะครองเกมและเปิดเกมรุกเข้าใส่แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่สามารถเจาะเข้าไปหาโอกาสยิงได้

นาที 14 โอกาสลุ้นหนแรกของ "เรือใบสีฟ้า" จากจังหวะที่ ไคล์ วอร์คเกอร์ แทงบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดถึงเส้นหลังก่อนจะปาดมาในกรอบ 6 หลา ให้ อเกวโร่ กุน เข้าชาร์จแต่โดนผู้เล่นทีมเยือนสกัดไว้ได้ก่อน

โอกาสยิงเข้ากรอบของ ซิตี้ ต้องรอถึงนาที 31 เป็นจังหวะเล่นฟรีคิกสั้นเกือบครึ่งสนาม บอลยาวมาถึงในกรอบให้ กุน อเกวโร่ ขึ้นโขกแต่บอลเบาไปเข้ามือ ราล์ฟ แฟห์รมันน์ นายทวารชาลเก้ที่รับไว้ได้สบาย

นาที 33 กเลมงต์ ตูร์กแป็ง เชิ้ตดำชาวฝรั่งเศสเป่าให้เจ้าถิ่นได้จุดโทษ จากจังหวะที่ กุนโดกัน วางลึกเข้าไปบอลจะถึง แบร์นาโด ซิลวา อยู่แล้วแต่โดน เจฟฟรี่ย์ บรูม่า พยายามขวางแบบไม่เล่นบอล ทำให้ผู้ตัดสินเลยเป่าให้เป็นลูกฟาวล์ทันที และเป็น กุน อเกวโร่ หัวหอกเบอร์หนึ่งของทีมที่ซัดเข้าไปไม่พลาด ในนาที 35 แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ ชาลเก้ 1-0 สกอร์รวม 4-2

นาที 37 โอกาสยิงหนแรกของ ชาลเก้ เป็น แบ็งฌาแม็ง สต็อมบูลี่ ลากเดี่ยวขึ้นมาก่อนกดนอกกรอบบอลพุ่งหลุดเสาออกไป

ทว่า นาทีต่อมา "เรือใบสีฟ้า" ได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 ทันที สเตอร์ลิ่ง ได้บอลหลุดถึงเส้นหลังทางด้านขวา ก่อนตอกส้นมาให้ อเกวโร่ กุน ที่สอดขึ้นมาก่อนเบียดเข้าไปยิงมุมแคบยัดตัว แฟห์รมันน์ เข้าไป แม้ต่อมา ผู้ตัดสินจะรอฟังสัญญาณจากห้อง VAR เพื่อดูจังหวะดังกล่าวเป็นการล้ำหน้าของ สเตอร์ลิง หรือไม่? ก่อนจะยืนยันคำตัดสินเดิมให้เป็นประตูของเจ้าถิ่น ซึ่งก็เป็นประตูที่สองของดาวยิงอาร์เจนไตน์ในเกมนี้อีกด้วย สกอร์รวมเรือใบนำ 5-2

แนวรับของทีมเยือนเละเป็นโจ๊กไปเลย เมื่อ "เรือใบ" ได้ประตูนำโด่ง 3-0 ในนาที 42 จากจังหวะที่ ซินเชนโก้ แบ็กซ้ายแทงบอลให้ ลีรอย ซาเน่ หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายผ่านตัว ราล์ฟ แฟห์รมันน์ เข้าไปง่ายให้ เป็นการยิงทีมเก่าติดต่อกันสองเกมติดซึ่งเจ้าตัวก็ไม่แสดงอาการดีใจ เพื่อให้เกียรติทีมเก่า

ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 สเตอร์ลิง ได้หลุดเข้าไปยิงมุมแคบแต่หนนี้ซัดไปติดขาของ แฟห์รมันน์ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าจบครึ่งเวลาแรกในจังหวะต่อมา

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ ชาลเก้ 3-0 สกอร์รวมสองนัด "เรือใบสีฟ้า" นำขาดลอย 6-2

ครึ่งหลัง เล่นมาได้ถึง นาที 50 ซาเน่ เกือบพังประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้หลังหลุดเข้าไปดวลกับ แฟห์รมันน์ ก่อนจะยิงหนีตัวหลุดกรอบออกไป

กระทั้ง นาที 54 คราวนี้ ดาบิด ซิลบา จ่ายบอลตัดแผงหลังให้ ซาเน่ หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับนายด่านทีมเยือนอีกรอบ ก่อนจะแตะด้วยซ้ายข้างถนัดแล้วส่งบอลซุกก้นตาข่าย แต่จังหวะนี้ผู้ตัดสินได้สัญญาณจาก วีเออาร์ ก่อนจะกลับคำตัดสินเป็นจังหวะล้ำหน้าของ ซาเน่ ไปก่อนแล้วทำให้เจ้าถิ่นยังนำ 3-0 อยู่เหมือนเดิม

กระนั้น นาที 57 เรือใบที่โหมโจมตีอย่างหนัก มาได้ประตูนำโด่ง 4-0 บอลขึ้นทางซ้ายทาง ซาเน่ เปิดครอสเข้าไปให้ สเตอร์ลิ่ง ยิงเข้าไปไม่เหลือ แม้ว่าลูกนี้ ไลน์แมนจะยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว แต่ กเลมงต์ ตูร์กแป็ง ได้สัญญาณจาก VAR เช็กดูแล้วว่า สเตอร์ลิง ไม่ล้ำหน้าก่อนจะแก้คำตัดสินให้ประตูแก่เจ้าถิ่น แมนฯซิตี้ นำห่าง ชาลเก้ 4-0 สกอร์รวมสองนัด 7-2 เข้าไปแล้ว

นาที 64 เป๊ป เปลี่ยนทีเดียวสองคนรวดถอดเอา กุน อเกวโร่ และดาบิด ซิลบา กัปตันทีมออกมาพัก แล้วส่ง ฟิล โฟลเด้น และกาเบรียล เชซุส ล่งไปเล่นแทน

แนวรุกเจ้าถิ่นเล่นได้ค่อนข้างเด็ดขาด และใช้โอกาสไม่เปลือง นาที่ 71 สกอร์ทิ้งห่างเป็น 5-0 บอลแทงจากหลัง ซินเชนโก้ จ่ายทะลุให้ ซาเน่ เข้าไปในกรอบก่อนจะหักย้อนมาบริเวณจุดโทษ ให้ แบร์นาโด้ ซิลวา ยิงเลียดชนโคนเสาเข้าไป สกอร์รวม "เรือใบ" นำห่าง 8-2

นาที 72 เจ้าถิ่นส่ง ฟาเบียน เดลฟ์ ลงไปเล่นแทน เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ ที่มีอาการเจ็บเล็กน้อย

ก่อนนาที 78 สกอร์นำโด่งเป็น 6-0 เมื่อ ซาเน่ เจ้าเก่าแอสซิสต์ลูกที่ 3 ให้ ฟิล โฟลเด้น หลุดไปแตะหลบนายด่านชาลเก้แล้วยิงเข้าไปอย่างสวยงาม

ยิ่งเล่นแนวรับทีมเยือนยิ่งเละยิ่งกว่าโจ๊ก มาโดนเม็ดที่ 7 ในนาที 84 คราวนี้เป็น กาเบรียล เชซุส สับไกเต็มแรงเสาแรกบอลพุ่งเบียดเสาเข้าไป ให้สกอร์รวม "เรือใบสีฟ้า" นำห่าง 10-2

จบเกม แมนฯ ซิตี้ โชว์ความโหดถล่ม ชาลเก้ ยับเยิน 7-0 รวมผลสองนัด ผ่านเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 10-2

แมนฯซิตี้ กลายเป็นทีมที่ 3 ตัวแทนจากเมืองอังกฤษ ที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยการจับสลากจะมีขึ้นในช่วงตอนเย็นของวันที่ 15 มีนาคม นี้

รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ดานิโล่, ไคล์ วอล์คเกอร์, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ (ฟาเบียน เดลฟ์ น.72), โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกาน, ดาบิด ซิลบา (ฟิล โฟลเด้น น.64) - ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' (กาเบรียล เชซุส น.64), ลีรอย ซาเน่

เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ชาลเก้ (4-4-2) : ราล์ฟ แฟห์รมันน์ - เจฟฟรี่ย์ บรูม่า, แบ็งฌาแม็ง สต็อมบูลี่, ซาลิฟ ซาเน่, บาสเตียน ออซซิปก้า - เวสตัน แม็คเคนนี่ (ฮัมซ่า เมนดิล น.74), เยฟเฮน โคโนเปลียนก้า, ซูอัต เซอร์ดาร์, นาบิล เบนตาเล็บ - บรีล เอ็มโบโล่ (สตีเว่น สเคอร์ซิบสกี้ น.69), กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์ (เซดริก ทอยแชร์ต น.79)

เทรนเนอร์ : โดเมนิโก้ เตเดสโก้

ผู้ตัดสิน : กเลมงต์ ตูร์กแป็ง (ฝรั่งเศส)

สยามสปอร์ต