28
ก.พ.
มาเน่-ฟานไดค์เบิ้ล ลิเวอร์พูลสุดจัดถล่มวัตฟอร์ด นำจ่าฝูงต่อ


ลิเวอร์พูล กลับคืนฟอร์มเทพอีกครั้งหลังโชว์ผลงานขั้นเทพเดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยง วัตฟอร์ด ส่งผลให้ "หงส์แดง" ปราบผู้มาเยือน 5-0 ในเกมลีกเมืองผู้ดี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยงานนี้เป็นผลงานของ ซาดิโอ มาเน่ กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คนละสองประตู และอีก 1 ประตูจาก ดิว็อค โอริกี้ ทำให้ตอนนี้พวกเขายังคงรั้งจ่าฝูง

สนาม : แอนฟิลด์

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ตัดสินใจดร็อป โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หัวหอกบราซิเลียนในเกมรับมือ วัตฟอร์ด เนื่องจากนักเตะยังฟิตไม่เต็มร้อย แถมสุดสัปดาห์ต้องทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ดวล เอฟเวอร์ตัน ทำให้ คล็อปป์ เลือกพักเจ้าตัวและส่ง ดิว็อค โอริกี้ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ โม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่

ขณะที่ผู้มาเยือนยังคงใช้บริการหัวหอกตัวอันตรายนั่นก็คือ ทรอย ดีนี่ย์ ที่จะประสานงานกับ เคราร์ด เดโลเฟว คอยป่วนเกมรับของ "หงส์แดง" โดยแมตช์นี้เจ้าบ้านต้องพยายามคว้า 3 คะแนนให้ได้ เพื่อรักษาระยะหว่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยึดอันดับจ่าฝูงต่อไป

เริ่มเกม ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเขี่ยบอล โดยพวกเขาไล่กดดันทีมเยือนทันที แต่เกมยังไม่มีอะไรน่าหวาดเสียว ขณะเดียวกัน ซาลาห์ ดูเหมือนจะโดนไล่ปะกบติดไม่ให้มีพื้นที่ แต่ในนาที่ที่ 3 "หงส์แดง" มีลุ้นเมื่อ มิลเนอร์ ใช้ความขยันพุ่งไปสกัดบอลในจังหวะที่ ฟอสเตอร์ เตะออกมา แต่เดชะบุญที่บอลลอยสูงแบบไม่มีน้ำหนักทำให้นายด่านวัตฟอร์ดรับได้สบายๆ

ช่วง 5 นาทีแรกเกมยังคงเป็นของ ลิเวอร์พูล แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ขณะที่ "แตนอาละวาด" พยายามไล่กดดัน และหาจังหวะสวนกลับตลอด เข้าสู่นาทีที่ 7 ฟาบินโญ่ โดนทำฟาวล์ระยะเกือบ 30 หลา และ มิลเนอร์ ขัดอาสาเปิดแต่ไม่มีอะไรน่าหวาดเสียว

ในที่สุดความพยายามของ ลิเวอร์พูล ก็เป็นผลโดยในนาที่ที่ 9 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดจากทางกราบขวา และ ซาดิโอ มาเน่ กระโดดโหม่งโล่งๆ บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างงดงาม ส่ง "หงส์แดง" ขึ้นนำ 1-0

หลังจากนั้น วัตฟอร์ด พยายามเปิดเกมบุกหวังเอาประตูคืน และมีโอกาสทะลุมาถึงกรอบเขตโทษ แต่แนวรับเจ้าบ้านสกัดออกไปได้ทำให้ได้แค่ลูกเตะมุม และในจังหวะนี้ วัตฟอร์ด เสียบอลทำให้ ลิเวอร์พูล สวนกลับ โดย โอริกี้ ทิ่มบอลให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปเปิดบอลแต่ติด ฮิวจ์ส และได้เตะมุม แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลิเวอร์พูล ยังเดินเครื่องต่อเพื่อหวังทำประตูเพิ่ม โดยนาทีที่ 14 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนล์ มีโอกาสเปิดบอลริมเส้น แต่ไม่ผ่านมือ ฟอสเตอร์ หลังจากนั้นเจ้าบ้านได้เสียวอีกในนาทีที่ 16 ซาลาห์ ทิ่มบอลให้ เจ้าหนูเทรนท์ ที่เติมเกมเข้ามาในเขตโทษ และพยายามส่งบอลแต่ไปติด เคร็ก แคธคาร์ต ก่อนจะชน ฟอสเตอร์ ทำให้บอลออกหลังไป

ผ่านไป 20 นาที ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำ 2-0 เมื่อ ซาลาห์ ลากตะลุยเข้ามาในเขตโทษ แต่โดนพัวพันจนต้องส่งให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซึ่งส่งต่อให้ "เจ้าหนูเทรนท์" เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ มาเน่ ที่หลุดกับดักล้ำหน้า แต่เจ้าตัวจับบอลยาวเกินไป แถมหันหลังให้ประตู แต่ด้วยไหวพริบทำให้แข้งเซเนกัล ตัดสินใจตอกลูกส้นระยะ 15 หลาส่งบอลซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม

วัตฟอร์ด พยายามจะทวงคืน แต่การเล่นยังขาดๆ เกินๆ ในขณะที่ ลิเวอร์พูล เล่นตามจังหวะคอยสวนกลับอย่างต่อเนื่อง โดยในนาทีที่ 27 ซาลาห์ ได้บอลทางริมฝั่งซ้าย และเลี้ยงตัดเข้าในก่อนจะตะบันเต็มข้อบริเวณกรอบเขตโทษ แต่ ฟอสเตอร์ รับติดมือสบายอุรา อีก 3 นาทีต่อมา อาร์โนลด์ มีโอกาสเปิดบอลเข้าไปในที่หน้าประตูแต่บอลผ่านหน้า มาเน่ กับ ซาลาห์ ไปอย่างน่าเสียดาย

ผ่านมาครึ่งชั่วโมงกว่าๆ วัตฟอร์ด ยังไม่สามารถขู่เกมรับของ ลิเวอร์พูล ได้เลย ขณะที่ ฟาบินโญ่สามารถคุมเกมแดนกลาง และมีจังหวะเข้าสกัดสวยๆ หลายครั้ง โดย "หงส์แดง" ยังคงสร้างความปั่นป่วนทีมเยือนตลอด กระนั้นก็มีบางจังหวะที่ ลิเวอร์พูล เล่นพลาดทำให้ วัตฟอร์ด ได้สวนกลับมา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเกมรับเจ้าบ้านได้

เข้าสู่นาทีที่ 36 อาร์โนลด์ เปิดยาวให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปในเขตโทษและยิงไปติด ฟอสเตอร์ แต่บอลชนเสากระเด็นเข้าทาง มาเน่ แต่ทำอะไรไม่ได้ และในจังหวะต่อเนื่อง มิลเนอร์ ได้เลี้ยงหลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่โดนแนวรับทีมเยือนสกัดบอลมาเข้าทาง โอริกี้ ที่ส่งคืนให้ ฟาบินโญ่ ตะบัน 25 หลาบอลลอยออกไปแบบมีลุ้น

ในนาทีที่ 40 วัตฟอร์ดมีโอกาสดีที่จะได้ประตูตีไข่แตกเมื่อ ดีนี่ย์ เปิดบอลเลียดเข้าไปในเขตโทษแต่ มาติป สกัดทิ้งไปได้ทัน อีกสองนาทีต่อมาทีมเยือนมีลุ้นอีกครั้ง เมื่อ เคราร์ด เดโลเฟว ได้บอลในเขตโทษ และส่งบอลเลียดให้ ดีนี่ย์ ที่วิ่งฉีกหนี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แต่น่าเสียได้ที่ดันจับบอลทะลักออกไป

เข้าสู่นาทีที่ 43 เป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่สร้างโอกาสทำประตูอีกครั้งเมื่อ โอริกี้ ส่งบอลให้ ซาลาห์ ซึ่งรีบส่งต่อให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่วิ่งทะลุเข้ามาในเขตโทษ และมีโอกาสเปิดบอลเข้าไปที่หน้าประตู แต่น่าเสียดายที่บอลผ่านหน้า มาเน่ ไปแค่ไม่กี่หลา

เกมนี้ท่านเปาทดเจ็บแค่ 1 นาที และไม่มีอะไรเกิดขึ้นจบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ 2-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง วัตฟอร์ด พยายามกดดันเจ้าบ้าน แต่ยังทำอะไรไม่ได้ และ ลิเวอร์พูล มีโอกาสสวนกลับเมื่อ ซาลาห์ ได้บอลและเลี้ยงไปที่กรอบเขตโทษ ก่อนส่งให้ อาร์โนลด์ ซึ่งดันเปิดบอลโด่งไปหน่อยทำให้ มาเน่ พลาดโอกาสทำประตู จากนั้นในนาทีที่ 49 โอริกี้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากลาง และ โรเบิร์ตสัน วิ่งแตะบอลแต่น่าเสียดายที่บอลผ่านหน้าประตูไป

อีกหนึ่งนาทีถัดมา โอริกี้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายข้ามให้มาให้ ซาลาห์ ที่ยืนอยู่ฝั่งขวา และ ดาวเตะอียิปต์กระชากบอลไปจนถึงเส้นหลัง ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลาง แต่ ฟอสเตอร์ มือไวปัดออกหลังได้ทัน เข้าสู่นาทีที่ 52 วัตฟอร์ด มีโอกาสเมื่อ เดเลโฟว โชว์ความเร็วเลี้ยงบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปในเขตโทษ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเพื่อนเข้ามาช่วยทำให้พลาดโอกาสทองไป

นาทีที่ 55 วัตฟอร์ด ได้จังหวะฟรีคิกโดยเปิดเข้าไปในเขตโทษ และ มาติป สกัดไม่ขาดไปเข้าทาง แคธคาร์ต และตะบันเต็มข้อแต่บอลไปติด อาร์โนลด์ ออกหลังไปอย่างหวุดหวิด อีก 4 นาทีถัดมา โรเบิร์ตสัน มีโอกาสกระชากบอลจากแดนหลัง และส่งให้ โอริกี้ ที่ซัดหน้ากรอบเขตโทษสองครั้งแต่ติดแนวรับคู่แข่งหมด

ลิเวอร์พูล ยังคงครองเกมและสร้างความหวาดเสียวได้อย่างต่อเนื่อง และในนาทีที่ 63 จากการประสานงานกันระหว่าง มาเน่ ส่งให้ โอริกี้ ที่คืนกลับให้ มาเน่ ซึ่งกลับตัว 360 องศายิงประตูแต่ติดแนวรับวัตฟอร์ดบอลลอยข้ามคานออกไป ถัดมาไม่กี่นาที ไวจ์นัลดุม มีโอกาสส่องหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลเข้าซอง ฟอสเตอร์ สบายๆ

เข้าสู่นาทีที่ 66 ลิเวอร์พูล ได้ครองเกม และ มิลเนอร์ ส่งบอลให้ โรเบิร์ตสัน จากนั้นก็ส่งต่อไปยัง โอริกี้ และ ดาวยิงชาวเบลเยียม พยายามเลี้ยงบอลเข้ามาในระยะทำการก่อนตะบันเต็มเท้าบอลพุ่งเสียบเสาแรกอย่างเฉียบคม ส่ง "หงส์แดง" นำ 3-0

วัตฟอร์ด พยายามจะทำประตูให้ได้ โดยในนาทีที่ 68 ดีนี่ย์ ลองส่องไกล แต่บอลออกเสาไปแบบไม่มีลุ้น จากนั้นในนาทีที่ 69 คล็อปป์ มีการเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน มิลเนอร์ ต่อมาในนาทีที่ 73 วัตฟอร์ด เปลี่ยนสองคนโดยส่ง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ แทน เดเลเฟว และ อังเดร เกรย์ แทน ดีนี่ย์

จากนั้นไม่นาน วัตฟอร์ด สร้างความหวาดเสียวเมื่อ เกรย์ ที่เพิ่งลงสนามมาได้ไม่กี่นาที่มีโอกาสได้ซัดบริเวณมุมขวาประตู แต่ อลีสซง ปัดได้อย่างหวุดหวิด จากนั้น "แตนอาละวาด" ยังพยายามบุกต่อและมาได้ฟรีคิกที่กรอบเขตโทษฝั่งขวา จากนั้นเปิดเข้ากลาง แต่แนวรับลิเวอร์พูลตัดบอลไม่ขาด และ อดัม มาซิน่า โหม่งสวนกลับเข้าไปตรงกลาง โดย เกรย์ หลุดกับดักล้ำหน้ำ และตะบันเต็มข้อแต่บอลโดนแขน อลีสซง ข้ามคาน

เข้าสู่นาทีที่ 78 ลัลลาน่า ลงมาแทน มาเน่ และอีกนาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิก และเป็น อาร์โนลด์ อีกแล้วที่เปิดบอลอย่างแม่นยำเข้าหัว ฟาน ไดค์ ช่วยให้ "เดอะ เร้ดส์" นำห่าง 4-0

ลิเวอร์พูล ยังเดินเกมราว "เครื่องจักรสีแดง" และ โรเบิร์ตสัน โชว์การเปิดบอลอย่างแม่นยำให้ ฟาน ไดค์ โขกเต็มหัว ส่งทีมนำ 5-0 จากนั้น คล็อปป์ จัดการส่ง นาบี เกอิต้า ลงมาแทน ไวจ์นัลดุม ในนาทีที่ 84 โดยในช่วงเวลาที่เหลือ "เดอะ เร้ดส์" เล่นแบบประครองตัว ก่อนที่ท่านเปาจะเป่านกหวีดยาวหมดเวลา ส่งให้เกมนี้เจ้าบ้านถล่ม วัตฟอร์ด ยับ 5-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) :
อลีสซง เบ็คเกอร์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (นาบี เกอิต้า), เจมส์ มิลเนอร์ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน), ซาดิโอ มาเน่ (อดัม ลัลลาน่า)โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิว็อค โอริกี้

ตัวสำรอง : ซิมง มิโญเลต์, นาบี เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, อดัม ลัลลาน่า, เซอร์ดาน ชากีรี่, ราฟาเอล กามาโช่

ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

วัตฟอร์ด (4-4-2) : เบน ฟอสเตอร์, ดาริล ยานมัต, อาเดรียน มาริอัปป้า, เคร็ก แคธคาร์ต, อดัม มาซิน่า , เอเตียน กาปู, วิลล์ ฮิวจ์ส, อับดูลาย ดูกูเร่, โรเบอร์โต้ เปเรยร่า, เคราร์ด เดโลเฟว ( ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์) , ทรอย ดีนี่ย์ (อังเดร เกรย์ )

ตัวสำรอง : เอเรลโญ่ โกเมส , ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, เคน เซม่า, อังเดร เกรย์, โดมินกอส ควีน่า, มาร์ค นาบาร์โร่ , คริสเตียน กาบาเซเล่

ผู้จัดการทีม : ฆาบี กราเซีย

ผู้ตัดสิน : เกรแฮม สกอตต์

www.siamsport.co.th

© 2018-2024 Coreball.com All Rights Reserved.